คบกันมา 10 ปี และอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงงานแต่งงาน เรากับแฟนจะปรึกษากันตลอด แฟนแก่กว่าเราแค่ 4 ปี
จุดเริ่มต้น แฟนไปบอกที่บ้านว่าจะแต่งงาน พ่อแม่เค้าตอบมาทันทีว่าไม่มีเงินนะ ได้ยินแบบนี้ช๊อครับประทานซิค่ะ ....
และทุกสิ่งอย่างก็ดำเนินต่อไป พาพ่อแม่พี่น้องว่าที่เจ้าบ่าวไปดูสถานที่จัดงาน ไปดูเรือนหอ
จนตกลงกันว่า ok กับสถานที่จัดงานแล้ว ก็มาคุยกันเรื่องวันจัดงาน พ่อแฟนดูปีชงจากปฎิทินค่ะ บอกว่าวันนี้วันดีไม่ชงกับทุกคน เป็นวันที่ 13 ... ช๊อคอีกรอบ แต่ทางบ้านดิฉันให้ทางญาติผู้ใหญ่ที่ดูฤกษ์แต่งงานโดยตรงดูให้ เถียงกันอยู่พักใหญ่ พี่แฟนบอกว่าปกติบ้านผู้ชายจะเป็นคนดูฤกษ์นะ ไม่ใช่บ้านผู้หญิง แต่เอ่อ คือหนู่ไม่ชอบเลข 13 ค่ะ (คิดในใจ) สุดท้าย พ่อแฟน บอกว่า ok งั้นเอาตามที่เราดูมาละกัน
ต่อมาเรื่องสถานที่จัดงาน บ้านดิฉันอยู่สมุทรปราการ จะให้ไปจัดสนามหลวง โดยอ้างว่าสวนหลวง ร.9 ไกลไป และอ้างถึงมาจากญาติคนนึงทางบ้านแฟนว่าจัดที่นี่ดี ไม่แพง (ปล.หลานเค้าเป็นผู้หญิง แต่บ้านผู้ชายเป็นคนจ่ายไงค่ะ ออกทุกอย่างเลยไม่แพงไง) แต่งานนี้ฉันเป็นคนจ่ายก่อนทั้งหมดนะค่ะ แฟนเงินไม่มีเก็บค่ะ ทั้งที่เดิมทีเราตั้งงบไว้โต๊ะจีนไม่เกิน 3500 ประมาณ 30 โต๊ะ จุดท้ายเพื่อยุติปัญหายอมจ่ายแพงขึ้นเป็น 5500 และมาจัดงานตรงสีแยกบางนาแทน กึ่งกลางดี สุดท้ายบ้านเค้าเชิญแขก ปาไป 40 โต๊ะ ทั้งๆ ที่ตกลงกันว่า แบ่งกันฝั่งละ 15 โต๊ะ งบเริ่มบานปลายค่ะทีนี้
ต่อมาเรื่องของชำร่วย สรุปกันว่าจะใช้เหรียญ 10 บรรจุกล่องเรียบแต่ดูหรูหรา (ราคาไม่แพง) แต่มีประเด็นตรงที่พี่และน้องแฟนบอกว่าจะให้ใส่เป็นตลับพลาสติกคล้ายๆ งานบวช หรืองานนิทรรศการเหรียญอะไรอย่างนั้น ซึ่งเรามองว่ามันดูแข็งๆ เกินไป เลยไม่เอา ... ปรากฎว่าทางโน้นเค้าไม่พอใจ และบอกแฟนว่าเงินค่าสินสอดที่เตรียมไว้จะไม่ให้ยืมละ (เออ เอาเข้าไป) ลืมบอกไปค่ะ ... เงินค่าสินสอดใส่ทำพิธีตามธรรมเนียมเท่านั้น ทางบ้านเราคืนหมด ... แต่ดิฉันเป็นคนจ่ายนะค่ะ
