ผมยืมไอดีเพื่อนมาตั้งกระทู้นะครับ
ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าสมควรเขียนเรื่องนี้ไหม แต่สืบเนื่องจากคดีทุจริตนายสิบ และการขโมยภาพของข้าราชการระดับสูงในต่างประเทศผมจึงตัดสินใจที่จะเผยแพร่เรื่องนี้ออกสู่สังคม
ผมเป็นเด็กพึ่งจบมหาวิทยาลัย แต่ผมสอนพิเศษมาตั้งแต่ตอนปี 1 ซึ่งตอนนี้ได้เปิดโรงเรียนสอนกวดวิชาอยู่ เนื่องจากผมเป็นรุ่นที่พึ่งจบจึงมีกวดวิชาเล็กๆไม่ใหญ่มากยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งเป็นวิชาทางสายวิทยาศาสตร์
ปรากฏว่าหลังคะแนน 9 วิชาสามัญประกาศผลออกมามีผู้ปกครองท่านนึงโทรมาที่โรงเรียน บอกว่าลูกเค้านั้นสอบได้คะแนนวิชานึงเป็นที่ 1 ของประเทศ เป็นเด็กทุนคิง สนใจจะให้เงินรางวัลลูกเค้าไหม
ผมก็ถามว่าเรียนกับผมหรือเปล่า คุณแม่ท่านนี้เลยบอกว่าเปล่าไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหน แต่ถ้าให้เงินลูกเค้า เค้าจะให้ลูกเค้าขึ้นป้ายของโรงเรียนแล้วบอกว่าเด็กเรียนพิเศษที่นี่ โรงเรียนจะได้มีนักเรียนมาสมัครเยอะๆ
ตอนแรกผมเลยนึกว่าคุณแม่คนนี้เป็น 18 มงกุฎเลยไม่ได้ตอบรับไปเพราะเด็กไม่ได้เรียนที่นี่ ผมจึงสงสัยว่าเด็กคนนี้มีตัวตนจริงไหมหรือแค่โดนเอามาแอบอ้าง จึงให้ลูกศิษย์เด็กโรงเรียนเดียวกันไปสืบว่าเด็กคนนี้มีตัวตนจริงไหม ซึ่งเด็กคนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ และปรากฏว่าเป็นเด็กโอลิมปิกด้วย ซึ่งลูกศิษย์ผมบอกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กเก่งมาก ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเลย (อันนี้ฟังมาจากลูกศิษย์นะครับ) ผมเลยคิดว่าคงโดนคุณแม่คนนี้เอามาอ้างเฉยๆ
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ตามข่าวเท่าไร จนมีลูกศิษย์ผมคนนึงส่งในไลน์มาให้ดูว่าเด็กคนนี้ขึ้นไปรับรางวัลจากกวดวิชาชื่อดังที่นึงแถวสยาม
ผมไม่แน่ใจว่าเค้าได้เรียนกับสถาบันนั้นจริงๆ หรือแค่ยืมตัวเด็กไปอวดอ้าง เลยให้ลูกศิษย์ไปลองถามตัวเด็กดู ปรากฎว่าเด็กไม่ได้เรียนแต่แม่เค้าให้ไปรับ(ย้ำอีกรอบนะครับว่าไม่ได้ยินจากปากโดยตรงแต่ลูกศิษย์ไปถามมา)
ผมเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาอ.กวดวิชาแห่งหนึ่ง อ.ท่านเลยบอกว่าแบบนี้มีทำกันมานานแล้ว ลูกศิษย์ท่านก็เคยโดน ได้คะแนนสอบ 7 วิชาสามัญเต็มวิชาที่อ.ท่านสอน แล้วสถาบันหลายแห่งโทรมาให้ไปรับรางวัลโดยให้อ้างว่าเด็กเรียนที่สถาบันของเค้า แต่เด็กคนนี้ปฏิเสธเนื่องจากไม่ต้องการหลอกลวง ซึ่งสถาบันแต่ละแห่งที่โทรมาเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก Ent
ถัดมาเมื่อเด็กเก่งเหล่านี้รู้ว่าสถาบันกวดวิชาต่างๆต้องการตัวและมีค่าตอบแทนกับการขึ้นโบว์ชัวร์ (สังเกตสถาบันที่มีการนำเด็กเก่งลงประกาศเยอะๆ) ให้จึงเริ่มมีการล่ารางวัลกันเองโดยเสนอตัวให้กวดวิชา จนถึงขนาดผู้ปกครองเป็นคนหากวดวิชาที่ให้รางวัลให้ลูกหลานตัวเองแทนเด็ก
