เราอายุ 28 ปี สามีอายุ 33 ปี แต่งงานแล้ว มีบุตร 1 คน อายุ 6 ขวบ
รายได้ของเราเดือนล่ะ 21,000 บาท เราเป็นพนักงานราชการ
รายได้ของสามีเดือนละ 34,000 - 40,000 (แล้วแต่ ชม.ล่วงเวลาที่สามีทำ) เป็นวิศวะโยธาประจำสถานีปั๊ม NGV
ค่ากินอยู่ต่างๆในชีวิตประจำวัน เราจะออกเฉพาะค่าเดินทางทำงานวันละประมาณ 200 บาท ค่าขนมลูกประมาณ 70-100บาท
โดยสามีจะให้เงินเราใช้เดือนละ 4,000-10,000 บาท
ค่าเทอมลูก เทอมละ 30,000 บาท โดยออกกับสามีคนละครึ่ง
ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ต้องจ่าย บ้านไม่ไม่เช่าหรือผ่อนเพราะบ้านปลูกในที่ดินตัวเอง (พ่อแม่เราเป็นคนรับผิดชอบ) รถยนต์ไม่ต้องผ่อน(พ่อซื้อสดให้)
แต่ปัญหาอยู่ที่ ตลอดเวลาทางแม่ของเราจะบอกเสมอไม่อยากให้เรามีลูกอีกคน เพราะกลัวเราจะลำบาก จะมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
และจะไม่มีคนดูแลถ้ามีมาในช่วงแบเบาะ ท่านอยากให้เราเก็บออมเงินไว้
และท่านจะบอกว่าถ้ามีมาจะให้ไปอยู่กันเองเลย จะไม่ช่วยใดๆ (เราไม่รู้ท่านพูดจริงไหม?) แต่ท่านรักเรามาก รักลูกเรามาก ทุกวันนี้เราต้องการอะไร
สามารถขอพ่อและแม่ได้อยู่ถ้ามันไม่มากเกิน เช่น มือถือ เสื้อผ้า รองเท้า
และสามีเราก็บอกว่ามีลูกคนเดียวพอ มีแค่คนเดียวก็พอเลี้ยงให้มีทุกๆอย่างลำบากแล้ว
จนมาตอนนี้เรามาท้องลูกคนที่ 2 เราเลยไม่กล้าบอกใครในครอบครัว ปิดบังมาจนอายุครรถ์ประมาณ 7 เดือนแล้ว
ท้องเราก็ไม่กล้าไปฝาก เพราะความกังวลความกลัว...เราไม่ต้องการทำร้ายลูกเราโดยการเอาเค้าออก
เราจะบอกพ่อแม่ยังไงเรากลัวท่านเสียใจ โกรธเรา เพราะเดือนหน้าเราจะลาออกจากงานที่ทำเพราะเดินทางไกล พ่อจะเปิดกิจการให้ขายของเพราะญาติๆพ่อเราค้าขายกัน
แต่สิ่งที่เราเครียสตอนนี้ที่สุดคือ สามีเราถามเรามาตั้งแต่ท้องได้ประมาณ3เดือน ว่าเราท้องไหม? เราปฎิเสธมาตลอดจนเมื่อคืน สามีเราถามเราอีกครั้ง
เพราะท้องเราใหญ่ขึ้นมาก และหลายๆอย่าง จนเรายอมรับ สามีถามเราคิดอะไรอยู่ทำไมปฏิเสธถามมาตลอด เราบอกเราไม่ทราบตอนที่สามีถามก่อนหน้านี้ว่าเราท้อง
เราก็เพิ่งรู้ตอนท้องได้4-5เดือนแล้ว เพราะปกติประจำเดือนก็มาไม่ปกติ สามีบอกไม่กลัวลำบากหรอ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ
คือเรางง เงินเดือนก็ไม่น้อย กินอยู่ฟรี จะลำบากอะไร แค่ใช้จ่ายของตัวเองให้น้อยลงก็เท่านั้น เราเลยบอกไม่ต้องกลัว เราจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
สามีเราดูเครียสมาก เราก็หนักใจไปมากกว่าเดิม
เราควรทำเช่นไรดี จะว่าเราก็ได้นั
