ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าไม่ค่อยมาตั้งกระทู้บ่อยนักอาจมีข้อผิดพลาดบ้างนะครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวของผมเองแล้วผมได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยทั้งหมดเมื่อวันที่ 31/01/60ได้ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แผนก ทันตกรรมในจังหวัดสมุทรสาครไปถึงโรงบาลแต่ 6 โมงเช้าเพื่อที่จะไปเอาคิวได้คิวที่ 7 นั่งรอจนเจ้าหน้าที่เรียกไปสักประวัติ ชั่งน้ำหนัก วัดความดันร่วมถึงโรคประตัวก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไปว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ปกติก็ทำการรักษาและรับยาต้านที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนี้ด้วยอยู่แล้วก็เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรพอเสร็จก็ไปนั่งรอเรียกตรวจคัดกรองว่าวันนี้จะทำอะไรบ้างได้บอกหมอว่าวันนี้จะมาอุดฟันกับขูดหินปูนแล้วคุณหมอก็บอกว่าวันนี้ทำได้แค่อุดฟันเท่านั้นเพราะถ้าจะขูดหินปูนคุณหมออยากเห็นผม CBC ของเลือดของปีนี้ก่อนแล้วคุณหมอก็ถามว่าพบหมอโรงประจำตัวอีกที่เมื่อไรให้ไปแจ้งให้คุณหมอที่ดูแลอยู่สั่งตรวจเลือดเอาผม CBCด้วยถึงจะขูดหินปูนได้(ทำไมหมอถึงไปสั่งตรวจเองต้องให้ผู้ป่วยไปหมออีกท่านเองไม่เข้าใจ)สรุปวันนี้ได้แต่อุดฝันก็เดินออกมานั่งรอหน้าห้องเพื่อรอเรียกเข้าห้องไปอุดฝันจนเวลาผ่านไปเริ่มรู้สึกว่าคนที่มาที่หลังถูกเรียกไปทำการรักษาก่อนเลยเดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าทำไมคนที่มาทีหลังถึงได้รักษาก่อนตอนแรกไม่ได้คิดไรอาจจะชื่อตกหล่นในการเรียงคิวแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตอบกับมาพอได้ฟังแล้วรู้สึกแย่เนื่องจากคนไข้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อจึงต้องได้ทำการรักษาเป็นคิวสุดท้ายเพื่อความปลอดภัยกับผู้ป่วยท่านอื่นฟังแล้วก็อึ่งๆไปแล้วผมก็ได้ถามกับไปว่าทำไมถึงไม่แจ้งให้ทราบก่อนตั้งแต่แรกเจ้าหน้าที่ตอบกับมาแค่ว่าข้อโทษด้วยนะค่ะที่ไม่ได้แจ้งก่อนนั่งรอไปก่อนนะอีกไม่นานก็ได้ทำแล้ว ผมกได้ถามกับไปอีกว่าเป็นมาตรฐานแบบนี้ทุก โรงพยาบาลเลยรึเปล่าก็ตอบมาแค่มันเป็นหลักปฏิบัติของทางโรงพยาบาลเรื่องหลักๆก็มีเท่านี้ครับ
แต่คำถามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ ตามหลักทางการรักษาผู้ป่วยของหมอทุกครั้งคือปฏิบัติกับผู้ป่วยทุกคนเสมือนผู้ป่วยทุกคนมีความเสี่ยงเท่ากันไม่ใช่หรอครับแล้วถ้าวันนี้ผู้ป่วยเป็นคนที่ไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ HIV แล้วไม่ได้แจ้งให้หมอรู้ก่อนเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นหรอ อุปกรณ์ที่ใช้ก็ต้องต้องเปลี่ยนทุกครั้งอยู่แล้วมาตรฐานการรักษาและความปลอดภัยต่อผู้ป่วยและตัวหมอเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้เหมือนเป็นการทำร้ายความรู้สึกของผู้ป่วย จากบุคลากรการแพทย์
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำได้เพียงเขียนคำร้องเรียนต่อโรงพยาบาลไปซึ่งผมก็ไม่ทราบเลยว่ากระดาษใบนั้นจะได้เปิดอ่านรึเปล่า แต่สิ่งที่หน้าเป็นห่วงคือความรู้สึกของผู่ป่วยและสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนผู้ป่วยโดนละเมิดสิทธิ
