เมื่อเร็วๆ นี้ ลูกความผมรายนึง เป็นชาวต่างชาติ ขายคอนโดที่ซื้อมาหลายปีแล้ว ราคาซื้อตอนนั้น ประมาณ 28 ล้านบาท
มาเมื่อปลายปีที่แล้ว เค้าขายคอนโดหลังนี้ในราคา 35 ล้านกว่าบาท ในขณะที่ราคาประเมิน ณ ขณะนั้น อยู่ที่ 22 ล้านบาท และโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายที่สำนักงานที่ดิน ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท (จำตัวเลขไม่ได้แน่) เนื่องจากเค้าเป็นต่างชาติ จึงส่งอีเมล์มาสอบถามว่า เค้าจะต้องยื่นแบบภาษีอะไรอีกหรือเปล่ากับเงินได้ตัวนี้
ถ้าตามกฎหมายภาษี ก็ตอบได้ง่ายว่า เค้าก็มีสิทธิเลือกที่จะไม่นำเงินได้ค่าขายคอนโดที่ได้มาโดยมิได้มุ่งค้าหรือหากำไรมายื่นแบบแสดงรายการภาษีอะไรอีก โดยสามารถถือภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายที่กรมที่ดินเป็นภาษีสุดท้ายได้เลย (ซึ่งทางเลือกนี้เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่เลือก) หรือจะเลือกนำมารวมคำนวณภาษีก็ได้
แต่หลังจากดูข้อมูลตัวเลข ปรากฏว่าทั้งปี เค้ามีแค่เงินได้ค่าขายคอนโดเพียงอย่างเดียว และราคาประเมินก็ต่ำกว่าทั้งราคาซื้อและราคาขาย คือราคาประเมินของกรมที่ดินอยู่ที่ 22 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น หากนำเงินได้ค่าขายคอนโดมาคำนวณภาษีและยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เค้าจะมีสิทธิได้คืนภาษีเกือบ 2 ล้านบาท (หลังหักภาษีในอัตรา 0.5% ที่คิดจากเงินได้พึงประเมิน)
ที่ตั้งกระทู้นี้ ก็เพื่อให้บรรดาท่านๆ ที่มีการขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือบ้านพร้อมที่ดิน หรือคอนโด ไปในช่วงตั้งแต่ปี 2556 - 2559 ลองทบทวนคำนวณตัวเลขดู เพราะท่านอาจมีสิทธิขอคืนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายที่กรมที่ดินไป คืนจากกรมสรรพากรได้ อันนี้เป็นช่องโหว่ของกฎหมายภาษีที่รัฐบาลเพิ่งจะอนุมัติให้มีการแก้ไขกฎหมายภาษีเพื่ออุดรอยโหว่นี้ แต่ยังเป็นเพียงร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หากมีข้อสงสัย ขอความกรุณาอย่าหลังไมค์มาครับ ผมไม่รับทำรับยื่นหรือรับขอคืนภาษีเป็นส่วนตัว ที่มาตั้งกระทู้ก็เพราะคืนนี้นอนไม่หลับ เอ๊ย ไม่ใช่ แต่แค่อยากให้ท่านรู้ว่าท่านมีสิทธิตามกฎหมายเพียงใด หากสงสัยก็ถามข้างหน้าได้เลย ถ้ามีเวลาก็จะตอบให้ครับผม แต่ถ้าไม่มีคนขายอสังหาฯ เลย หรือทบทวนตัวเลขแล้ว ท่านพบว่าคงไม่มีสิทธิได้คืนภาษี มีแต่จะเสียเพิ่ม ก็ไม่เป็นไรครับ อิอิ ไปนอนแล้วครับผม
ใครที่ขายบ้านหรือที่ดินในช่วง 3 ปีนี้ รู้ไหมว่าคุณอาจจะมีสิทธิขอภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายคืนได้
มาเมื่อปลายปีที่แล้ว เค้าขายคอนโดหลังนี้ในราคา 35 ล้านกว่าบาท ในขณะที่ราคาประเมิน ณ ขณะนั้น อยู่ที่ 22 ล้านบาท และโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายที่สำนักงานที่ดิน ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท (จำตัวเลขไม่ได้แน่) เนื่องจากเค้าเป็นต่างชาติ จึงส่งอีเมล์มาสอบถามว่า เค้าจะต้องยื่นแบบภาษีอะไรอีกหรือเปล่ากับเงินได้ตัวนี้
ถ้าตามกฎหมายภาษี ก็ตอบได้ง่ายว่า เค้าก็มีสิทธิเลือกที่จะไม่นำเงินได้ค่าขายคอนโดที่ได้มาโดยมิได้มุ่งค้าหรือหากำไรมายื่นแบบแสดงรายการภาษีอะไรอีก โดยสามารถถือภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายที่กรมที่ดินเป็นภาษีสุดท้ายได้เลย (ซึ่งทางเลือกนี้เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่เลือก) หรือจะเลือกนำมารวมคำนวณภาษีก็ได้
แต่หลังจากดูข้อมูลตัวเลข ปรากฏว่าทั้งปี เค้ามีแค่เงินได้ค่าขายคอนโดเพียงอย่างเดียว และราคาประเมินก็ต่ำกว่าทั้งราคาซื้อและราคาขาย คือราคาประเมินของกรมที่ดินอยู่ที่ 22 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น หากนำเงินได้ค่าขายคอนโดมาคำนวณภาษีและยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เค้าจะมีสิทธิได้คืนภาษีเกือบ 2 ล้านบาท (หลังหักภาษีในอัตรา 0.5% ที่คิดจากเงินได้พึงประเมิน)
ที่ตั้งกระทู้นี้ ก็เพื่อให้บรรดาท่านๆ ที่มีการขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือบ้านพร้อมที่ดิน หรือคอนโด ไปในช่วงตั้งแต่ปี 2556 - 2559 ลองทบทวนคำนวณตัวเลขดู เพราะท่านอาจมีสิทธิขอคืนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายที่กรมที่ดินไป คืนจากกรมสรรพากรได้ อันนี้เป็นช่องโหว่ของกฎหมายภาษีที่รัฐบาลเพิ่งจะอนุมัติให้มีการแก้ไขกฎหมายภาษีเพื่ออุดรอยโหว่นี้ แต่ยังเป็นเพียงร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หากมีข้อสงสัย ขอความกรุณาอย่าหลังไมค์มาครับ ผมไม่รับทำรับยื่นหรือรับขอคืนภาษีเป็นส่วนตัว ที่มาตั้งกระทู้ก็เพราะคืนนี้นอนไม่หลับ เอ๊ย ไม่ใช่ แต่แค่อยากให้ท่านรู้ว่าท่านมีสิทธิตามกฎหมายเพียงใด หากสงสัยก็ถามข้างหน้าได้เลย ถ้ามีเวลาก็จะตอบให้ครับผม แต่ถ้าไม่มีคนขายอสังหาฯ เลย หรือทบทวนตัวเลขแล้ว ท่านพบว่าคงไม่มีสิทธิได้คืนภาษี มีแต่จะเสียเพิ่ม ก็ไม่เป็นไรครับ อิอิ ไปนอนแล้วครับผม