สวัสดีค่าจะบอกว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดกับเราค่ะ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับมาก่อน จนกระทั่งมาเจอกับตัว
เรื่องเกิดตอนเราอยู่ปี 1 ค่ะ ช่วงนั้นเราเครียด เครียดจนเอ๋อไปเลย ตอนแรกเราคิดว่าเราเอ๋อค่ะ แต่จริงๆแล้ว เราโดนของ
เราพูดไม่รู้เรื่อง ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ ไม่เข้าห้องน้ำ ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ค่ะ เพื่อนๆช่วยดูแลเราเป็นอย่างดี เพื่อนพาเราไปอยู่ที่บ้านรุ่น (คือบ้านที่เช่าไว้ทำงานร่วมกันทั้งรุ่น) ตอนเราเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง เราได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเราดังมาจากกำแพงค่ะ ตอนแรกเรานึกว่ารุ่นพี่กับเพื่อนๆแกล้งเรา แต่จริงๆแล้ว ไม่มีคนแกล้งค่ะ และชั้นบนสุดของบ้านรุ่นจะมีห้องเก็บของ เป็นห้องปิดตายไว้ตอนแรก ซึ่งไม่มีใครรู้มาก่อนว่า มีคนเคยผูกคอตายที่ห้องนั้น เพื่อนๆเราที่ทำงานดึกๆช่วงตี1ตี2 ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ดังมาจากห้องนั้นทุกคืนค่ะ แต่ไม่มีใครสนใจอะไร และไม่รู้ว่ามีอะไรเรียกเราให้เดินขึ้นไปในห้องนั้น ความรู้สึกตอนนั้นคือ มีเพื่อนๆเรียกเรา และตอนเราเดินขึ้นไปคือ เราเห็นหน้าเพื่อนๆยืนกันอยู่เต็มเลยค่ะ แต่จริงๆไม่มีใครเลย มีแต่โต๊ะชั้นวางของที่เจ้าของบ้านเอาไปเก็บไว้ เพื่อนรีบดึงเราออกมาจากห้องนั้น และอยู่กับเราจนถึงเช้า จนอาจารย์เห็นว่าเราไม่ไหวแล้วจึงโทรเรียกพ่อกับแม่ให้มารับเรากลับบ้านค่ะ
พอเรากลับบ้านมาแม่พาเราไปหาจิตแพทย์ค่ะ เราก็นั่งเฉยไม่พูดไม่จา เวลาเราเดินไปไหนจะได้ยินเสียงคนด่ากันตลอดเหมือนหูแว้วไปเอง จนกระทั่งมีอาจารย์ที่สอนเราจากมหาวิทยาลัยโทรหาแม่เรา และถามว่า คุณแม่เชื่อเรื่องผีมั้ยคะ แม่เราเชื่อ อาจาย์จึงนัดให้แม่เรา พาเราไปหาอาจารย์กับน้องชายที่บ้าน และทำพิธีให้เรากินน้ำอะไรซักอย่างสีน้ำตาล แต่ในใจตอนนั้นคือเราปฏิเสธไม่ยอมกินน้ำนั้น และในใจยังต่อต้านอาจารย์มาก ไม่ยอมพูดไม่บอกไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งเสร็จพิธีและกลับบ้านมา ตอนกลางคืนเรานอนไม่หลับเพราะเหมือนมีคนเรียกให้ออกนอกบ้านตลอดเวลา ตัวเราเองก็อยากเดินออกไปตลอดเวลา เหมือนที่บ้านเรามีเจ้าบ้านเจ้าเรือนผีปู่ย่าตายายแรง สิ่งที่อยู่ในตัวจึงอยากพาเราออกจากที่บ้าน
อาจารย์บอกว่าเราไปกินน้ำที่เขาปล่อยของมา เราเองก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอไปกินตอนไหน อาจารย์บอกแม่เราว่าคนที่ทำของใส่ ต้องการจะเอาชีวิตเราให้ถึงที่สุด จนน้องชายของอาจารย์ที่ช่วยเรา ต้องยกบุญบารมีทั้งหมดให้เขาไป และบอกให้เราทำบุญให้เขาตลอด และเขาจะเป็นเทวดามาคุ้มครองเรา เรามีพี่สาวจากชาติที่แล้วคอยช่วยดูแล อาจารย์บอกว่าชาติที่แล้วเรามีบุญบารมีเยอะ ชาตินี้เลยมีแต่คนอยากจะช่วยเหลือ และยังพี่ผู้หญิงจากบ้านรุ่นที่ผูกคอตาย เราต้องทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้เค้าตลอดเพราะคนที่ฆ่าตัวตายจะบาปที่สุดตกนรกขุมที่ลึกที่สุดและยากที่จะได้เกิดใหม่