การที่หมอฟันทำแบบนี้กับผู้ป่วยติดเชื้อ HIV แบบนี้สมควรหรือ
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวของผมเองแล้วผมได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยทั้งหมดเมื่อวันที่ 31/01/60ได้ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แผนก ทันตกรรมในจังหวัดสมุทรสาครไปถึงโรงบาลแต่ 6 โมงเช้าเพื่อที่จะไปเอาคิวได้คิวที่ 7 นั่งรอจนเจ้าหน้าที่เรียกไปสักประวัติ ชั่งน้ำหนัก วัดความดันร่วมถึงโรคประตัวก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไปว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ปกติก็ทำการรักษาและรับยาต้านที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนี้ด้วยอยู่แล้วก็เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรพอเสร็จก็ไปนั่งรอเรียกตรวจคัดกรองว่าวันนี้จะทำอะไรบ้างได้บอกหมอว่าวันนี้จะมาอุดฟันกับขูดหินปูนแล้วคุณหมอก็บอกว่าวันนี้ทำได้แค่อุดฟันเท่านั้นเพราะถ้าจะขูดหินปูนคุณหมออยากเห็นผม CBC ของเลือดของปีนี้ก่อนแล้วคุณหมอก็ถามว่าพบหมอโรงประจำตัวอีกที่เมื่อไรให้ไปแจ้งให้คุณหมอที่ดูแลอยู่สั่งตรวจเลือดเอาผม CBCด้วยถึงจะขูดหินปูนได้(ทำไมหมอถึงไปสั่งตรวจเองต้องให้ผู้ป่วยไปหมออีกท่านเองไม่เข้าใจ)สรุปวันนี้ได้แต่อุดฝันก็เดินออกมานั่งรอหน้าห้องเพื่อรอเรียกเข้าห้องไปอุดฝันจนเวลาผ่านไปเริ่มรู้สึกว่าคนที่มาที่หลังถูกเรียกไปทำการรักษาก่อนเลยเดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าทำไมคนที่มาทีหลังถึงได้รักษาก่อนตอนแรกไม่ได้คิดไรอาจจะชื่อตกหล่นในการเรียงคิวแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตอบกับมาพอได้ฟังแล้วรู้สึกแย่เนื่องจากคนไข้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อจึงต้องได้ทำการรักษาเป็นคิวสุดท้ายเพื่อความปลอดภัยกับผู้ป่วยท่านอื่นฟังแล้วก็อึ่งๆไปแล้วผมก็ได้ถามกับไปว่าทำไมถึงไม่แจ้งให้ทราบก่อนตั้งแต่แรกเจ้าหน้าที่ตอบกับมาแค่ว่าข้อโทษด้วยนะค่ะที่ไม่ได้แจ้งก่อนนั่งรอไปก่อนนะอีกไม่นานก็ได้ทำแล้ว ผมกได้ถามกับไปอีกว่าเป็นมาตรฐานแบบนี้ทุก โรงพยาบาลเลยรึเปล่าก็ตอบมาแค่มันเป็นหลักปฏิบัติของทางโรงพยาบาลเรื่องหลักๆก็มีเท่านี้ครับ
แต่คำถามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ ตามหลักทางการรักษาผู้ป่วยของหมอทุกครั้งคือปฏิบัติกับผู้ป่วยทุกคนเสมือนผู้ป่วยทุกคนมีความเสี่ยงเท่ากันไม่ใช่หรอครับแล้วถ้าวันนี้ผู้ป่วยเป็นคนที่ไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ HIV แล้วไม่ได้แจ้งให้หมอรู้ก่อนเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นหรอ อุปกรณ์ที่ใช้ก็ต้องต้องเปลี่ยนทุกครั้งอยู่แล้วมาตรฐานการรักษาและความปลอดภัยต่อผู้ป่วยและตัวหมอเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้เหมือนเป็นการทำร้ายความรู้สึกของผู้ป่วย จากบุคลากรการแพทย์
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำได้เพียงเขียนคำร้องเรียนต่อโรงพยาบาลไปซึ่งผมก็ไม่ทราบเลยว่ากระดาษใบนั้นจะได้เปิดอ่านรึเปล่า แต่สิ่งที่หน้าเป็นห่วงคือความรู้สึกของผู่ป่วยและสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนผู้ป่วยโดนละเมิดสิทธิ