*โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
“บางคนตายไปเป็นผี..ขึ้นสวรรค์ ลงนรก แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา”
“บางคนตายไปเป็นสัมภเวสี ยังคงวนเวียน รอวันที่จะได้คนไปอยู่ด้วย”
‘ผี’ คือนิยามของพลังงานชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีใครบางคนตายไปแล้ว ทำให้ความทรงจำ กับคลื่นไฟฟ้าที่เคยไหลเวียนไปตามระบบประสาทของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ และสมอง เปลี่ยนรูปแบบการไหลเวียนที่เคยจำกัดอยู่เพียงแค่ในร่างกาย มาเป็นล่องลอยอยู่ในอากาศ คล้ายกับคลื่นวิทยุ ที่หากจะมีวัตถุใด หรือบุคคลใดจับสัญญาณนั้นได้ต้องมีการปรับสัญญาณของวัตถุ/บุคคลรับสัญญาณเสียก่อน คล้ายกับการหมุนหน้าปัดวิทยุ หรือปรับทิศทางของเสาอากาศหนวดกุ้งของโทรทัศน์
การปรากฏตัวของพลังงานที่เรียกว่า ‘ผี’ นั้นมีวัตถุประสงค์หลากหลาย แต่ปลายทางนั้นคล้ายกัน คือการสื่อสารกับมนุษย์ โดยมีเนื้อหาในการสื่อสารที่ต่างกันออกไป เช่น การส่งความรู้สึก ส่งข้อความ ส่งความคิดถึง ซึ่งสาสน์จากผีจะทำการย้ำการส่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีมนุษย์คนใดรับสาสน์นั้นได้จนเข้าใจ แล้วนำไปปฏิบัติตามคำขอที่อยู่ในสาสน์จนสำเร็จ ถือเป็นการสิ้นสุดในการส่งข้อความ ก่อนจะเปลี่ยนย่านความถี่ที่อาศัยอยู่ จากโลกมนุษย์ ไปยังอีกพื้นที่ที่เรียกว่า ‘โลกหน้า’
โดยมนุษย์ที่จะสามารถรับสาสน์จากผีได้ คือมนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ญาติสนิท มิตรสหาย คนรัก หรือมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษในการปรับสัญญาณการรับรู้ของสมองให้ตรงกับย่านความถี่ที่ผีอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ มนุษย์ที่มีความสามารถเหล่านั้น เรียกว่า ‘เอสเปอร์’ โดยความสามารถในการรับรู้ถึงพลังงานที่เรียกว่าผีของเอสเปอร์แต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป
ซึ่งผีที่เปลี่ยนย่านความถี่ไปอยู่โลกหน้าแล้ว ก็ยังสามารถติดต่อกับมนุษย์ในโลกนี้ได้อยู่ แต่ต้องใช้สาสน์บางอย่างที่มนุษย์ต้องส่งให้ นั่นคือ ‘บุญ’ เพื่อให้ผีได้ใช้บุญเหล่านั้น ส่งสาสน์มายังโลกมนุษย์ได้อีกครั้ง หรืออีกกรณีหนึ่ง ที่ผีจะยังติดต่อกับมนุษย์ได้เฉพาะบุคคล หรือเฉพาะกลุ่ม นั่นคือความรู้สึกที่มนุษย์คนนั้นมีให้ เรียกว่า ‘ความคิดถึง’ หรือ ‘ความห่วงหา’ อันเป็นสิ่งที่ยังเหนี่ยวรั้งให้ผีบางตนที่จบภารกิจส่งสาสน์ครั้งสุดท้ายไปแล้ว ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกนี้ ด้วยความไม่รู้ว่า ‘ตกลงว่ามนุษย์ที่ตนส่งสาสน์ให้เข้าใจแก่นสารของสาสน์แล้วหรือยัง?’
