พอดีจะกลับไปหาภาพประกอบเก่าๆ เพื่อตอบกระทู้
ก็เลยไปเจอกระทู้ที่เคยโพสต์มาเกินสิบปี
มาอ่านดู ก็ยังพอใช้ได้แฮะ ?
ก็ขอลอกมาเป็นกระทู้อีกครั้ง
โดยปรับเปลี่ยนบางข้อความ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
สำนักมวยวัดได้แบ่งคนเล่นหุ้น
แบบไม่เป็นทางการออกเป็น ๓ สปีชี่คือ
๑ แมลงเม่าหุ้น ๒ มนุษย์หุ้น ๓ เซียนหุ้น
ใครจะฉีกไปเป็นซับสปีชี่ไหน ก็ลองต่อยอดกันเอาเอง
ถ้าตีความนักเล่นหุ้นสปีชี่ต่างๆ
ไปตามความโลภ และความรู้
จะได้หลักเกินดังนี้
๑ แมลงเม่าหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้ไม่ค่อยและไม่ยอม
จำกัดความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่ไม่ค่อยมี
แต่มักจะเข้าข้างตัวเองว่า
"มี....... หรือถึงไม่มี ก็เล่นหุ้นได้"
เพราะหุ้นเป็นการพนัน
ความจริงก็คือ ต่อให้หุ้นเป็นการพนัน
และตลาดหลักทรัพย์เป็นบ่อนถูกกฏหมาย
ไพ่ที่บ่อนนี้เอามาเล่นกัน
ก็มักจะแพ้ชนะกันด้วยการวัดใจ
ไม่ใช่วัดดวง
ลองนึกดูดีๆ
" ถ้าบ่อนนี้ไม่มีการโกง" (ซึ่งมันไม่จริง ฮาๆๆ)
แทงกอง ต่างจากเก้าเก โป๊กเกอร์อย่างไร?
ที่ต่างกันเห็นๆก็คือ
แทงกองไม่สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยพลังใจและพลังเงิน
แต่เก้าเกกับโป๊กเกอร์สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยการวัดพลังใจและพลังเงิน
ดังนั้น ต่อให้เราฟลุ๊กได้ไพ่สูงสุดของเก้าเก หรือโป๊กเกอร์
ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะรวยได้ในพริบตาจากไพ่ฟลุ๊กชุดนั้น
เพราะถึงไพ่ดีที่สุดอยู่ในมือเรา
แต่คู่ต่อสู้ดันอ่านใจออก จากสีหน้าหรือการเก
เขาก็หมอบ รอเล่นตาใหม่ต่อไป
ความคิดแบบที่ว่า หุ้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้
ไม่จำเป็นต้องมีวิธีการเล่นหรือที่เขาเรียกว่าเทรดโมเดล?
จะแพร่กระจายอย่างแพร่หลาย
ในตลาดหุ้นที่เริ่มเป็นขาขึ้นแบบยาวๆ
และรายย่อยแบบแมลงเม่าหุ้น
จะพากันเชื่อความคิดนี้มากที่สุด
"ในช่วงตลาดหุ้นฯขึ้นถึงจุดสูงสุดพอดี"
ผลจากการไม่ยอมจำกัดปริมาณความโลภ
ให้สมดุลกับปริมาณความรู้
แมลงเม่าหุ้นจึงมักจะเป็น
"เซียนหุ้นในตลาดขาขึ้น"
ประเภทแทงตัวไหน ก็ถูกทุกตัว
เพราะว่าในตลาดหุ้นขาขึ้น
เงินหมุนเวียนที่ถูกใส่เข้าไปในตลาดหุ้น
ทั้งจากต่างชาติ กองทุน และรายย่อย
จะเป็นตัวชี้ขาดราคาหุ้นทุกตัวที่มีสภาพคล่องคอ
โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงปัจจัยพื้นฐานแม้แต่นิดเดียว
ความจริงที่ทุกคนในตลาดหุ้นรู้ดีคือ
หุ้นทุกตัวในตลาดฯ
สามารถขึ้นได้อย่างไร้เหตุผลด้วยประการทั้งปวง
ถ้าปริมาณเงินมากๆถูกอัดเข้าไปในหุ้นตัวนั้น
๒ มนุษย์หุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้จะต้องพยายาม
จำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่จริงๆให้ได้
มนุษย์หุ้นจะเริ่มจำกัดปริมาณความโลภอย่างระมัดระวัง
เมื่อคิดว่าหุ้นขึ้นอย่างไร้เหตุผลในสามัญสำนึกของตัวเอง
และเริ่มปลดล็อกปริมาณความโลภเข้าตลาดหุ้นฯ
เมื่อคิดว่าหุ้นลงอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน
ของผมมีวิธีจำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่
ด้วยการทำคลายเครียดเรโช
ที่สำคัญที่สุดคือ คลายเครียดเรโชระดับมหภาค
มันสำคัญกว่าระดับจุลภาค
เพราะมันทำให้ผมสามารถอยู่ในตลาด
