ห้ามเบี้ยวอีกต่อไป เพิ่มอำนาจกองทุน กยศ.ติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ยืมได้โดยตรง
อุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง
เพราะคุณภาพการศึกษาไทยอ่อนแอ
ทั้งที่ประเทศไทยอัดฉีดงบพัฒนาการศึกษามากกว่าประเทศอื่นบานตะเกียง
แถมเด็กไทยมีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษามากกว่าด้วยซ้ำไป
แม้แต่เด็กไทยที่มีฐานะยากจน ขาดแคลนเงินทุนเพื่อการศึกษายังสามารถกู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยไม่ต้องรบกวนขอเงินพ่อแม่ให้ลำบากลำบน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดโอกาสให้เด็กไทยที่ยากจนได้ศึกษาต่อระดับสูงเพื่ออนาคตที่ดีไปแล้วกว่า 4.5 ล้านราย
แต่ปรากฏว่า นักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืม กยศ. เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว มีงานมีการทำแล้ว กลับบิดตะกูดไม่ยอมผ่อนชำระหนี้คืน
จากจำนวนลูกหนี้กองทุน กยศ.ที่ครบกำหนดชำระหนี้ 3.1 ล้านราย
มีถึง 2.1 ล้านราย ที่ไม่ยอมใช้หนี้คืน กยศ.ตามข้อตกลง
ขอร้องอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ยอมใช้หนี้คืน
ชักดาบกันดื้อๆ อย่างสบายแฮ
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า เมื่อนักศึกษารุ่นพี่ๆ ที่กู้ยืมเงิน กยศ.เป็นทุนศึกษาไม่ยอมผ่อนชำระหนี้คืน
กองทุน กยศ.ก็เกิดปัญหาขาดทุนบักโกรก ขาดเงินหมุนเวียนให้เด็กรุ่นหลังกู้ยืมไปเป็นทุนการศึกษาต่อไป
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า การที่เด็กไทยจำนวนมากที่เรียนจบมีงานทำ มีรายได้ดี พากันเบี้ยวหนี้ กยศ.กันสะบึมส์
แสดงว่าคนเหล่านี้ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
ไม่รู้สึกผิดบาปที่ชักดาบเงินกู้ยืม กองทุน กยศ.แม้แต่นิดเดียว
ไม่เห็นอกเห็นใจคนที่รอกู้ยืมเงิน กยศ.เพื่อใช้เป็นทุนการศึกษาฯ เหมือนเช่นตัวเองที่เคยได้รับโอกาสมา
ข้อสำคัญ การเบี้ยวไม่ใช้หนี้กองทุน กยศ.เป็นการปลูกฝังคนไทยรุ่นใหม่ ให้เป็นคนไม่สุจริตตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน
เป็นรากเหง้าการทุจริตในโอกาส ต่อไปและต่อไป
“แม่ลูกจันทร์” จึงเห็นด้วยที่รัฐบาลยกเลิก ก.ม.กองทุน กยศ.ฉบับเก่าที่ใช้มา 20 ปี และคลอด พ.ร.บ.กองทุน กยศ.ฉบับใหม่ใช้บังคับแทน
สาระสำคัญของ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับใหม่ คือติดตั้งระบบป้องกันการเบี้ยวหนี้ให้รัดกุม
เช่น นักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมกองทุน กยศ.ต้องมีบุคคลค้ำประกัน
ต้องเซ็นสัญญาผูกพัน ต้องผ่อน ชำระหนี้ คือครบทุกบาททุกสตางค์
เมื่อผู้กู้ยืมเรียนจบแล้ว จะเริ่มคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
หากผิดนัดชำระหนี้ จะต้องบวกดอกเบี้ยเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า พ.ร.บ.กองทุน กยศ.ฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ยังเพิ่มอำนาจให้กองทุน กยศ.สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้กู้ยืมตามความจำเป็น
เพิ่มอำนาจกองทุน กยศ.ติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ยืมได้โดยตรง
เพิ่มอำนาจให้กองทุน กยศ.สั่งให้หัวหน้าหน่วยราชการ หรือนายจ้างเอกชน “ต้อง” หักเงินเดือนจากผู้กู้ยืมส่งคืนหนี้กองทุน กยศ.ครบถ้วน ตามกำหนดเวลา
จากนี้ไป ใครจะกู้ยืมกองทุน กยศ. ไปศึกษาต่อต้องคิดให้ดี
จะเบี้ยวหนี้อย่างรุ่นพี่ไม่ได้อีกแล้วนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
http://www.thairath.co.th/content/847660
ภาพจาก
https://blog.eduzones.com/images/blog/magazine/20140904-1409828271.212-6.jpg