พลังงานที่เรียกว่า ‘ผี’ จัดออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1.ผีทั่วไป – คือผีที่เกิดจากการเปลี่ยนย่านความถี่จากร่างกายมนุษย์ ไปสู่อากาศ ไม่ว่าจะรู้ตัว หรือไม่ก็ตามแต่ แต่ผีประเภททั่วไป วนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังมีเรื่องคาใจที่จำเป็นต้องทำให้เกิดผลสำเร็จ ถึงจะเปลี่ยนย่านความถี่ในอากาศของโลกมนุษย์ไปสู่โลกหน้า
2.ผีความทรงจำ – เป็นผีมีแต่การทำงานของความทรงจำ ไม่มีจิตใจ เพราะความทรงจำคือรูปแบบการทำงานของสมองที่ส่งกระแสคลื่นวนเวียนไปมาในสมองของมนุษย์ มันทำให้ผีตนนั้นนึกถึงแต่ภาพเดิมๆ ไม่มีระบบอื่นๆ ในสมองที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของการกระทำ ทำให้ผีประเภท ‘ผีความทรงจำ’ ต้องทำอะไรซ้ำๆ ในความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนตายอยู่ซ้ำๆ เช่น คนบางคนที่ฆ่าตัวตายแล้วสมองได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วนที่ใช้การได้อาจจะเหลือเพียงแค่ส่วนของความทรงจำ จึงต้องฆ่าตัวตายอยู่ซ้ำๆ หรือบางคนทำเรื่องเลวร้ายก่อนตาย จึงต้องทำแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ เหมือนเพลง/ภาพยนตร์/โฮโลแกรมที่เล่นซ้ำฉายซ้ำ ไม่มีมนุษย์ หรือเอสเปอร์คนใดสามารถบอกให้นักร้องในเพลงจากม้วนเทป ,แผ่นซีดี หรือไฟล์ MP3 เปลี่ยนสำเนียงหรือเนื้อร้องได้ ทำได้แค่ฟังเพลงที่เขาบันทึกลงเทป/แผ่นซีดี/แฟลชไดร์จนครบรอบแล้ววนอัลบั้มใหม่
แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีพลังงานอีกรูปแบบ ที่คล้ายกับ ‘ผี’ แต่วัตถุประสงค์ในการดำรงอยู่นั้นแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง พลังงานนั้นเรียกว่า ‘สัมภเวสี’
โดยจุดเริ่มต้นของ ‘สัมภเวสี’ นั้น คล้ายผี คือการเปลี่ยนย่านความถี่ในการทำงานจากระบบกล้ามเนื้อ และระบบสมองในร่างกาย ไปสู่อากาศรอบๆ แต่สำหรับการที่มนุษย์จะได้รับการติดต่อจากสัมภเวสีนั้น เรียกว่าเป็นการสุ่ม มากกว่าการระบุเฉพาะตัวบุคคล นั่นหมายความว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นญาติสนิท มิตรสหาย คนรัก หรือเป็นเอสเปอร์ ก็สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของสัมภเวสีได้ตามจุดต่างๆ หรือสถานที่ต่างๆ ด้วยกันทั้งนั้น
ด้วยความที่ก่อนตาย สัมภเวสีบางตนอาจพาตัวเองเข้าไปยึดติดอยู่กับวังวนบางอย่าง เช่น ความเคียดแค้น ความเกลียดชัง ความโลภ ความหลง จนความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งเพิ่มพูนเพราะไม่สามารถเยียวยาได้ด้วยวิธีการใดๆ ต่อให้มีมนุษย์คนไหนพบเจอแล้วทำบุญให้ แทนที่จะเป็นการสิ้นสุดพันธนาการในการมีอยู่ของสัมภเวสีตนนั้นๆ ในทางกลับกัน ‘บุญ’ ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต่างจากยาเสพติดให้สัมภเวสีได้เสพสมกันชั่วคราว