ให้ได้เพาเวอร์แบงค์ที่ดี ปลอดภัย และถูกใจที่สุด
สำหรับยุคสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้ การที่พลังงานแบตเตอรี่ของตัวอุปกรณ์เหล่านี้ใกล้หมด อาจจะทำให้หลายคนทุรนทุรายได้ อุปกรณ์อย่าง “เพาเวอร์แบงค์” จึงเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญเพิ่มเติมเป็นอย่างมาก แต่การจะเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ที่ดีได้อย่างไรนั้น หลายคนอาจจะสงสัย บทความนี้มีคำตอบให้กับคุณเรียบร้อยแล้ว
องค์ประกอบในการเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์เบื้องต้น
ขนาด: ความสามารถในการพกพาขึ้นอยู่กับขนาด และน้ำหนัก ของเพาเวอร์แบงค์เป็นสำคัญ ขนาดเล็กก็อาจจะพกพาสะดวก แต่ได้ความจุของกำลังงานไฟฟ้าไม่มากนัก ชาร์จได้เต็มแค่ครั้งเดียว ส่วนขนาดใหญ่ก็ใหญ่เทอะทะ เก็บพลังงานได้เยอะ ชาร์จได้เต็มหลายครั้ง คุณต้องตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนี้ให้ได้ครับ
เพาเวอร์แบงค์ขนาดใหญ่สามารถชาร์จได้หลายครั้ง แต่การพกพาก็อาจไม่ค่อยสะดวกนัก
ความจุของแบตเตอรี่: คุณสามารถพิจารณาได้จากขนาดความจุของแบตเตอรี่ว่าขนาดเท่าไหร่ที่เพียงพอต่อการใช้งานของคุณ ถ้าคุณมีกระเป๋าหรือเป้สะพายขนาดใหญ่ ก็สามารถเลือกใช้เพาเวอร์แบงค์รุ่นที่มีขนาดความจุใหญ่ๆ มากกว่า 10,00mAh ได้
จำนวนพอร์ต USB: อยากได้การชาร์จพร้อมๆ กันได้หลายๆ เครื่อง ก็ควรที่จะเลือกที่มีพอร์ต USB จำนวน 2 พอร์ต โดยเพาเวอร์แบงค์ที่มีพอร์ต USB จำนวน 2 พอร์ต พอร์ตหนึ่งจะปล่อยกระแสได้ 2.1 แอมป์ อีกพอร์ตหนึ่งจะจ่ายกระแสได้ 1 แอมป์
เลือกเพาเวอร์แบงค์ที่มีหลายพอร์ต ก็ช่วยให้คุณชาร์จได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน
กระแสไฟฟ้า: อุปกรณ์ชาร์จโดยส่วนใหญ่จะรองรับการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ 1 แอมป์ หรือ 2.1 แอมป์ ยิ่งแอมป์มากก็ยิ่งชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็ว แต่ถึงกระนั้น การจ่ายกระแสก็ต้องเหมาะสมกับสเปคของตัวอุปกรณ์ด้วย อย่างเช่น เพาเวอร์แบงค์ที่จ่ายกระแสได้ 1 แอมป์ จะเหมาะกับโทรศัพท์รุ่นเก่าที่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่กระแสไฟ 0.5 แอมป์ ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แท็บเล็ต หรือไอแพดจะรองรับการจ่ายกระแสที่ 2.1 แอมป์
กระแสไฟฟ้า 2 แอมป์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้รวดเร็วกว่ามากอย่างชัดเจน
ชาร์จสมาร์ทโฟน 2 เครื่องพร้อมกันก็ยังชาร์จแบตฯ เต็มได้เร็ว แต่ถ้าหากว่าชาร์จแท็บเล็ตร่วมด้วย ความเร็วในการชาร์จหายไปครึ่งหนึ่งเลย
ตัวเครื่องและวัสดุที่ใช้: หากคุณต้องนำเพาเวอร์แบงค์ไปใช้แบบสมบุกสมบันหรือใช้งานภายนอก ก็ต้องใช้เพาเวอร์แบงค์ที่ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุอย่างอะลูมิเนียม หรือหุ้มด้วยซิลิโคนที่ป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี
ถ้าใช้งานสมบุกสมบันก็ต้องซื้อเพาเวอร์แบงค์ที่มีความทนทานสูงมาใช้งาน
ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งระดับนานาชาติ และประเทศหรือไม่: เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน จึงมีองค์กรที่กำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการทดสอบ เพื่อให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยในการใช้งานจากแบตเตอรี่ ดังนั้นคุณก็ควรเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ที่ได้ผ่านการการรับรองมาตรฐาน โดยในระดับสากลก็ต้องเป็นมาตรฐาน FC, ETL และ CE ส่วนมาตรฐานระดับประเทศของประเทศเราก็ต้องเป็นมาตรฐาน มอก. ซึ่งส่วนใหญ่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงจะผ่านการรับรองมาตรฐานเป็นอย่างดีอยู่แล้ว การเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ ในส่วนของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันครับ
มาตรฐานอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ ถ้ามีบนเพาเวอร์แบงค์ก็มั่นใจในความปลอดภัยได้
ถ้าเห็นเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศไทยอยู่บนกล่องเพาเวอร์แบงค์ก็สามารถมั่นใจความปลอดภัยในการใช้งานได้เช่นกัน แต่ก็ต้องระวังยี่ห้อที่ติดโลโก้ มอก. มั่วๆ ด้วย เราสามารถนำหมายเลขอนุญาติไปตรวจสอบกับทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้