เราทำผิดมากไหม? ที่ท้องแต่ปิดบังครอบครัว ทั้งๆที่มีพร้อม
รายได้ของเราเดือนล่ะ 21,000 บาท เราเป็นพนักงานราชการ
รายได้ของสามีเดือนละ 34,000 - 40,000 (แล้วแต่ ชม.ล่วงเวลาที่สามีทำ) เป็นวิศวะโยธาประจำสถานีปั๊ม NGV
ค่ากินอยู่ต่างๆในชีวิตประจำวัน เราจะออกเฉพาะค่าเดินทางทำงานวันละประมาณ 200 บาท ค่าขนมลูกประมาณ 70-100บาท
โดยสามีจะให้เงินเราใช้เดือนละ 4,000-10,000 บาท
ค่าเทอมลูก เทอมละ 30,000 บาท โดยออกกับสามีคนละครึ่ง
ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ต้องจ่าย บ้านไม่ไม่เช่าหรือผ่อนเพราะบ้านปลูกในที่ดินตัวเอง (พ่อแม่เราเป็นคนรับผิดชอบ) รถยนต์ไม่ต้องผ่อน(พ่อซื้อสดให้)
แต่ปัญหาอยู่ที่ ตลอดเวลาทางแม่ของเราจะบอกเสมอไม่อยากให้เรามีลูกอีกคน เพราะกลัวเราจะลำบาก จะมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
และจะไม่มีคนดูแลถ้ามีมาในช่วงแบเบาะ ท่านอยากให้เราเก็บออมเงินไว้
และท่านจะบอกว่าถ้ามีมาจะให้ไปอยู่กันเองเลย จะไม่ช่วยใดๆ (เราไม่รู้ท่านพูดจริงไหม?) แต่ท่านรักเรามาก รักลูกเรามาก ทุกวันนี้เราต้องการอะไร
สามารถขอพ่อและแม่ได้อยู่ถ้ามันไม่มากเกิน เช่น มือถือ เสื้อผ้า รองเท้า
และสามีเราก็บอกว่ามีลูกคนเดียวพอ มีแค่คนเดียวก็พอเลี้ยงให้มีทุกๆอย่างลำบากแล้ว
จนมาตอนนี้เรามาท้องลูกคนที่ 2 เราเลยไม่กล้าบอกใครในครอบครัว ปิดบังมาจนอายุครรถ์ประมาณ 7 เดือนแล้ว
ท้องเราก็ไม่กล้าไปฝาก เพราะความกังวลความกลัว...เราไม่ต้องการทำร้ายลูกเราโดยการเอาเค้าออก
เราจะบอกพ่อแม่ยังไงเรากลัวท่านเสียใจ โกรธเรา เพราะเดือนหน้าเราจะลาออกจากงานที่ทำเพราะเดินทางไกล พ่อจะเปิดกิจการให้ขายของเพราะญาติๆพ่อเราค้าขายกัน
แต่สิ่งที่เราเครียสตอนนี้ที่สุดคือ สามีเราถามเรามาตั้งแต่ท้องได้ประมาณ3เดือน ว่าเราท้องไหม? เราปฎิเสธมาตลอดจนเมื่อคืน สามีเราถามเราอีกครั้ง
เพราะท้องเราใหญ่ขึ้นมาก และหลายๆอย่าง จนเรายอมรับ สามีถามเราคิดอะไรอยู่ทำไมปฏิเสธถามมาตลอด เราบอกเราไม่ทราบตอนที่สามีถามก่อนหน้านี้ว่าเราท้อง
เราก็เพิ่งรู้ตอนท้องได้4-5เดือนแล้ว เพราะปกติประจำเดือนก็มาไม่ปกติ สามีบอกไม่กลัวลำบากหรอ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ
คือเรางง เงินเดือนก็ไม่น้อย กินอยู่ฟรี จะลำบากอะไร แค่ใช้จ่ายของตัวเองให้น้อยลงก็เท่านั้น เราเลยบอกไม่ต้องกลัว เราจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
สามีเราดูเครียสมาก เราก็หนักใจไปมากกว่าเดิม
เราควรทำเช่นไรดี จะว่าเราก็ได้นั