กวดวิชาบางแห่งที่เปิดสอนเพียงวิชาเดียว จะพยายามแย่งตัวเด็ก หากสถาบันไหนให้ค่าตอบแทนเยอะกว่าเด็กก็จะไปกับสถาบันนั้นๆ และเด็กบางคนไม่ได้รับเงินจากสถาบันเพียงแห่งเดียวหรือวิชาเดียวเท่านั้น แต่ยังปรากฎชื่อซ้ำกันในกวดวิชาหลายๆสถาบันพร้อมกัน (ลองหาข้อมูลดูนะครับในโบว์ชัวร์หลายที่มาก) ซึ่งเด็กที่เก่งมากๆได้รวมๆแล้วหลายๆวิชาจากหลายๆที่ เป็นเงินหลักแสน
นอกจากสถาบันชื่อดังแห่งนั้นแล้วยังมีอีกหลายๆที่ ที่จ้างเด็กเก่งๆจากสถาบันอื่นๆ ที่ไม่เคยเรียนกับสถาบันตัวเอง มาโปรโมทให้กวดวิชาของตัวเองเพื่อลงในโบว์ชัวร์ เพื่อให้ผู้ปกครองเลือกเรียนกับสถาบันของตนเอง
ผมเลยอยากทราบว่าถ้าหากเค้าแอบอ้างจริงเราสามารถฟ้องร้อง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบได้หรือเปล่าครับ
นี่คือจรรยาบรรณของความเป็นวิชาชีพครู วิชาชีพที่คอยอบรมสั่งสอนอนาคตของชาติ หรือแม้แต่ตัวผู้ปกครองเองที่นำลูกมาขายในราคาเล็กน้อยแต่แลกกับการฝึกเด็กเก่งๆคนนึงให้กลายเป็นคนที่มองการรับเงิน การแอบอ้าง การหลอกลวง เป็นเรื่องปกติในสังคมที่ใครๆก็ทำกัน เก่งแต่ไร้คุณธรรมอย่างนี้ไม่อยากนึกสภาพในอนาคตข้างหน้าของประเทศนี้จริงๆ
มือปืนจากปัญหาการสอบนายสิบก็มีเด็กเก่งๆเหล่านี้เข้ามาเอี่ยวด้วยเช่นกันและไม่ได้มีเพียงวงการสอบนายสิบเท่านั้นที่มีมือปืนรับจ้าง แต่ยังมีการสอบอีกหลายๆสนามที่ใช้มือปืนรับจ้างเหล่านี้ ซึ่งในสถาบันระดับอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงหลายแห่งมีคนเข้ามาทาบทามเด็กนักศึกษาให้ไปรับจ้างสอบแทน ตอนเรียนอยู่ผมก็โดนครับเนื่องจาก ม.ปลาย เป็นเด็กโอลิมปิกวิชาการ
สมมุติเป็นเรื่องจริงการที่เด็กแบบนี้ได้ถึงทุนคิงสมควรหรือเปล่า คุณธรรมในใจเด็กยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำ เมื่อเด็กเก่งระดับนี้สำเร็จการศึกษาและกลับมาเป็นผู้บริหารประเทศในภายหลังจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ขนาดอายุแค่นี้ยังคิดขนาดนี้
ผมไม่อยากจะนึกว่าภาพว่าหากเด็กแบบนี้มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวแบบตอนสอบเข้านายสิบจะมีเด็กเก่งที่เห็นแก่เงินจนยอมทำผิดแบบนี้แล้วก่อให้เกิดปัญหาสังคมสืบไปในภายภาคหน้า ประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางไหน ว่าที่ข้าราชการระดับสูงของชาติจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าเรายังละเลยจุดเล็กๆจุดนี้
กระทู้นี้เป็นกระทู้บอกเล่าประสบการณ์เพียงเท่านั้นนะครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมเจอมากับตัวเอง มีอาจารย์กวดวิชาท่านใดโดนแบบนี้ช่วยแชร์กันด้วยนะครับ