ที่เราได้ยินเสียงคนด่ากันรอบๆตัว จริงๆแล้วเป็นเสียงจิตจริงๆของคนๆนั้นที่ไม่ได้พูดออกมาค่ะตอนเราไปทำบุญที่วัด เราเห็นพระนั่งเกาขา นั่งดุ๊กดิ๊ก ไม่สำรวมเลยค่ะ อาจารย์บอกว่าเราเห็นจิตจริงๆของคนๆนั้นค่ะ
[s[/s เรากลับบ้านมาแม่ให้เราสวดมนต์คาถาชินบัญชร ทุกเช้าและก่อนนอน ในที่สุดเราก็หายเป็นปกติและกลับมาเรียนได้ อาจารย์ให้เราทำงานส่งให้ครบ เพื่อนๆก็ตื่นเต้นดีใจที่เรากลับมา เพื่อนไปขอน้ำมนต์วัดระฆังมาให้เราและไปสวดมนต์ให้เราหายเป็นปกติ เพื่อนๆน่ารักมาก
สุดท้ายต้องขอขอบคุณอาจารย์และน้องชายอาจารย์ที่ช่วยเหลือเรา ทั้งพ่อแม่ครอบครัวเรา และเพื่อนๆที่ยังคบกับเราไม่กลัว
หลังจากที่เราหายเป็นปกติ อาจารย์บอกให้เราคอยช่วยเหลือคนอื่นที่เป็นแบบเรา เราจะรู้สึกได้ตลอดว่าเพื่อนคนไหนเครียด และเราจะคอยอยู่ข้างๆเขาและช่วยเขาจนเขาหายเครียด
จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวเรา ซึ่งไปเล่าให้ใครฟัง ก็คงไม่มีใครอยากเชื่อ เราแค่อยากมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ จบแล้วค่า
จะมาเล่าประสบการณ์โดนของให้ฟังค่า เรื่องผี
สวัสดีค่าจะบอกว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดกับเราค่ะ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับมาก่อน จนกระทั่งมาเจอกับตัวเรื่องเกิดตอนเราอยู่ปี 1 ค่ะ ช่วงนั้นเราเครียด เครียดจนเอ๋อไปเลย ตอนแรกเราคิดว่าเราเอ๋อค่ะ แต่จริงๆแล้ว เราโดนของ
เราพูดไม่รู้เรื่อง ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ ไม่เข้าห้องน้ำ ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ค่ะ เพื่อนๆช่วยดูแลเราเป็นอย่างดี เพื่อนพาเราไปอยู่ที่บ้านรุ่น (คือบ้านที่เช่าไว้ทำงานร่วมกันทั้งรุ่น) ตอนเราเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง เราได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเราดังมาจากกำแพงค่ะ ตอนแรกเรานึกว่ารุ่นพี่กับเพื่อนๆแกล้งเรา แต่จริงๆแล้ว ไม่มีคนแกล้งค่ะ และชั้นบนสุดของบ้านรุ่นจะมีห้องเก็บของ เป็นห้องปิดตายไว้ตอนแรก ซึ่งไม่มีใครรู้มาก่อนว่า มีคนเคยผูกคอตายที่ห้องนั้น เพื่อนๆเราที่ทำงานดึกๆช่วงตี1ตี2 ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ดังมาจากห้องนั้นทุกคืนค่ะ แต่ไม่มีใครสนใจอะไร และไม่รู้ว่ามีอะไรเรียกเราให้เดินขึ้นไปในห้องนั้น ความรู้สึกตอนนั้นคือ มีเพื่อนๆเรียกเรา และตอนเราเดินขึ้นไปคือ เราเห็นหน้าเพื่อนๆยืนกันอยู่เต็มเลยค่ะ แต่จริงๆไม่มีใครเลย มีแต่โต๊ะชั้นวางของที่เจ้าของบ้านเอาไปเก็บไว้ เพื่อนรีบดึงเราออกมาจากห้องนั้น และอยู่กับเราจนถึงเช้า จนอาจารย์เห็นว่าเราไม่ไหวแล้วจึงโทรเรียกพ่อกับแม่ให้มารับเรากลับบ้านค่ะ