"ห้ามเบี้ยวอีกต่อไป" เพิ่มอำนาจกองทุน กยศ. ติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ยืมได้โดยตรง
อุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง
เพราะคุณภาพการศึกษาไทยอ่อนแอ
ทั้งที่ประเทศไทยอัดฉีดงบพัฒนาการศึกษามากกว่าประเทศอื่นบานตะเกียง
แถมเด็กไทยมีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษามากกว่าด้วยซ้ำไป
แม้แต่เด็กไทยที่มีฐานะยากจน ขาดแคลนเงินทุนเพื่อการศึกษายังสามารถกู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยไม่ต้องรบกวนขอเงินพ่อแม่ให้ลำบากลำบน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดโอกาสให้เด็กไทยที่ยากจนได้ศึกษาต่อระดับสูงเพื่ออนาคตที่ดีไปแล้วกว่า 4.5 ล้านราย
แต่ปรากฏว่า นักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืม กยศ. เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว มีงานมีการทำแล้ว กลับบิดตะกูดไม่ยอมผ่อนชำระหนี้คืน
จากจำนวนลูกหนี้กองทุน กยศ.ที่ครบกำหนดชำระหนี้ 3.1 ล้านราย
มีถึง 2.1 ล้านราย ที่ไม่ยอมใช้หนี้คืน กยศ.ตามข้อตกลง
ขอร้องอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ยอมใช้หนี้คืน
ชักดาบกันดื้อๆ อย่างสบายแฮ
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า เมื่อนักศึกษารุ่นพี่ๆ ที่กู้ยืมเงิน กยศ.เป็นทุนศึกษาไม่ยอมผ่อนชำระหนี้คืน
กองทุน กยศ.ก็เกิดปัญหาขาดทุนบักโกรก ขาดเงินหมุนเวียนให้เด็กรุ่นหลังกู้ยืมไปเป็นทุนการศึกษาต่อไป
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า การที่เด็กไทยจำนวนมากที่เรียนจบมีงานทำ มีรายได้ดี พากันเบี้ยวหนี้ กยศ.กันสะบึมส์
แสดงว่าคนเหล่านี้ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
ไม่รู้สึกผิดบาปที่ชักดาบเงินกู้ยืม กองทุน กยศ.แม้แต่นิดเดียว
ไม่เห็นอกเห็นใจคนที่รอกู้ยืมเงิน กยศ.เพื่อใช้เป็นทุนการศึกษาฯ เหมือนเช่นตัวเองที่เคยได้รับโอกาสมา
ข้อสำคัญ การเบี้ยวไม่ใช้หนี้กองทุน กยศ.เป็นการปลูกฝังคนไทยรุ่นใหม่ ให้เป็นคนไม่สุจริตตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน
เป็นรากเหง้าการทุจริตในโอกาส ต่อไปและต่อไป
“แม่ลูกจันทร์” จึงเห็นด้วยที่รัฐบาลยกเลิก ก.ม.กองทุน กยศ.ฉบับเก่าที่ใช้มา 20 ปี และคลอด พ.ร.บ.กองทุน กยศ.ฉบับใหม่ใช้บังคับแทน
สาระสำคัญของ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับใหม่ คือติดตั้งระบบป้องกันการเบี้ยวหนี้ให้รัดกุม
เช่น นักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมกองทุน กยศ.ต้องมีบุคคลค้ำประกัน
ต้องเซ็นสัญญาผูกพัน ต้องผ่อน ชำระหนี้ คือครบทุกบาททุกสตางค์
เมื่อผู้กู้ยืมเรียนจบแล้ว จะเริ่มคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
หากผิดนัดชำระหนี้ จะต้องบวกดอกเบี้ยเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า พ.ร.บ.กองทุน กยศ.ฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ยังเพิ่มอำนาจให้กองทุน กยศ.สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้กู้ยืมตามความจำเป็น
เพิ่มอำนาจกองทุน กยศ.ติดตามทวงหนี้จากผู้กู้ยืมได้โดยตรง
เพิ่มอำนาจให้กองทุน กยศ.สั่งให้หัวหน้าหน่วยราชการ หรือนายจ้างเอกชน “ต้อง” หักเงินเดือนจากผู้กู้ยืมส่งคืนหนี้กองทุน กยศ.ครบถ้วน ตามกำหนดเวลา
จากนี้ไป ใครจะกู้ยืมกองทุน กยศ. ไปศึกษาต่อต้องคิดให้ดี
จะเบี้ยวหนี้อย่างรุ่นพี่ไม่ได้อีกแล้วนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
http://www.thairath.co.th/content/847660
ภาพจาก https://blog.eduzones.com/images/blog/magazine/20140904-1409828271.212-6.jpg