เมื่อเสพสมบุญจนหมดแล้ว สัมภเวสีก็จะกลับมาวนเวียน คอยเรียกร้องขอบุญจากมนุษย์ต่อๆ ไป หรือหนักกว่านั้น สัมเวสีบางตนที่วนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความแค้น คือความต้องการที่จะทำให้ใครสักคนตาย ตนเองถึงจะเป็นสุข จึงกลายเป็นสัมภเวสีที่เรียกว่า ‘พวกรอตัวตายตัวแทน’ รอคอยที่จะทำร้ายมนุษย์ให้บาดเจ็บ หรือถึงแก่ความตาย เพื่อเติมเต็มความแค้นที่เป็นเครื่องพันธนาการของตนอย่างไม่รู้ตัว
สัมภเวสีเองก็ถูกจัดออกเป็น 2 ประเภท
1.สัมภเวสีเสพส่วนบุญ – คือสัมภเวสีที่รอคอยเสพสมส่วนบุญที่มนุษย์อุทิศให้ โดยที่ไม่รู้ว่า สัมภเวสีประเภทนี้ไม่เคยรู้สึกพอที่จะเสพส่วนบุญของมนุษย์ไปเรื่อยๆ คล้ายกับการเสพยาเสพติดที่ทำให้เกิดความสุขเพียงชั่วคราว แล้วกลับมาโหยหาใหม่
2.สัมภเวสีรอตัวตายตัวแทน – คือสัมภเวสีที่ไม่รู้ตัวว่าเอาตัวเองเข้าไปผูกติดอยู่กับห้วงความรู้สึกแง่ลบ คือความโกรธ ความอาฆาต หรือความหลง ทำให้สัมภเวสีรอตัวตายตัวแทน ต้องหามนุษย์มาเป็นเครื่องเติมเต็มความรู้สึกดังกล่าวอยู่ชั่วคราว ก่อนจะต้องหามนุษย์คนใหม่มาเติมเต็มความรู้สึก วนเวียนแบบนี้ไปซ้ำๆ เช่น หญิงแก่คนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในหมู่บ้านหนึ่ง จนถูกศาลเตี้ยของเหล่าชาวบ้านประชาทัณฑ์จนถึงแก่ความตาย เมื่อตายไปแล้วจึงวนเวียนอยู่แต่ในหมู่บ้านนั้นด้วยความแค้น คอยควานหามนุษย์ที่จะมาเป็นแหล่งบรรเทาความแค้นต่อๆ ไปอย่างไม่รู้จบ ต่อให้ชาวบ้านที่เคยประชาทัณฑ์จะถึงแก่ความตายจนยกหมู่บ้านแล้ว สัมภเวสีตนนั้นก็จะรอวันที่มีคนจากข้างนอกหลงเข้ามาในหมู่บ้านนั้น แล้วกลายเป็นแหล่งเสพสมความแค้นครั้งใหม่ของสัมภเวสีตนนั้นต่อๆ ไป
เหล่านี้คือบทความที่ได้นำเสนอถึงความแตกต่างระหว่าง ‘ผี’ กับ ‘สัมภเวสี’ ถึงแม้ว่าบางครั้ง ‘สัมภเวสี’ อาจจะเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่จำแนกย่อยมาจาก ‘ผี’ อีกที แต่ด้วยข้อแตกต่างในการมีอยู่ของคลื่นพลังงาน 2 ประเภทนี้ หวังว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้หลายๆ ท่านมีความเข้าใจในการรับมือต่อคลื่นพลังงานทั้ง 2 ประเภทได้ง่ายขึ้น..หากท่านโชคร้ายพอที่จะได้พบเจอ หรือทำให้หลายๆ ท่านมีความเข้าใจก่อนชมภาพยนตร์ ‘มือปราบสัมภเวสี’ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ เล่าถึงเรื่องราวของทีมงานจากรายการ ‘มือปราบสัมภเวสี’ ที่ต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อค้นหาเบาะแสในการส่งเรื่องไปยัง ‘หมอปลา’ จนได้พบกับ ‘บางสิ่ง’ ที่นำมาซึ่งเหตุการณ์ชวนสยองเกินกว่าจะรับมือ
#DevaHellblazer
ฝากติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางนะครับ
Deva Hellblazer :
https://www.facebook.com/DevaHellblazer/
สัมภเวสี / ผี ต่างกัน?
