รู้สึกท้อกับชีวิตมากเลยค่ะ เราควรทำยังไงต่อไปดี

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้เป็นวันที่รู้สึกหมดหวังท้อแท้กับชีวิตมากค่ะ เลยขอมาตั้งกระทู้นี้เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ของเราเอง

เราจบการศึกษาระดับปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.95 โดยเพิ่งสำเร็จการศึกษาเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาค่ะ และในระหว่างนั้น เราก็เริ่มหางานทำ โดยทำตามความฝันที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ คือ อยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เราเริ่มต้นสอบจากมหาวิทยาลัยแถวบ้าน ไปจนถึงเดินทางสอบเกือบทั่วประเทศ แล้วเราก็จะมีปัญหาอุปสรรคในเรื่องของภาษาอังกฤษ คือเราสามารถใช้ภาษาอังกฤษในระดับการอ่าน การเขียน ได้ในระดับที่ดี เพราะเวลาเราเรียนเราต้องใช้ทักษะเหล่านี้ในการอ่าน และแปลงานวิจัยของเรา แต่ทักษะภาษาอังกฤษที่เราแย่มาก คือ การฟัง ค่ะ เราจะฟังไม่ค่อยออก เวลาต้องไปสอบฟัง ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราพลาดงานหลายที่ เพราะทางมหาวิทยาลัยกำหนดว่า ภาษาอังกฤษทุกพาทต้องผ่านคะแนน 60 คะแนน ขึ้นไป จาก 100 คะแนน โดยที่ผ่านมาคือ เราสามารถทำคะแนนในพาทอื่นได้ดี แต่จะมาตกม้าตายตรงพาทฟังตลอด เราจึงตั้งใจแน่วแน่ ฝึกฝนตัวเอง ในการฟังภาษาอังกฤษให้มากขึ้น และรอสอบที่อื่นต่อไป

จนมาเมื่อสี่เดือนที่แล้ว มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่าง เปิดสอบอาจารย์มหาวิทยาลัยโดยไม่ใช้ผลภาษาอังกฤษ เราดีใจมากค่ะ แต่ปรากฎว่า คุณสมบัติเราไม่ผ่านเกณฑ์ ้เพราะเราจบวิทยาศาสตรบัณฑิตตอนปริญญาตรีและมาต่อโททางด้านการศึกษา แต่ในคุณสมบัติระบุว่าต้องเป็นปริญาตรีและปริญญาโททางด้านการศึกษาสาขาวิชาคณิตศาสตร์ เราจึงเข้าไปดูเว็บไซต์ของคณะที่สมัคร และเห็นชื่อของอาจารย์หัวหน้าสาขา เราจึงนำชื่ออาจารย์มาค้นหาข้อมูลใน google เผื่อว่าจะเจออีเมล์ของอาจารย์ ที่เราจะสามารถติดต่อได้ ปรากฎว่าเราค้นไปเจอเฟสบุคของอาจารย์ท่านนี้ค่ะ เราก็ไม่รีรอทักอาจารย์ไปว่า เรามีความตั้งใจและมีความแน่วแน่ที่อยากมาสอบในสาขานี้ แต่คุณสมบัติเราไม่ตรง แต่เราก็แสดงเจตนารมณ์ของเราไปว่า ถึงเราไม่ได้เรียนปริญญาตรีทางด้านการศึกษา แต่ปริญญาโทที่เราเรียน ต้องผ่านการฝึกสอนทุกอย่าง และได้ใบประกอบวิชาชีพครูที่ออกให้โดยคุรุสภา ไม่ต่างจากปริญญาตรีทางการศึกษา 5 ปี เราขอแค่เราสามารถสอบได้ค่ะ แล้วโชคก็เข้าข้างเราค่ะ อาจารย์ตอบมาหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงว่าถ้ารอบนี้ไม่มีคนมาสมัครจะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติผู้สมัครให้ เราก็รอจนถึงวันที่ทางมหาวิทยาลัยประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ ปรากฎว่าสาขานี้ไม่มีผู้สมัคร อาจารย์เลยบอกให้เรามายื่นใบประวัติของเราที่คณะ แล้วจะมีการพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครอีกที วันนั้นเราเลยบอกให้พ่อขับรถพาเราไปยื่นใบสมัครไว้ที่คณะ จากนั้นอาจารย์ก็ให้เราดูประกาศจากทางหน้าเว็บไซต์ต่อไป ระหว่างนั้นเราก็สมัครงานที่อื่นไป จนมาเมื่อเดือนที่แล้ว เราเข้าเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัย ปรากฎว่า มีประกาศออกมาและเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติผู้สมัครให้ เราดีใจมากและให้พ่อขับรถพาเราไปสมัคร หลังจากที่เราสมัครแล้วเราใช้ความพยายามและทุ่มเทมากในการอ่าหนังสืออย่างหนัก จนเราผ่านข้อเขียนค่ะ คือต้องได้คะแนนวิชาความสามารถทั่วไปและวิชาเอกรวมกันต้องเกินร้อยละ 60 เราดีใจมากเลย แล้วทางมหาวิทยาลัยก็ประกาศวันที่เราต้องไปสัมภาษณ์ค่ะ (มีผู้ผ่านข้อเขียน 2 คน)  ซึ่งตรงนั้นเป็นการตัดสินครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเรามาก เพราะตรงกับวันที่เราต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร โดยที่เราเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งตัดชุดครุย จองช่างแต่งหน้า ซื้อเสื้อผ้าสำหรับการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรครั้งนี้ วินาทีที่เรารู้ว่าการสัมภาษณ์งานตรงกับวันรับพระราชทานปริญญาบัตร เราไม่ลังเลเลยค่ะ เราโทรบอกพ่อกับแม่ว่า เราขอไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร และขอไปสัมภาษณ์งานที่นี่ เราโชคดีค่ะที่มีพ่อและแม่ที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างเรามาโดยตลอด ทั้งๆที่แม่กับพ่อเตรียมชุดใหม่ที่หวังไว้ว่าจะจะใส่ถ่ายรูปกับเราในวันรับปริญญาไว้แล้ว แล้วเราก็เลือกไปสัมภาษณ์ค่ะ ผลปรากฎว่าเราติดสำรองค่ะ ตัวจริงเป็นของอีกหนึ่งคนที่ผ่านข้อเขียนพร้อมกับเรา วินาทีนั้น รู้สึกเหมือนใจแตกสลายมากค่ะ เหมือนคนอกหัก ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำอะไร มองประกาศบนเว็บไซต์แล้วถามสลับไปมา ว่าเราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เราไม่ได้ แต่เราก็ต้องยอมรับผลของการตัดสินค่ะ ว่าตรงนั้นคงไม่ใช่ที่ของเรา

