สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลยนะคะ
เราเองก็เป็นคนนึงที่วาดฝันเองไว้ว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้นต้องดีแบบนั้น แบบนี้
แต่นั่นมันก็แค่ความฝันค่ะ เมื่อเราได้เจอกับความเป็นจริงในรั้วมหาวิทยาลัย
เมื่อถึงวันที่ต้องสมัครแอดมิดชั่น เราสามารถเลือกได้สี่อันดับ เรียงจากที่เราชอบมากที่สุด
เราเลือกเรียนตามเพื่อนค่ะ เลยเอาไว้อันดับ1 ส่วนอันดับที่2-4เราไม่รู้เลยว่าคืออะไร
จนถึงวันที่ประกาศผล เราได้อันดับที่2 คนละสาขากับเพื่อนแต่คณะเดียวกัน
เราไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตของเรา
ปีหนึ่ง
ปีแรกนี้มันวุ่นวายค่ะ ไหนจะเรื่องหอ เรื่องห้องเรียน เรื่องต่างๆมากมาย
ปีหนึ่งก็จะเจอกิจกรรมเข้าห้องเชียร์ค่ะ เปิดเทอมมาวันแรกก็เจอเลย
วันนั้นเราก็ได้เพื่อนมากมายค่ะ จนจบกิจกรรมเรียกได้ว่ามีเพื่อนเยอะเลย
แต่พอเวลาผ่านไป เราก็มีเพื่อนสนิทค่ะ โทรตามกันตลอด ไม่ว่าจะไปไหน
ในกลุ่มเราจะมีกันอยู่ห้าคนค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ส่วนเรื่องเรียนถือว่าไปได้ดี บางวิชาเราก็ไม่เคยเรียนมาก่อน
ปีหนึ่งเทอมสอง เพื่อนในกลุ่มจากที่มีอยู่ห้าคนตอนนี้เหลือกันอยู่สามคน
ส่วนเราเทอมแรกได้ F มาหนึ่งตัว เป็นวิชาพื้นฐานซึ่งเราไม่ถนัดเลย
เทอมนี้เราคิดว่าจะซิ่ว จึงได้ดรอปวิชาพื้นฐานไปอีกหนึ่งวิชา
ปีสอง
ปีสองเทอมหนึ่ง จากตอนแรกที่คิดว่าจะซิ่ว เราเปลี่ยนใจจะย้ายสาขาแทน
เราเลยไม่ลงวิชาพื้นฐานที่จะไปต่อเป็นวิชาเอกในตอนปีสาม
แต่ไม่สามารถย้ายได้ค่ะ เพราะอาจารย์ที่สาขาไม่อนุมัติ เนื่องจากถ้าเราย้ายคนในสาขาจะเหลือน้อยลง
ปีนี้เราไม่มีเพื่อนสนิทแล้วค่ะ ใช้ชีวิตเริ่มตัวคนเดียว
ปีสองเทอมสอง เทอมนี้เราใช้ชีวิตแบบเอื่อยๆค่ะ ได้เพื่อนสนิทมาใหม่อีกสองคน
เทอมนี้เราเริ่มจริงจังกับการที่จะย้ายสาขาไปให้ได้ค่ะ เราเลยเลือกลงวิชาพื้นฐานที่เกกี่ยวข้องกับสาขาที่ย้ายไป
แต่ก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะอาจารย์ไม่อนุมัติ
ปีสาม
ปีสามเทอมหนึ่ง เทอมนี้เริ่มเรียนวิชาเอกแล้ว แต่เราลงเรียนวิชาพื้นฐานที่จะมาต่อวิชาเอกมาหนึ่งตัว เลยสามารถเรียนได้ค่ะ
เทอมนี้เราเลยต้องลงเรียนแก้Fที่ติดตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่ง ทุกอย่างเลยผ่านไปได้ด้วยดี
ปีสามเทอมสอง เทอมนี้เราต้องลงเรียนวิชาที่เป็นตัวต่อจากเทอมที่แล้วที่ติดFมาจากปีหนึ่ง แล้วก็อีกหนึ่งวิชาที่เราดรอปไป
เทอมนี้เรียกได้ว่าหนักเลยค่ะ เพราะไหนจะวิชาเอกที่งานเยอะ และวิชาที่เป็นตัวต่อด้วย