“บางคนตายไปเป็นผี..ขึ้นสวรรค์ ลงนรก แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา”
“บางคนตายไปเป็นสัมภเวสี ยังคงวนเวียน รอวันที่จะได้คนไปอยู่ด้วย”
‘ผี’ คือนิยามของพลังงานชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีใครบางคนตายไปแล้ว ทำให้ความทรงจำ กับคลื่นไฟฟ้าที่เคยไหลเวียนไปตามระบบประสาทของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ และสมอง เปลี่ยนรูปแบบการไหลเวียนที่เคยจำกัดอยู่เพียงแค่ในร่างกาย มาเป็นล่องลอยอยู่ในอากาศ คล้ายกับคลื่นวิทยุ ที่หากจะมีวัตถุใด หรือบุคคลใดจับสัญญาณนั้นได้ต้องมีการปรับสัญญาณของวัตถุ/บุคคลรับสัญญาณเสียก่อน คล้ายกับการหมุนหน้าปัดวิทยุ หรือปรับทิศทางของเสาอากาศหนวดกุ้งของโทรทัศน์
การปรากฏตัวของพลังงานที่เรียกว่า ‘ผี’ นั้นมีวัตถุประสงค์หลากหลาย แต่ปลายทางนั้นคล้ายกัน คือการสื่อสารกับมนุษย์ โดยมีเนื้อหาในการสื่อสารที่ต่างกันออกไป เช่น การส่งความรู้สึก ส่งข้อความ ส่งความคิดถึง ซึ่งสาสน์จากผีจะทำการย้ำการส่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีมนุษย์คนใดรับสาสน์นั้นได้จนเข้าใจ แล้วนำไปปฏิบัติตามคำขอที่อยู่ในสาสน์จนสำเร็จ ถือเป็นการสิ้นสุดในการส่งข้อความ ก่อนจะเปลี่ยนย่านความถี่ที่อาศัยอยู่ จากโลกมนุษย์ ไปยังอีกพื้นที่ที่เรียกว่า ‘โลกหน้า’
โดยมนุษย์ที่จะสามารถรับสาสน์จากผีได้ คือมนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ญาติสนิท มิตรสหาย คนรัก หรือมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษในการปรับสัญญาณการรับรู้ของสมองให้ตรงกับย่านความถี่ที่ผีอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ มนุษย์ที่มีความสามารถเหล่านั้น เรียกว่า ‘เอสเปอร์’ โดยความสามารถในการรับรู้ถึงพลังงานที่เรียกว่าผีของเอสเปอร์แต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป
ซึ่งผีที่เปลี่ยนย่านความถี่ไปอยู่โลกหน้าแล้ว ก็ยังสามารถติดต่อกับมนุษย์ในโลกนี้ได้อยู่ แต่ต้องใช้สาสน์บางอย่างที่มนุษย์ต้องส่งให้ นั่นคือ ‘บุญ’ เพื่อให้ผีได้ใช้บุญเหล่านั้น ส่งสาสน์มายังโลกมนุษย์ได้อีกครั้ง หรืออีกกรณีหนึ่ง ที่ผีจะยังติดต่อกับมนุษย์ได้เฉพาะบุคคล หรือเฉพาะกลุ่ม นั่นคือความรู้สึกที่มนุษย์คนนั้นมีให้ เรียกว่า ‘ความคิดถึง’ หรือ ‘ความห่วงหา’ อันเป็นสิ่งที่ยังเหนี่ยวรั้งให้ผีบางตนที่จบภารกิจส่งสาสน์ครั้งสุดท้ายไปแล้ว ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกนี้ ด้วยความไม่รู้ว่า ‘ตกลงว่ามนุษย์ที่ตนส่งสาสน์ให้เข้าใจแก่นสารของสาสน์แล้วหรือยัง?’