ในฐานะมนุษย์หุ้นได้ไปจนตายแน่ๆ
มนุษย์หุ้นจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่า
มีความสามารถเพียงแค่ไหน
แล้วก็เล่นเท่าที่ความสามารถมีอยู่จริงๆ
ไม่ทึกทักเอาว่า ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไร
ก็สามารถเล่นหุ้นให้ได้เงิน
ซึ่งในตลาดขาขึ้นสมบูรณ์แบบ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
หุ้นทุกตัวขึ้นได้เพราะปริมาณเงินเหมุนเวียนที่อัดกันเข้าไป
ทำให้หุ้นขึ้นไปได้เรื่อยๆ
จนกว่าจะมีการชักปริมาณเงินหมุนเวียนออกจากตลาดฯ
๓ เซียนหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
"ไม่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณความโลภ"
คนที่รู้ซึ้งตลาดฯอย่างทะลุปรุโปร่ง
และฝึกปรือพลังจิต และพัฒนาเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
จนพร้อมจะรับมือกับตลาดหุ้น
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนๆ
คนนั่นแหละคือเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริง
ผมเชื่อว่า
ไม่มีเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริงคนไหน
ที่คิดว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน
"ที่แพ้ชนะกัน ด้วยการเล่นไพ่แบบวัดดวง"
ถ้าแบ่งสปีชี่นักเล่นหุ้น
ไปตามเครื่องมือที่ใช้เล่นหุ้น
และวัดผลลัพธ์ของเครื่องมือที่ใช้
จะได้ประมาณนี้
๑ แมลงเม่าหุ้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ใน ๑๐ คน จะมีคนใช้เครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ในการเล่นหุ้นแค่ ๒ คน
และอีก ๘ คนที่เหลือจะใช้เครื่องมือ
แบบไม่มีมาตรฐาน และแบบง่ายที่สุดคือ
เล่นตามมาร์เก็ตติ้ง ตามเพื่อน ตาม facebook ตาม line
เล่นตามนักวิเคราะห์ตามสื่อ แบบไม่มีการคิดเอาเอง
เล่นตามข่าววงในตามห้องค้า มือถือ และเวปบอร์ดหุ้น
ลักษณะเด่นของแมลงเม่าหุ้น
มักจะชอบเล่นหุ้นแบบเสี่ยงดวง
สำหรับแมลงเม่าหุ้นอีก ๒ คน
พร้อมจะอัพเกรดขึ้นไปเป็นมนุษย์หุ้นได้สบายมาก
เพราะมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัวอยู่แล้ว
เพียงแต่ไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือนั้น
ทั้งๆที่มันผิดพลาดซ้ำซาก
นักลงทุนในสปีชี่แมลงเม่าหุ้น
ไม่ว่าจะมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัวหรือไม่ก็ตาม
ลงทุน ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๑ - ๔ ครั้ง เสีย ๙ - ๖ ครั้ง
ถ้าเสียทั้ง ๑๐ ครั้ง ไปขายเต้าฮวยดีกว่า
๒ มนุษย์หุ้น
มนุษย์หุ้นทุกคนจะต้องมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง
เป็นเครื่องมือแบบง่ายๆ
เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายทั่วไป
แม้แต่ข่าววงใน มนุษย์หุ้นก็จะเอามาเล่นแบบรู้เท่าทันว่า
ตลาดหุ้นไม่ใช่องค์การกุศล จะได้มีคนเอาเงินมาแจก
มนุษย์หุ้นจะใช้ข่าววงใน
"เป็นเครื่องมือในการเล่นหุ้น"
ในขณะที่ แมลงเม่าหุ้น
"จะตกเป็นเครื่องมือของข่าววงใน จนโดนหุ้นเล่น"
มนุษย์หุ้นจะยอมประเมินตัวเองว่า
เครื่องมือที่ใช้อยู่ ยังได้ผลหรือไม่
ถ้าเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้มาแล้วนานๆ
ยังได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
และไม่สามารถต่อยอดหาเครื่องมือแบบใหม่ๆได้
ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเดิมไปเรื่อยๆ
"เพราะมันยังทำให้ได้เงิน มากกว่าเสียเงิน"
มนุษย์หุ้นจะไม่ข้ามเส้น ไปเล่นหุ้นหรือส่วนควบของหุ้นแบบไฮโล tfex dw ที่ตัวเองไม่ถนัด
โดยไม่มีเครื่องมือใหม่ๆมาเพิ่มเติมเครื่องมือเดิม
สำหรับตัวผมเอง เครื่องมือที่ผมใช้เล่นหุ้น
จะอ้างอิงกับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ เสริมด้วยเครื่องมือบางอย่างที่กำหนดขึ้นมาเอง
ผลลัพธ์ของการเล่นหุ้นของมนุษย์หุ้น
ไปตามเครื่องมือมาตรฐานประจำตัวคือ
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๕ - ๗ ครั้ง
เสีย ๕ - ๓ ครั้ง
ระดับสูงสุดของนักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ผมให้ได้แค่ ได้ ๗ ใน ๑๐ ครั้ง
ถ้าเกินกว่านั้นถือว่าเป็นเซียนหุ้น
๓ เซียนหุ้น
เซียนหุ้นจะต้องมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ที่ไม่ยอมบอกให้ใครรู้ตามสื่อมวลชนและไม่บอกให้ใครรู้ แบบไม่จำกัดคนรับรู้
ไอ้ที่บอกให้รู้ทั่วๆไป
เขาก็บอกแบบ คูณสิบหารด้วยร้อย
ผลลัพธ์จากการใช้เครื่องมือของเซียนหุ้น
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
ได้ ๘ - ๙ ครั้ง
เสีย ๒ - ๑ ครั้ง
ถ้าลงทุน ๑๐ ครั้งได้ทั้ง ๑๐ ครั้ง
ผมว่าอย่าอยู่เป็นเซียนหุ้นเลย
ไปเล่นหวยรุ่งกว่าเยอะ
เมื่อไรที่เราสามารถพูดตามภาพประกอบ กับหุ้นทุกตัวที่จะทำให้เราโลภและกลัวมากเกินไปได้
ผมถือว่า คนนั้นเป็นมนุษย์หุ้น 4.0
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ แมลงเม่าหุ้น มนุษย์หุ้น เซียนหุ้น เวอร์ชั่น 4.0
ก็เลยไปเจอกระทู้ที่เคยโพสต์มาเกินสิบปี
มาอ่านดู ก็ยังพอใช้ได้แฮะ ?
ก็ขอลอกมาเป็นกระทู้อีกครั้ง
โดยปรับเปลี่ยนบางข้อความ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
สำนักมวยวัดได้แบ่งคนเล่นหุ้น
แบบไม่เป็นทางการออกเป็น ๓ สปีชี่คือ
๑ แมลงเม่าหุ้น ๒ มนุษย์หุ้น ๓ เซียนหุ้น
ใครจะฉีกไปเป็นซับสปีชี่ไหน ก็ลองต่อยอดกันเอาเอง
ถ้าตีความนักเล่นหุ้นสปีชี่ต่างๆ
ไปตามความโลภ และความรู้
จะได้หลักเกินดังนี้
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้ไม่ค่อยและไม่ยอม
จำกัดความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่ไม่ค่อยมี
แต่มักจะเข้าข้างตัวเองว่า
"มี....... หรือถึงไม่มี ก็เล่นหุ้นได้"
เพราะหุ้นเป็นการพนัน
ความจริงก็คือ ต่อให้หุ้นเป็นการพนัน
และตลาดหลักทรัพย์เป็นบ่อนถูกกฏหมาย
ไพ่ที่บ่อนนี้เอามาเล่นกัน
ก็มักจะแพ้ชนะกันด้วยการวัดใจ
ไม่ใช่วัดดวง
ลองนึกดูดีๆ
" ถ้าบ่อนนี้ไม่มีการโกง" (ซึ่งมันไม่จริง ฮาๆๆ)
แทงกอง ต่างจากเก้าเก โป๊กเกอร์อย่างไร?
ที่ต่างกันเห็นๆก็คือ
แทงกองไม่สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยพลังใจและพลังเงิน
แต่เก้าเกกับโป๊กเกอร์สามารถเปลี่ยนผลแพ้ชนะ
ด้วยการวัดพลังใจและพลังเงิน
ดังนั้น ต่อให้เราฟลุ๊กได้ไพ่สูงสุดของเก้าเก หรือโป๊กเกอร์
ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะรวยได้ในพริบตาจากไพ่ฟลุ๊กชุดนั้น
เพราะถึงไพ่ดีที่สุดอยู่ในมือเรา
แต่คู่ต่อสู้ดันอ่านใจออก จากสีหน้าหรือการเก
เขาก็หมอบ รอเล่นตาใหม่ต่อไป
ความคิดแบบที่ว่า หุ้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้
ไม่จำเป็นต้องมีวิธีการเล่นหรือที่เขาเรียกว่าเทรดโมเดล?