มีระบบวงจรป้องกันเพื่อความปลอดภัยหรือไม่: เป็นอีกส่วนประกอบที่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงจะมีไว้ให้คุณได้ เพราะเพาเวอร์แบงค์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบป้องกันกระแส แรงดันไฟฟ้า อุณหภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน ระบบป้องกันการลัดวงจร ระบบป้องกันการโหลด ที่เกินกว่าค่าที่ปลอดภัย เป็นต้น แบรนด์ที่มีชื่อเสียงจะมีวงจรป้องกันเหล่านี้แน่นอน แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่ไม่มีชื่อเสียง ก็อาจจะไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับเราผู้ใช้งานได้ว่าจะมีวงจรเหล่านี้อยู่ภายในตัวเครื่องจริงหรือไม่ หรือถ้ามีจริงจะมีคุณภาพแค่ไหน
วิธีเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์แบบปังๆ
สำหรับยุคสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้ การที่พลังงานแบตเตอรี่ของตัวอุปกรณ์เหล่านี้ใกล้หมด อาจจะทำให้หลายคนทุรนทุรายได้ อุปกรณ์อย่าง “เพาเวอร์แบงค์” จึงเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญเพิ่มเติมเป็นอย่างมาก แต่การจะเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ที่ดีได้อย่างไรนั้น หลายคนอาจจะสงสัย บทความนี้มีคำตอบให้กับคุณเรียบร้อยแล้ว
องค์ประกอบในการเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์เบื้องต้น
ขนาด: ความสามารถในการพกพาขึ้นอยู่กับขนาด และน้ำหนัก ของเพาเวอร์แบงค์เป็นสำคัญ ขนาดเล็กก็อาจจะพกพาสะดวก แต่ได้ความจุของกำลังงานไฟฟ้าไม่มากนัก ชาร์จได้เต็มแค่ครั้งเดียว ส่วนขนาดใหญ่ก็ใหญ่เทอะทะ เก็บพลังงานได้เยอะ ชาร์จได้เต็มหลายครั้ง คุณต้องตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนี้ให้ได้ครับ
ความจุของแบตเตอรี่: คุณสามารถพิจารณาได้จากขนาดความจุของแบตเตอรี่ว่าขนาดเท่าไหร่ที่เพียงพอต่อการใช้งานของคุณ ถ้าคุณมีกระเป๋าหรือเป้สะพายขนาดใหญ่ ก็สามารถเลือกใช้เพาเวอร์แบงค์รุ่นที่มีขนาดความจุใหญ่ๆ มากกว่า 10,00mAh ได้
จำนวนพอร์ต USB: อยากได้การชาร์จพร้อมๆ กันได้หลายๆ เครื่อง ก็ควรที่จะเลือกที่มีพอร์ต USB จำนวน 2 พอร์ต โดยเพาเวอร์แบงค์ที่มีพอร์ต USB จำนวน 2 พอร์ต พอร์ตหนึ่งจะปล่อยกระแสได้ 2.1 แอมป์ อีกพอร์ตหนึ่งจะจ่ายกระแสได้ 1 แอมป์
กระแสไฟฟ้า: อุปกรณ์ชาร์จโดยส่วนใหญ่จะรองรับการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ 1 แอมป์ หรือ 2.1 แอมป์ ยิ่งแอมป์มากก็ยิ่งชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็ว แต่ถึงกระนั้น การจ่ายกระแสก็ต้องเหมาะสมกับสเปคของตัวอุปกรณ์ด้วย อย่างเช่น เพาเวอร์แบงค์ที่จ่ายกระแสได้ 1 แอมป์ จะเหมาะกับโทรศัพท์รุ่นเก่าที่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่กระแสไฟ 0.5 แอมป์ ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แท็บเล็ต หรือไอแพดจะรองรับการจ่ายกระแสที่ 2.1 แอมป์
ตัวเครื่องและวัสดุที่ใช้: หากคุณต้องนำเพาเวอร์แบงค์ไปใช้แบบสมบุกสมบันหรือใช้งานภายนอก ก็ต้องใช้เพาเวอร์แบงค์ที่ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุอย่างอะลูมิเนียม หรือหุ้มด้วยซิลิโคนที่ป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี
ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งระดับนานาชาติ และประเทศหรือไม่: เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน จึงมีองค์กรที่กำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการทดสอบ เพื่อให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยในการใช้งานจากแบตเตอรี่ ดังนั้นคุณก็ควรเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ที่ได้ผ่านการการรับรองมาตรฐาน โดยในระดับสากลก็ต้องเป็นมาตรฐาน FC, ETL และ CE ส่วนมาตรฐานระดับประเทศของประเทศเราก็ต้องเป็นมาตรฐาน มอก. ซึ่งส่วนใหญ่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงจะผ่านการรับรองมาตรฐานเป็นอย่างดีอยู่แล้ว การเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ ในส่วนของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันครับ
มีระบบวงจรป้องกันเพื่อความปลอดภัยหรือไม่: เป็นอีกส่วนประกอบที่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงจะมีไว้ให้คุณได้ เพราะเพาเวอร์แบงค์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบป้องกันกระแส แรงดันไฟฟ้า อุณหภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน ระบบป้องกันการลัดวงจร ระบบป้องกันการโหลด ที่เกินกว่าค่าที่ปลอดภัย เป็นต้น แบรนด์ที่มีชื่อเสียงจะมีวงจรป้องกันเหล่านี้แน่นอน แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่ไม่มีชื่อเสียง ก็อาจจะไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับเราผู้ใช้งานได้ว่าจะมีวงจรเหล่านี้อยู่ภายในตัวเครื่องจริงหรือไม่ หรือถ้ามีจริงจะมีคุณภาพแค่ไหน