++'จะเข้' ไม่ใช่ 'จระเข้' เครื่องดนตรีไทย และเพลงกราวใน เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากละครเพชรกลางไฟ++



กระทู้นี้ทำจากการรวบรวมข้อมูลในInternet โดย จขกท. ไม่ได้มีความรู้เรื่องดนตรี แต่ลองค้นมาดูสนุกๆกันนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด แจ้งได้เลย


   จากละครเพชรกลางไฟในตอนที่ 4 ดูละครแล้วอ่านคอมเม้นในยูทูป เจอหลายๆคนบอกว่า นี่เป็นเพลงยกทัพยักษ์ บ้างก็ว่านี่ไม่ใช่เพลงจีบสาวนะ55เลยทำให้สนใจเพลงนี้มากๆว่ามีที่มายังไงค่ะ

ฟังเพลงกันเต็มๆ คลิปคุณอนล....เป็นศิษย์เอกฉัน | เพชรกลางไฟ | TV3 Official

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



แต่ก่อนจะไปถึงเพลง ขอทำความรู้จักสั้นๆถึงเครื่องดนตรี ที่เรียกว่า จะเข้ก่อน ย้ำ ไม่ใช่จระเข้ ที่ฟันแหลมๆ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


         จะเข้ เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องดีด มี 3 สาย เข้าใจว่าได้ปรับปรุงแก้ไขมาจากพิณ คือ กระจับปี่ซึ่งมี 4 สาย นำมาวางดีดกับพื้นเพื่อความสะดวก มีประวัติและมีหลักฐานครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา จะเข้ได้นำเข้าร่วมบรรเลงอยู่ในวงมโหรีคู่กับกระจับปี่ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีผู้นิยมเล่นจะเข้กันมาก ทำให้กระจับปี่ค่อย ๆ หายไปในปัจจุบัน เนื่องจากหาผู้เล่นเป็นน้อย (ดูต่อในสปอย)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เกร็ดเกี่ยวกับเพลงกราวในและการเดี่ยวจะเข้ในเพลง กราวใน


ที่มา: บทความ วิเคราะห์เดี่ยวจะเข้เพลงกราวใน สามชั้น ทางอาจารย์ศิวศิษฏ์ นิลสุวรรณ  ของ นายเกียรติรัตน์ หุ่นสุวรรณ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

     เพลงกราวในแบ่งออกได้เป็นหลายลักษณะด้วยกันแต่ที่รู้จักกันมากก็คือเพลงกราวในที่เป็นเพลงหน้าพาทย์ (เพลงหน้าพาทย์ หมายถึง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้) ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ประกอบอากัปกิริยาการยกทัพของฝ่ายยักษ์ ลักษณะของเพลงแสดงความสง่างาม ความองอาจ ฮึกเหิมและความยิ่งใหญ่ของฝ่ายยักษ์ ซึ่งใช้บรรเลงประกอบการแสดงโขน นอกจากนี้ยังเป็นบทเพลงที่ใช้ในพิธีกรรมสงฆ์ ใช้บรรเลงรวมอยู่ในชุดโหมโรงเย็น

    กราวในที่รู้จักกันอีกประเภทหนึ่งคือการบรรเลงในลักษณะของเพลงเดี่ยว ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ระดับความสามารถของผู้บรรเลงในระดับสูง เพราะเป็นเพลงที่มีกลวิธีในการบรรเลงหลากหลาย ผู้ที่จะสามารถบรรเลงได้นั้นต้องมีความสามารถประสบการณ์และทักษะทางด้านดนตรีมากพอสมควรถึงจะสามารถบรรเลงได้ ต้องมีวุฒิภาวะ เคยบวชเรียนและได้รับการอนุญาตจากครูผู้สอน

    เพลงเดี่ยวกราวใน ถือเป็นเพลงเดี่ยวระดับสูง การเดี่ยวเครื่องดนตรีไทยโดยเพลงเดี่ยว สามารถแบ่งออกได้ 3 ระดับได้แก่ เพลงเดี่ยวระดับต้น เช่น เพลงจีนขิมใหญ่ เพลงนกขมิ้น เป็นต้น เพลงเดี่ยวระดับกลาง ได้แก่ เพลงลาวแพน เพลงสารถี เป็นต้น และเพลงเดี่ยวระดับสูงได้แก่ เพลงกราวใน เพลงเชิดนอกและเพลงทยอยเดี่ว  รูปแบบของการเดี่ยวเพลงกราวในสำหรับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายจะเดี่ยวในระบบอัตราสองชั้นไม่ว่าจะเป็น ซอ ขิม จะเข้ ก็ตาม แต่สำหรับเพลงกราวในที่เดี่ยวสำหรับเครื่องดนตรีปะเภทปี่พาทย์ จะเดี่ยวในระบบอัตราสามชั้น (ชั้น หมายถึง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้)

   เพลงเดี่ยวกราวใน ในระบบสามชั้นสำหรับหรับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายมีปรากฏน้อยมาก   แต่ก็มีปรากฎโดยจากการกล่าวสืบต่อกันมาว่า ครูแสวง อภัยวงศ์ ปรมาจารยท์างด้านการดีดจะเข้ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งได้ทำทางเดี่ยวเอาไว้ ภายหลังได้มอบโน้ตเพลงดังกล่าวให้คุณครูเขมจิรา(ระวีวรรณ) ทับทิมศรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ หากแต่คุณครเขมจิราเองก็กล่าวว่านั้ตเพลงดงกล่าวมีทำนองบางทำนอง ต้องการเพิ่มเติมอีก จึงถือว่าเป็นร่องรอยที่สำคัญว่าเดี่ยวกราวใน อัตราสามชั้น เคยมีปรากฏ ในวงการเดี่ยวสำหรับจระเข้แล้วเช่นกัน สำหรับการสืบทอดทางดนตรีไทย สามารถแบ่งออกเป็นสำนักใหญ่ๆ ได้ 3 สำนัก ได้แก่ สายสืบทอดบ้านจางวางทั่ว พาทยโกศลหรือที่เรียกกันว่า“ทางฝั่งธน”

   สำหรับสายสืบทอดทางฝั่งธนบุรีนั้น มีลูกศิษย์ลูกหามากมายที่สืบทอดทางเดี่ยวที่ถือว่ามีความลุ่มลึกและลึกซึ้มากท่านหนึ่งได้แก่คุณครูกำนันสำราญ เกิดผล ศิลปินแห่งชาติแห่งบ้านใหม่หางกระเบน จังหวัดพระนครศรีอยธุยา สำหรับนักดีดจะเข้ ที่สืบทอดทางเดี่ยวและบทเพลงทางฝั่งธนที่สาคัญในปัจจุบันท่านหนึ่งได้แก่ อาจารย์ศิวศิษฏ์ นิลสุวรรณ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สายสืบทอดที่สองได้แก่ บ้าน คุณครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) และสายสืบทอดที่สาม ได้แก่ สายพระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน)  


เกร็ดความรู้จบแล้ว เดี๋ยวมาโยงเข้านักแสดง กับละครนิดนึง 555 แปป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่