จะแพร่กระจายอย่างแพร่หลาย
ในตลาดหุ้นที่เริ่มเป็นขาขึ้นแบบยาวๆ
และรายย่อยแบบแมลงเม่าหุ้น
จะพากันเชื่อความคิดนี้มากที่สุด
"ในช่วงตลาดหุ้นฯขึ้นถึงจุดสูงสุดพอดี"
ผลจากการไม่ยอมจำกัดปริมาณความโลภ
ให้สมดุลกับปริมาณความรู้
แมลงเม่าหุ้นจึงมักจะเป็น
"เซียนหุ้นในตลาดขาขึ้น"
ประเภทแทงตัวไหน ก็ถูกทุกตัว
เพราะว่าในตลาดหุ้นขาขึ้น
เงินหมุนเวียนที่ถูกใส่เข้าไปในตลาดหุ้น
ทั้งจากต่างชาติ กองทุน และรายย่อย
จะเป็นตัวชี้ขาดราคาหุ้นทุกตัวที่มีสภาพคล่องคอ
โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงปัจจัยพื้นฐานแม้แต่นิดเดียว
ความจริงที่ทุกคนในตลาดหุ้นรู้ดีคือ
หุ้นทุกตัวในตลาดฯ
สามารถขึ้นได้อย่างไร้เหตุผลด้วยประการทั้งปวง
ถ้าปริมาณเงินมากๆถูกอัดเข้าไปในหุ้นตัวนั้น
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้จะต้องพยายาม
จำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่จริงๆให้ได้
มนุษย์หุ้นจะเริ่มจำกัดปริมาณความโลภอย่างระมัดระวัง
เมื่อคิดว่าหุ้นขึ้นอย่างไร้เหตุผลในสามัญสำนึกของตัวเอง
และเริ่มปลดล็อกปริมาณความโลภเข้าตลาดหุ้นฯ
เมื่อคิดว่าหุ้นลงอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน
ของผมมีวิธีจำกัดปริมาณความโลภให้สมดุลกับความรู้ที่มีอยู่
ด้วยการทำคลายเครียดเรโช
ที่สำคัญที่สุดคือ คลายเครียดเรโชระดับมหภาค
มันสำคัญกว่าระดับจุลภาค
เพราะมันทำให้ผมสามารถอยู่ในตลาด
ในฐานะมนุษย์หุ้นได้ไปจนตายแน่ๆ
มนุษย์หุ้นจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่า
มีความสามารถเพียงแค่ไหน
แล้วก็เล่นเท่าที่ความสามารถมีอยู่จริงๆ
ไม่ทึกทักเอาว่า ไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไร
ก็สามารถเล่นหุ้นให้ได้เงิน
ซึ่งในตลาดขาขึ้นสมบูรณ์แบบ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
หุ้นทุกตัวขึ้นได้เพราะปริมาณเงินเหมุนเวียนที่อัดกันเข้าไป
ทำให้หุ้นขึ้นไปได้เรื่อยๆ
จนกว่าจะมีการชักปริมาณเงินหมุนเวียนออกจากตลาดฯ
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
"ไม่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณความโลภ"
คนที่รู้ซึ้งตลาดฯอย่างทะลุปรุโปร่ง
และฝึกปรือพลังจิต และพัฒนาเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
จนพร้อมจะรับมือกับตลาดหุ้น
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนๆ
คนนั่นแหละคือเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริง
ผมเชื่อว่า
ไม่มีเซียนหุ้นตัวจริงเสียงจริงคนไหน
ที่คิดว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนการพนัน
"ที่แพ้ชนะกัน ด้วยการเล่นไพ่แบบวัดดวง"
ถ้าแบ่งสปีชี่นักเล่นหุ้น
ไปตามเครื่องมือที่ใช้เล่นหุ้น
และวัดผลลัพธ์ของเครื่องมือที่ใช้
จะได้ประมาณนี้
นักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ใน ๑๐ คน จะมีคนใช้เครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ในการเล่นหุ้นแค่ ๒ คน