กวดวิชาหลายแห่งจ้างเด็กเก่งที่ไม่ได้เรียนกับสถาบันตัวเองมาโปรโมทลงโบว์ชัวร์
ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าสมควรเขียนเรื่องนี้ไหม แต่สืบเนื่องจากคดีทุจริตนายสิบ และการขโมยภาพของข้าราชการระดับสูงในต่างประเทศผมจึงตัดสินใจที่จะเผยแพร่เรื่องนี้ออกสู่สังคม
ผมเป็นเด็กพึ่งจบมหาวิทยาลัย แต่ผมสอนพิเศษมาตั้งแต่ตอนปี 1 ซึ่งตอนนี้ได้เปิดโรงเรียนสอนกวดวิชาอยู่ เนื่องจากผมเป็นรุ่นที่พึ่งจบจึงมีกวดวิชาเล็กๆไม่ใหญ่มากยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งเป็นวิชาทางสายวิทยาศาสตร์
ปรากฏว่าหลังคะแนน 9 วิชาสามัญประกาศผลออกมามีผู้ปกครองท่านนึงโทรมาที่โรงเรียน บอกว่าลูกเค้านั้นสอบได้คะแนนวิชานึงเป็นที่ 1 ของประเทศ เป็นเด็กทุนคิง สนใจจะให้เงินรางวัลลูกเค้าไหม
ผมก็ถามว่าเรียนกับผมหรือเปล่า คุณแม่ท่านนี้เลยบอกว่าเปล่าไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหน แต่ถ้าให้เงินลูกเค้า เค้าจะให้ลูกเค้าขึ้นป้ายของโรงเรียนแล้วบอกว่าเด็กเรียนพิเศษที่นี่ โรงเรียนจะได้มีนักเรียนมาสมัครเยอะๆ
ตอนแรกผมเลยนึกว่าคุณแม่คนนี้เป็น 18 มงกุฎเลยไม่ได้ตอบรับไปเพราะเด็กไม่ได้เรียนที่นี่ ผมจึงสงสัยว่าเด็กคนนี้มีตัวตนจริงไหมหรือแค่โดนเอามาแอบอ้าง จึงให้ลูกศิษย์เด็กโรงเรียนเดียวกันไปสืบว่าเด็กคนนี้มีตัวตนจริงไหม ซึ่งเด็กคนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ และปรากฏว่าเป็นเด็กโอลิมปิกด้วย ซึ่งลูกศิษย์ผมบอกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กเก่งมาก ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเลย (อันนี้ฟังมาจากลูกศิษย์นะครับ) ผมเลยคิดว่าคงโดนคุณแม่คนนี้เอามาอ้างเฉยๆ
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ตามข่าวเท่าไร จนมีลูกศิษย์ผมคนนึงส่งในไลน์มาให้ดูว่าเด็กคนนี้ขึ้นไปรับรางวัลจากกวดวิชาชื่อดังที่นึงแถวสยาม
ผมไม่แน่ใจว่าเค้าได้เรียนกับสถาบันนั้นจริงๆ หรือแค่ยืมตัวเด็กไปอวดอ้าง เลยให้ลูกศิษย์ไปลองถามตัวเด็กดู ปรากฎว่าเด็กไม่ได้เรียนแต่แม่เค้าให้ไปรับ(ย้ำอีกรอบนะครับว่าไม่ได้ยินจากปากโดยตรงแต่ลูกศิษย์ไปถามมา)
ผมเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาอ.กวดวิชาแห่งหนึ่ง อ.ท่านเลยบอกว่าแบบนี้มีทำกันมานานแล้ว ลูกศิษย์ท่านก็เคยโดน ได้คะแนนสอบ 7 วิชาสามัญเต็มวิชาที่อ.ท่านสอน แล้วสถาบันหลายแห่งโทรมาให้ไปรับรางวัลโดยให้อ้างว่าเด็กเรียนที่สถาบันของเค้า แต่เด็กคนนี้ปฏิเสธเนื่องจากไม่ต้องการหลอกลวง ซึ่งสถาบันแต่ละแห่งที่โทรมาเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก Ent
ถัดมาเมื่อเด็กเก่งเหล่านี้รู้ว่าสถาบันกวดวิชาต่างๆต้องการตัวและมีค่าตอบแทนกับการขึ้นโบว์ชัวร์ (สังเกตสถาบันที่มีการนำเด็กเก่งลงประกาศเยอะๆ) ให้จึงเริ่มมีการล่ารางวัลกันเองโดยเสนอตัวให้กวดวิชา จนถึงขนาดผู้ปกครองเป็นคนหากวดวิชาที่ให้รางวัลให้ลูกหลานตัวเองแทนเด็ก