พลังงานที่เรียกว่า ‘ผี’ จัดออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1.ผีทั่วไป – คือผีที่เกิดจากการเปลี่ยนย่านความถี่จากร่างกายมนุษย์ ไปสู่อากาศ ไม่ว่าจะรู้ตัว หรือไม่ก็ตามแต่ แต่ผีประเภททั่วไป วนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังมีเรื่องคาใจที่จำเป็นต้องทำให้เกิดผลสำเร็จ ถึงจะเปลี่ยนย่านความถี่ในอากาศของโลกมนุษย์ไปสู่โลกหน้า
2.ผีความทรงจำ – เป็นผีมีแต่การทำงานของความทรงจำ ไม่มีจิตใจ เพราะความทรงจำคือรูปแบบการทำงานของสมองที่ส่งกระแสคลื่นวนเวียนไปมาในสมองของมนุษย์ มันทำให้ผีตนนั้นนึกถึงแต่ภาพเดิมๆ ไม่มีระบบอื่นๆ ในสมองที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของการกระทำ ทำให้ผีประเภท ‘ผีความทรงจำ’ ต้องทำอะไรซ้ำๆ ในความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนตายอยู่ซ้ำๆ เช่น คนบางคนที่ฆ่าตัวตายแล้วสมองได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วนที่ใช้การได้อาจจะเหลือเพียงแค่ส่วนของความทรงจำ จึงต้องฆ่าตัวตายอยู่ซ้ำๆ หรือบางคนทำเรื่องเลวร้ายก่อนตาย จึงต้องทำแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ เหมือนเพลง/ภาพยนตร์/โฮโลแกรมที่เล่นซ้ำฉายซ้ำ ไม่มีมนุษย์ หรือเอสเปอร์คนใดสามารถบอกให้นักร้องในเพลงจากม้วนเทป ,แผ่นซีดี หรือไฟล์ MP3 เปลี่ยนสำเนียงหรือเนื้อร้องได้ ทำได้แค่ฟังเพลงที่เขาบันทึกลงเทป/แผ่นซีดี/แฟลชไดร์จนครบรอบแล้ววนอัลบั้มใหม่
แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีพลังงานอีกรูปแบบ ที่คล้ายกับ ‘ผี’ แต่วัตถุประสงค์ในการดำรงอยู่นั้นแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง พลังงานนั้นเรียกว่า ‘สัมภเวสี’
โดยจุดเริ่มต้นของ ‘สัมภเวสี’ นั้น คล้ายผี คือการเปลี่ยนย่านความถี่ในการทำงานจากระบบกล้ามเนื้อ และระบบสมองในร่างกาย ไปสู่อากาศรอบๆ แต่สำหรับการที่มนุษย์จะได้รับการติดต่อจากสัมภเวสีนั้น เรียกว่าเป็นการสุ่ม มากกว่าการระบุเฉพาะตัวบุคคล นั่นหมายความว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นญาติสนิท มิตรสหาย คนรัก หรือเป็นเอสเปอร์ ก็สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของสัมภเวสีได้ตามจุดต่างๆ หรือสถานที่ต่างๆ ด้วยกันทั้งนั้น
ด้วยความที่ก่อนตาย สัมภเวสีบางตนอาจพาตัวเองเข้าไปยึดติดอยู่กับวังวนบางอย่าง เช่น ความเคียดแค้น ความเกลียดชัง ความโลภ ความหลง จนความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งเพิ่มพูนเพราะไม่สามารถเยียวยาได้ด้วยวิธีการใดๆ ต่อให้มีมนุษย์คนไหนพบเจอแล้วทำบุญให้ แทนที่จะเป็นการสิ้นสุดพันธนาการในการมีอยู่ของสัมภเวสีตนนั้นๆ ในทางกลับกัน ‘บุญ’ ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต่างจากยาเสพติดให้สัมภเวสีได้เสพสมกันชั่วคราว