ต่อมาเรื่องถ่ายภาพแวดดิ้ง ทางสตูถ่ายให้ 3 ชุด มีชุดแต่งงาน ชุดไทย และชุดที่นำมาเอง .... ก็ถ่ายๆ ไป ช่างกล้องว่าไงก็ว่างั้น จนกลับมาบ้าน แฟนมาโวยวายว่าตอนถ่ายชุดไทยช่างกล้องไม่ถ่ายรูปคู่ที่ถือดาบ เหมือนขุนไกลให้เค้า มีแต่ภาพเดี่ยวที่ถือดาบ เค้าเลยไม่พอใจมาก แต่มาโกรธเรา (งง ซิค่ะ ดิฉันไม่ได้รู้เรื่องว่าจะทำอะไรแบบไหน ไม่ใช่คนถ่าย จะรู้มั้ยเนี่ย ตอนถ่ายก็ไม่บอกเค้า พอกลับมาบ้านมาพูดว่า ... ไปบอกเค้าด้วยนะว่าจะถ่ายใหม่ ไม่เอาละ จะเปลี่ยนร้าน ... โน้นนี่นั้น บ่น ร้อยแปดพันเรื่อง ...สุดท้ายไม่คุยกับเรา ... เวรกรร!!! )
ต่อมาเรื่องการ์ด อันนี้เป็นปัญหาของว่าที่เจ้าบ่าวโดยตรง แบบนั้นไม่ดี แบบนี้ไม่สวย ต้องทำแบบนั้น ต้องทำแบบนี้ ร้านนี้ออกแบบไม่เก่งเปลี่ยนร้านดีกว่า บราาาาาา.... จนเวลาผ่านมาจะเดือน การ์ดยังไม่เสร็จ และยังไม่สรุป จนทะเลาะกันจะเลิกกันอยู่แล้ว เราทนในความเรื่องมากของเค้าจนเครียดมากกกกกก มันหลายสิ่งมากๆๆๆๆๆๆ ทั้งที่ทางบ้านเราเป็นฝ่ายหญิง ไม่เรื่องมากอะไรเลย ง่ายๆ เข้าไว้ และที่สำคัญดิฉันเป็นคนจ่ายเงินค่าดำเนินการไปก่อนทั้งหมด โดยแฟนไม่ได้ออกเงินเลยนะค่ะ .... แบบนี้ไม่รู้ว่าจะไปได้กี่น้ำ งานแต่งจะล่มก่อนหรือป่าวก็ไม่รู้ ตอนคบกันเราก็รู้นะว่าเค้าจุกจิก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนจุกจิกมากกกกก ขนาดนี้ เรียกว่าโค-ตะ-ระ เรื่องมากเลยค่ะ (และเราเป็นคนจ่ายเงินไปก่อนอีกเช่นเดิม) ทางบ้านแฟนมีปัญหาเรารับได้ทุกอย่างนะค่ะเข้าใจว่าเป็นเรื่องการตกลงกัน แต่ที่เริ่มไม่ไหวแล้ว เครียด และ ไม่อยากแต่งงานแล้ว เพราะแฟนเราเองนี่ละค่ะ พอเราพูดว่าถ้าช่วยเหลือเรื่องเงินไม่ได้ก็อย่าทำให้เราเครียดได้มั้ย อย่าสร้างปัญหา อย่าจุกจิกจนทำให้ต้องมาทะเลาะกันแบบแนี เราเหนื่อย ... แต่ที่บ้านเราก็บอกว่าให้อดทนไว้ เดี๋ยวอะไรก็ดีขึ้น แต่ดิฉันเกรงว่าตัวเองจะระเบิดซะก่อน ช่วงเวลาเตรียมงานผ่านมาแต่ 1 เดือน เหมือนตกนรก ไม่คิดเลยว่าพอจะแต่งงานมันจะเป็นแบบนี้ .... !!!