กวดวิชาบางแห่งที่เปิดสอนเพียงวิชาเดียว จะพยายามแย่งตัวเด็ก หากสถาบันไหนให้ค่าตอบแทนเยอะกว่าเด็กก็จะไปกับสถาบันนั้นๆ และเด็กบางคนไม่ได้รับเงินจากสถาบันเพียงแห่งเดียวหรือวิชาเดียวเท่านั้น แต่ยังปรากฎชื่อซ้ำกันในกวดวิชาหลายๆสถาบันพร้อมกัน (ลองหาข้อมูลดูนะครับในโบว์ชัวร์หลายที่มาก) ซึ่งเด็กที่เก่งมากๆได้รวมๆแล้วหลายๆวิชาจากหลายๆที่ เป็นเงินหลักแสน
นอกจากสถาบันชื่อดังแห่งนั้นแล้วยังมีอีกหลายๆที่ ที่จ้างเด็กเก่งๆจากสถาบันอื่นๆ ที่ไม่เคยเรียนกับสถาบันตัวเอง มาโปรโมทให้กวดวิชาของตัวเองเพื่อลงในโบว์ชัวร์ เพื่อให้ผู้ปกครองเลือกเรียนกับสถาบันของตนเอง
ผมเลยอยากทราบว่าถ้าหากเค้าแอบอ้างจริงเราสามารถฟ้องร้อง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบได้หรือเปล่าครับ
นี่คือจรรยาบรรณของความเป็นวิชาชีพครู วิชาชีพที่คอยอบรมสั่งสอนอนาคตของชาติ หรือแม้แต่ตัวผู้ปกครองเองที่นำลูกมาขายในราคาเล็กน้อยแต่แลกกับการฝึกเด็กเก่งๆคนนึงให้กลายเป็นคนที่มองการรับเงิน การแอบอ้าง การหลอกลวง เป็นเรื่องปกติในสังคมที่ใครๆก็ทำกัน เก่งแต่ไร้คุณธรรมอย่างนี้ไม่อยากนึกสภาพในอนาคตข้างหน้าของประเทศนี้จริงๆ
มือปืนจากปัญหาการสอบนายสิบก็มีเด็กเก่งๆเหล่านี้เข้ามาเอี่ยวด้วยเช่นกันและไม่ได้มีเพียงวงการสอบนายสิบเท่านั้นที่มีมือปืนรับจ้าง แต่ยังมีการสอบอีกหลายๆสนามที่ใช้มือปืนรับจ้างเหล่านี้ ซึ่งในสถาบันระดับอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงหลายแห่งมีคนเข้ามาทาบทามเด็กนักศึกษาให้ไปรับจ้างสอบแทน ตอนเรียนอยู่ผมก็โดนครับเนื่องจาก ม.ปลาย เป็นเด็กโอลิมปิกวิชาการ
สมมุติเป็นเรื่องจริงการที่เด็กแบบนี้ได้ถึงทุนคิงสมควรหรือเปล่า คุณธรรมในใจเด็กยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำ เมื่อเด็กเก่งระดับนี้สำเร็จการศึกษาและกลับมาเป็นผู้บริหารประเทศในภายหลังจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ขนาดอายุแค่นี้ยังคิดขนาดนี้
ผมไม่อยากจะนึกว่าภาพว่าหากเด็กแบบนี้มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวแบบตอนสอบเข้านายสิบจะมีเด็กเก่งที่เห็นแก่เงินจนยอมทำผิดแบบนี้แล้วก่อให้เกิดปัญหาสังคมสืบไปในภายภาคหน้า ประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางไหน ว่าที่ข้าราชการระดับสูงของชาติจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าเรายังละเลยจุดเล็กๆจุดนี้
กระทู้นี้เป็นกระทู้บอกเล่าประสบการณ์เพียงเท่านั้นนะครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมเจอมากับตัวเอง มีอาจารย์กวดวิชาท่านใดโดนแบบนี้ช่วยแชร์กันด้วยนะครับ