เมื่อเสพสมบุญจนหมดแล้ว สัมภเวสีก็จะกลับมาวนเวียน คอยเรียกร้องขอบุญจากมนุษย์ต่อๆ ไป หรือหนักกว่านั้น สัมเวสีบางตนที่วนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความแค้น คือความต้องการที่จะทำให้ใครสักคนตาย ตนเองถึงจะเป็นสุข จึงกลายเป็นสัมภเวสีที่เรียกว่า ‘พวกรอตัวตายตัวแทน’ รอคอยที่จะทำร้ายมนุษย์ให้บาดเจ็บ หรือถึงแก่ความตาย เพื่อเติมเต็มความแค้นที่เป็นเครื่องพันธนาการของตนอย่างไม่รู้ตัว
สัมภเวสีเองก็ถูกจัดออกเป็น 2 ประเภท
1.สัมภเวสีเสพส่วนบุญ – คือสัมภเวสีที่รอคอยเสพสมส่วนบุญที่มนุษย์อุทิศให้ โดยที่ไม่รู้ว่า สัมภเวสีประเภทนี้ไม่เคยรู้สึกพอที่จะเสพส่วนบุญของมนุษย์ไปเรื่อยๆ คล้ายกับการเสพยาเสพติดที่ทำให้เกิดความสุขเพียงชั่วคราว แล้วกลับมาโหยหาใหม่
2.สัมภเวสีรอตัวตายตัวแทน – คือสัมภเวสีที่ไม่รู้ตัวว่าเอาตัวเองเข้าไปผูกติดอยู่กับห้วงความรู้สึกแง่ลบ คือความโกรธ ความอาฆาต หรือความหลง ทำให้สัมภเวสีรอตัวตายตัวแทน ต้องหามนุษย์มาเป็นเครื่องเติมเต็มความรู้สึกดังกล่าวอยู่ชั่วคราว ก่อนจะต้องหามนุษย์คนใหม่มาเติมเต็มความรู้สึก วนเวียนแบบนี้ไปซ้ำๆ เช่น หญิงแก่คนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในหมู่บ้านหนึ่ง จนถูกศาลเตี้ยของเหล่าชาวบ้านประชาทัณฑ์จนถึงแก่ความตาย เมื่อตายไปแล้วจึงวนเวียนอยู่แต่ในหมู่บ้านนั้นด้วยความแค้น คอยควานหามนุษย์ที่จะมาเป็นแหล่งบรรเทาความแค้นต่อๆ ไปอย่างไม่รู้จบ ต่อให้ชาวบ้านที่เคยประชาทัณฑ์จะถึงแก่ความตายจนยกหมู่บ้านแล้ว สัมภเวสีตนนั้นก็จะรอวันที่มีคนจากข้างนอกหลงเข้ามาในหมู่บ้านนั้น แล้วกลายเป็นแหล่งเสพสมความแค้นครั้งใหม่ของสัมภเวสีตนนั้นต่อๆ ไป
เหล่านี้คือบทความที่ได้นำเสนอถึงความแตกต่างระหว่าง ‘ผี’ กับ ‘สัมภเวสี’ ถึงแม้ว่าบางครั้ง ‘สัมภเวสี’ อาจจะเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่จำแนกย่อยมาจาก ‘ผี’ อีกที แต่ด้วยข้อแตกต่างในการมีอยู่ของคลื่นพลังงาน 2 ประเภทนี้ หวังว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้หลายๆ ท่านมีความเข้าใจในการรับมือต่อคลื่นพลังงานทั้ง 2 ประเภทได้ง่ายขึ้น..หากท่านโชคร้ายพอที่จะได้พบเจอ หรือทำให้หลายๆ ท่านมีความเข้าใจก่อนชมภาพยนตร์ ‘มือปราบสัมภเวสี’ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ เล่าถึงเรื่องราวของทีมงานจากรายการ ‘มือปราบสัมภเวสี’ ที่ต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อค้นหาเบาะแสในการส่งเรื่องไปยัง ‘หมอปลา’ จนได้พบกับ ‘บางสิ่ง’ ที่นำมาซึ่งเหตุการณ์ชวนสยองเกินกว่าจะรับมือ
#DevaHellblazer
ฝากติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางนะครับ
Deva Hellblazer : https://www.facebook.com/DevaHellblazer/