และอีก ๘ คนที่เหลือจะใช้เครื่องมือ
แบบไม่มีมาตรฐาน และแบบง่ายที่สุดคือ
เล่นตามมาร์เก็ตติ้ง ตามเพื่อน ตาม facebook ตาม line
เล่นตามนักวิเคราะห์ตามสื่อ แบบไม่มีการคิดเอาเอง
เล่นตามข่าววงในตามห้องค้า มือถือ และเวปบอร์ดหุ้น
ลักษณะเด่นของแมลงเม่าหุ้น
มักจะชอบเล่นหุ้นแบบเสี่ยงดวง
สำหรับแมลงเม่าหุ้นอีก ๒ คน
พร้อมจะอัพเกรดขึ้นไปเป็นมนุษย์หุ้นได้สบายมาก
เพราะมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัวอยู่แล้ว
เพียงแต่ไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือนั้น
ทั้งๆที่มันผิดพลาดซ้ำซาก
นักลงทุนในสปีชี่แมลงเม่าหุ้น
ไม่ว่าจะมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัวหรือไม่ก็ตาม
ลงทุน ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๑ - ๔ ครั้ง เสีย ๙ - ๖ ครั้ง
ถ้าเสียทั้ง ๑๐ ครั้ง ไปขายเต้าฮวยดีกว่า
มนุษย์หุ้นทุกคนจะต้องมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง
เป็นเครื่องมือแบบง่ายๆ
เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายทั่วไป
แม้แต่ข่าววงใน มนุษย์หุ้นก็จะเอามาเล่นแบบรู้เท่าทันว่า
ตลาดหุ้นไม่ใช่องค์การกุศล จะได้มีคนเอาเงินมาแจก
มนุษย์หุ้นจะใช้ข่าววงใน
"เป็นเครื่องมือในการเล่นหุ้น"
ในขณะที่ แมลงเม่าหุ้น
"จะตกเป็นเครื่องมือของข่าววงใน จนโดนหุ้นเล่น"
มนุษย์หุ้นจะยอมประเมินตัวเองว่า
เครื่องมือที่ใช้อยู่ ยังได้ผลหรือไม่
ถ้าเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้มาแล้วนานๆ
ยังได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
และไม่สามารถต่อยอดหาเครื่องมือแบบใหม่ๆได้
ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเดิมไปเรื่อยๆ
"เพราะมันยังทำให้ได้เงิน มากกว่าเสียเงิน"
มนุษย์หุ้นจะไม่ข้ามเส้น ไปเล่นหุ้นหรือส่วนควบของหุ้นแบบไฮโล tfex dw ที่ตัวเองไม่ถนัด
โดยไม่มีเครื่องมือใหม่ๆมาเพิ่มเติมเครื่องมือเดิม
สำหรับตัวผมเอง เครื่องมือที่ผมใช้เล่นหุ้น
จะอ้างอิงกับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ เสริมด้วยเครื่องมือบางอย่างที่กำหนดขึ้นมาเอง
ผลลัพธ์ของการเล่นหุ้นของมนุษย์หุ้น
ไปตามเครื่องมือมาตรฐานประจำตัวคือ
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
จะได้ ๕ - ๗ ครั้ง
เสีย ๕ - ๓ ครั้ง
ระดับสูงสุดของนักเล่นหุ้นสปีชี่นี้
ผมให้ได้แค่ ได้ ๗ ใน ๑๐ ครั้ง
ถ้าเกินกว่านั้นถือว่าเป็นเซียนหุ้น
เซียนหุ้นจะต้องมีเครื่องมือมาตรฐานประจำตัว
ที่ไม่ยอมบอกให้ใครรู้ตามสื่อมวลชนและไม่บอกให้ใครรู้ แบบไม่จำกัดคนรับรู้
ไอ้ที่บอกให้รู้ทั่วๆไป
เขาก็บอกแบบ คูณสิบหารด้วยร้อย
ผลลัพธ์จากการใช้เครื่องมือของเซียนหุ้น
เล่นหุ้น ๑๐ ครั้ง
ได้ ๘ - ๙ ครั้ง
เสีย ๒ - ๑ ครั้ง
ถ้าลงทุน ๑๐ ครั้งได้ทั้ง ๑๐ ครั้ง
ผมว่าอย่าอยู่เป็นเซียนหุ้นเลย
ไปเล่นหวยรุ่งกว่าเยอะ
เมื่อไรที่เราสามารถพูดตามภาพประกอบ กับหุ้นทุกตัวที่จะทำให้เราโลภและกลัวมากเกินไปได้
ผมถือว่า คนนั้นเป็นมนุษย์หุ้น 4.0