แต่ที่ต้องการระบายคือ เราจบมา เราผ่านการไปสัมภาษณ์งานมาหลายที่มาก เราก็แค่มนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากได้งานทำไวๆ เพื่อจะได้มีรายได้จุนเจือครอบครัว แต่บางที่ที่เราไป ก็บอกว่าคุณวุฒิของเราสูง ทำไมไม่ลองไปสมัครตามโรงเรียน หรือที่อื่นดู เราเลยพลาดโอกาสแล้วพลาดโอกาสอีก ตอนนี้เราจบมาได้ครึ่งปีแล้ว แต่เรายังไม่มีงานทำ ลำพังที่เราไปสมัครก็เป็นโซนทางภาคเหนือ เพราะตอนนี้เวลาไปสมัครงานที ก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายตามมา ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก รวมๆแล้วเราใช้เงินเป็นจำนวนมากในการสมัครงานในหลายๆที่หลังจากที่จบมา โดยที่เราก็ยังไม่ได้งานที่ไหน และมีแต่กำลังใจจะเริ่มท้อถอยลง

เราแค่ต้องการที่ๆหนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้เรา ได้เข้าไปทำงาน เราบอกกับตัวเองไว้เสมอว่า ถ้ามีคนให้โอกาสกับเราครั้งนี้ เราจะตอบแทนกับโอกาสที่เราได้รับให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ เราเคยตั้งใจและให้ปณิธานกับตัวเองต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลลที่ 9 ว่า ถ้าวันหนึ่งเราได้รับโอกาสให้เป็นครู เราจะตั้งใจเป็นครูที่ดี เพื่อสร้างเด็กที่ดีกลับสู่ประเทศชาติ เราหวังแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ

มาถึงตอนนี้ เราอยากถามเพื่อนๆว่า ถ้าเพื่อนๆเป็นเรา เพื่อนๆจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี แล้วพอจะมีที่ไหน เป็นที่กวดวิชา โรงเรียน หรือที่ไหนก็ได้ ที่พอจะเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปทำงานไหม เราก็แค่ต้องการรายได้ ที่จะมาช่วยจุนเจือครอบครัว เราก็สับสนไปหมดแล้ว เรารู้ว่า เราต้องลุกขึ้นสุ้ใหม่ แต่มันก็ทำใจยากเหลือเกินกว่าจะลุกมาอีกครั้ง
FacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalm

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่