กำลังจะแต่งงานค่ะ ใครเจอเจ้าบ่าวและครอบครัวเจ้าบ่าวเรื่องมาก-จุกจิกบ้าง ?
จุดเริ่มต้น แฟนไปบอกที่บ้านว่าจะแต่งงาน พ่อแม่เค้าตอบมาทันทีว่าไม่มีเงินนะ ได้ยินแบบนี้ช๊อครับประทานซิค่ะ ....
และทุกสิ่งอย่างก็ดำเนินต่อไป พาพ่อแม่พี่น้องว่าที่เจ้าบ่าวไปดูสถานที่จัดงาน ไปดูเรือนหอ
จนตกลงกันว่า ok กับสถานที่จัดงานแล้ว ก็มาคุยกันเรื่องวันจัดงาน พ่อแฟนดูปีชงจากปฎิทินค่ะ บอกว่าวันนี้วันดีไม่ชงกับทุกคน เป็นวันที่ 13 ... ช๊อคอีกรอบ แต่ทางบ้านดิฉันให้ทางญาติผู้ใหญ่ที่ดูฤกษ์แต่งงานโดยตรงดูให้ เถียงกันอยู่พักใหญ่ พี่แฟนบอกว่าปกติบ้านผู้ชายจะเป็นคนดูฤกษ์นะ ไม่ใช่บ้านผู้หญิง แต่เอ่อ คือหนู่ไม่ชอบเลข 13 ค่ะ (คิดในใจ) สุดท้าย พ่อแฟน บอกว่า ok งั้นเอาตามที่เราดูมาละกัน
ต่อมาเรื่องสถานที่จัดงาน บ้านดิฉันอยู่สมุทรปราการ จะให้ไปจัดสนามหลวง โดยอ้างว่าสวนหลวง ร.9 ไกลไป และอ้างถึงมาจากญาติคนนึงทางบ้านแฟนว่าจัดที่นี่ดี ไม่แพง (ปล.หลานเค้าเป็นผู้หญิง แต่บ้านผู้ชายเป็นคนจ่ายไงค่ะ ออกทุกอย่างเลยไม่แพงไง) แต่งานนี้ฉันเป็นคนจ่ายก่อนทั้งหมดนะค่ะ แฟนเงินไม่มีเก็บค่ะ ทั้งที่เดิมทีเราตั้งงบไว้โต๊ะจีนไม่เกิน 3500 ประมาณ 30 โต๊ะ จุดท้ายเพื่อยุติปัญหายอมจ่ายแพงขึ้นเป็น 5500 และมาจัดงานตรงสีแยกบางนาแทน กึ่งกลางดี สุดท้ายบ้านเค้าเชิญแขก ปาไป 40 โต๊ะ ทั้งๆ ที่ตกลงกันว่า แบ่งกันฝั่งละ 15 โต๊ะ งบเริ่มบานปลายค่ะทีนี้
ต่อมาเรื่องของชำร่วย สรุปกันว่าจะใช้เหรียญ 10 บรรจุกล่องเรียบแต่ดูหรูหรา (ราคาไม่แพง) แต่มีประเด็นตรงที่พี่และน้องแฟนบอกว่าจะให้ใส่เป็นตลับพลาสติกคล้ายๆ งานบวช หรืองานนิทรรศการเหรียญอะไรอย่างนั้น ซึ่งเรามองว่ามันดูแข็งๆ เกินไป เลยไม่เอา ... ปรากฎว่าทางโน้นเค้าไม่พอใจ และบอกแฟนว่าเงินค่าสินสอดที่เตรียมไว้จะไม่ให้ยืมละ (เออ เอาเข้าไป) ลืมบอกไปค่ะ ... เงินค่าสินสอดใส่ทำพิธีตามธรรมเนียมเท่านั้น ทางบ้านเราคืนหมด ... แต่ดิฉันเป็นคนจ่ายนะค่ะ