พอเรากลับบ้านมาแม่พาเราไปหาจิตแพทย์ค่ะ เราก็นั่งเฉยไม่พูดไม่จา เวลาเราเดินไปไหนจะได้ยินเสียงคนด่ากันตลอดเหมือนหูแว้วไปเอง จนกระทั่งมีอาจารย์ที่สอนเราจากมหาวิทยาลัยโทรหาแม่เรา และถามว่า คุณแม่เชื่อเรื่องผีมั้ยคะ แม่เราเชื่อ อาจาย์จึงนัดให้แม่เรา พาเราไปหาอาจารย์กับน้องชายที่บ้าน และทำพิธีให้เรากินน้ำอะไรซักอย่างสีน้ำตาล แต่ในใจตอนนั้นคือเราปฏิเสธไม่ยอมกินน้ำนั้น และในใจยังต่อต้านอาจารย์มาก ไม่ยอมพูดไม่บอกไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งเสร็จพิธีและกลับบ้านมา ตอนกลางคืนเรานอนไม่หลับเพราะเหมือนมีคนเรียกให้ออกนอกบ้านตลอดเวลา ตัวเราเองก็อยากเดินออกไปตลอดเวลา เหมือนที่บ้านเรามีเจ้าบ้านเจ้าเรือนผีปู่ย่าตายายแรง สิ่งที่อยู่ในตัวจึงอยากพาเราออกจากที่บ้านอาจารย์บอกว่าเราไปกินน้ำที่เขาปล่อยของมา เราเองก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอไปกินตอนไหน อาจารย์บอกแม่เราว่าคนที่ทำของใส่ ต้องการจะเอาชีวิตเราให้ถึงที่สุด จนน้องชายของอาจารย์ที่ช่วยเรา ต้องยกบุญบารมีทั้งหมดให้เขาไป และบอกให้เราทำบุญให้เขาตลอด และเขาจะเป็นเทวดามาคุ้มครองเรา เรามีพี่สาวจากชาติที่แล้วคอยช่วยดูแล อาจารย์บอกว่าชาติที่แล้วเรามีบุญบารมีเยอะ ชาตินี้เลยมีแต่คนอยากจะช่วยเหลือ และยังพี่ผู้หญิงจากบ้านรุ่นที่ผูกคอตาย เราต้องทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้เค้าตลอดเพราะคนที่ฆ่าตัวตายจะบาปที่สุดตกนรกขุมที่ลึกที่สุดและยากที่จะได้เกิดใหม่ที่เราได้ยินเสียงคนด่ากันรอบๆตัว จริงๆแล้วเป็นเสียงจิตจริงๆของคนๆนั้นที่ไม่ได้พูดออกมาค่ะตอนเราไปทำบุญที่วัด เราเห็นพระนั่งเกาขา นั่งดุ๊กดิ๊ก ไม่สำรวมเลยค่ะ อาจารย์บอกว่าเราเห็นจิตจริงๆของคนๆนั้นค่ะ[s[/s เรากลับบ้านมาแม่ให้เราสวดมนต์คาถาชินบัญชร ทุกเช้าและก่อนนอน ในที่สุดเราก็หายเป็นปกติและกลับมาเรียนได้ อาจารย์ให้เราทำงานส่งให้ครบ เพื่อนๆก็ตื่นเต้นดีใจที่เรากลับมา เพื่อนไปขอน้ำมนต์วัดระฆังมาให้เราและไปสวดมนต์ให้เราหายเป็นปกติ เพื่อนๆน่ารักมากสุดท้ายต้องขอขอบคุณอาจารย์และน้องชายอาจารย์ที่ช่วยเหลือเรา ทั้งพ่อแม่ครอบครัวเรา และเพื่อนๆที่ยังคบกับเราไม่กลัว
หลังจากที่เราหายเป็นปกติ อาจารย์บอกให้เราคอยช่วยเหลือคนอื่นที่เป็นแบบเรา เราจะรู้สึกได้ตลอดว่าเพื่อนคนไหนเครียด และเราจะคอยอยู่ข้างๆเขาและช่วยเขาจนเขาหายเครียดจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวเรา ซึ่งไปเล่าให้ใครฟัง ก็คงไม่มีใครอยากเชื่อ เราแค่อยากมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ จบแล้วค่า