ต่อมาเรื่องถ่ายภาพแวดดิ้ง ทางสตูถ่ายให้ 3 ชุด มีชุดแต่งงาน ชุดไทย และชุดที่นำมาเอง .... ก็ถ่ายๆ ไป ช่างกล้องว่าไงก็ว่างั้น จนกลับมาบ้าน แฟนมาโวยวายว่าตอนถ่ายชุดไทยช่างกล้องไม่ถ่ายรูปคู่ที่ถือดาบ เหมือนขุนไกลให้เค้า มีแต่ภาพเดี่ยวที่ถือดาบ เค้าเลยไม่พอใจมาก แต่มาโกรธเรา (งง ซิค่ะ ดิฉันไม่ได้รู้เรื่องว่าจะทำอะไรแบบไหน ไม่ใช่คนถ่าย จะรู้มั้ยเนี่ย ตอนถ่ายก็ไม่บอกเค้า พอกลับมาบ้านมาพูดว่า ... ไปบอกเค้าด้วยนะว่าจะถ่ายใหม่ ไม่เอาละ จะเปลี่ยนร้าน ... โน้นนี่นั้น บ่น ร้อยแปดพันเรื่อง ...สุดท้ายไม่คุยกับเรา ... เวรกรร!!! )
ต่อมาเรื่องการ์ด อันนี้เป็นปัญหาของว่าที่เจ้าบ่าวโดยตรง แบบนั้นไม่ดี แบบนี้ไม่สวย ต้องทำแบบนั้น ต้องทำแบบนี้ ร้านนี้ออกแบบไม่เก่งเปลี่ยนร้านดีกว่า บราาาาาา.... จนเวลาผ่านมาจะเดือน การ์ดยังไม่เสร็จ และยังไม่สรุป จนทะเลาะกันจะเลิกกันอยู่แล้ว เราทนในความเรื่องมากของเค้าจนเครียดมากกกกกก มันหลายสิ่งมากๆๆๆๆๆๆ ทั้งที่ทางบ้านเราเป็นฝ่ายหญิง ไม่เรื่องมากอะไรเลย ง่ายๆ เข้าไว้ และที่สำคัญดิฉันเป็นคนจ่ายเงินค่าดำเนินการไปก่อนทั้งหมด โดยแฟนไม่ได้ออกเงินเลยนะค่ะ .... แบบนี้ไม่รู้ว่าจะไปได้กี่น้ำ งานแต่งจะล่มก่อนหรือป่าวก็ไม่รู้ ตอนคบกันเราก็รู้นะว่าเค้าจุกจิก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนจุกจิกมากกกกก ขนาดนี้ เรียกว่าโค-ตะ-ระ เรื่องมากเลยค่ะ (และเราเป็นคนจ่ายเงินไปก่อนอีกเช่นเดิม) ทางบ้านแฟนมีปัญหาเรารับได้ทุกอย่างนะค่ะเข้าใจว่าเป็นเรื่องการตกลงกัน แต่ที่เริ่มไม่ไหวแล้ว เครียด และ ไม่อยากแต่งงานแล้ว เพราะแฟนเราเองนี่ละค่ะ พอเราพูดว่าถ้าช่วยเหลือเรื่องเงินไม่ได้ก็อย่าทำให้เราเครียดได้มั้ย อย่าสร้างปัญหา อย่าจุกจิกจนทำให้ต้องมาทะเลาะกันแบบแนี เราเหนื่อย ... แต่ที่บ้านเราก็บอกว่าให้อดทนไว้ เดี๋ยวอะไรก็ดีขึ้น แต่ดิฉันเกรงว่าตัวเองจะระเบิดซะก่อน ช่วงเวลาเตรียมงานผ่านมาแต่ 1 เดือน เหมือนตกนรก ไม่คิดเลยว่าพอจะแต่งงานมันจะเป็นแบบนี้ .... !!!