พอเกรดออกเท่านั้นแหละค่ะ ติดFวิชาที่เป็นตัวต่อค่ะ
ปีสามเทอมสาม เทอมนี้ฝึกงานค่ะ เราไปกับเพื่อนอีกสองคนค่ะ เราสนิทกับอีกคนอยู่แล้ว แต่อีกคนเป็นรุ่นพี่เค้าย้ายสาขามาเลยขอมาด้วย
เราไปเช่าห้องอยู่กันสามคนค่ะ มีแต่คนบอกว่าอยู่กันสามคนแล้วจะมีปัญหากัน แต่เราไม่เชื่อค่ะ
ความจริงเราจะมากับเพื่อนสองคน ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปพักที่บ้านญาติเรา แต่พอรุ่นพี่เขาขอมาด้วย เราเลยต้องเป็นคนหาที่พัก
แล้วที่พักที่เราหาได้ เป็นตึกห้าชั้น ไม่มีลิฟต์ค่ะ พอถึงวันที่วางมัดจำและย้ายของเข้าห้อง
รุ่นพี่เค้านัดเราว่าจะมาบ่ายสองค่ะ เราเลยนัดเจ้าของห้องว่าประมาณบ่ายสาม แต่พอบ่ายสองรุ่นพี่คนนี้ยังไม่มาค่ะ
โทรไปหาก็ปิดเครื่อง พยายามเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ จนเรากับเพื่อนต้องออกเงินค่ามัดจำห้องไปให้ก่อน
จนรุ่นพี่เค้ามาถึงค่ะ มาประมาณหกโมง บอกว่ารถติดมาเลยมาช้า แล้วก็บ่นนะคะ ว่าทำไมอยู่สูงจัง ลิฟต์ก็ไม่มี เดินก็เหนื่อย
เราเข้าใจในจุดๆนี้ค่ะ แต่ก็พยายามบอกว่าแค่สองเดือนเอง อดทนเอา
จนได้เจอปัญหาจริงๆค่ะ ทั้งเรื่องการเก็บกวาดห้อง การทิ้งขยะ การซักผ้า เราเลยตัดสินใจขอย้ายออกค่ะ
วันที่ย้ายออก รุ่นพี่บอกว่า เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะคืนค่ามัดจำที่ออกให้ เราก็โอเคค่ะ แต่พอถึงเวลารุ่นพี่บอกว่ายังไม่มีเงินเลยขอเลื่อนไปก่อน
เราก็แค่บ่นๆ ว่าทำไมนัดแล้วไม่เป็นนัด ตรงจุดนี้นี่แหละค่ะ ทำให้เกิดเป็นปัญหา
รุ่นพี่ที่เค้าขอมาอยู่ด้วยเค้าเอาไปพูดที่ฝึกงานว่าเราขี้งก แค่เงินมัดจำห้องเอง จะเครียดไปทำไม
คือค่ามัดจำห้องที่เราออกให้คือ 3000 แล้วเงิน 3000 สำหรับเรามันไม่ใช่น้อยๆ มันเป็นเรื่องใหญ่มาก
หลังก็นั้นก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยค่ะ ต่างคนต่างทำงานส่วนตัว
ปีสี่
ปีสี่เทอมหนึ่ง เทอมนี้เริ่มทำวิทยานิพนธ์แล้วค่ะ สาขาเราเริ่มทำตั้งแต่เทอมนี้เลย มีเวลาเสนอหัวข้อแค่สองอาทิตย์
จากนั้นเริ่มงานได้เลยค่ะ เทอมนี้เราเสนอหัวข้อไม่ผ่านค่ะ เหตุผลที่อาจารย์บอกเราก็คือ อาจารย์ไม่คิดว่าเราจะทำมันได้
เราขออาจารย์พิสูจน์ค่ะ แต่อาจารย์ก็ปฏิเสธ เทอมนี้เราเลยต้องดรอปเรียน
ปีสี่เทอมสอง เทอมนี้เราลงวิชาเดียวค่ะ คือวิชาที่ติดFจากปีที่แล้ว และผลก็ออกมาตามคาดค่ะ เราติดF
เราเริ่มยอมรับตัวเองแล้วค่ะ ว่าเราไม่เหมาะกับสาขานี้จริงๆ เราเลยคิดที่จะลาออก
แต่พอกลับบ้านไปเจอพ่อแม่ ท่านก็บอกไม่เป็นไร เอาใหม่ได้ เราเลยสู้ต่อค่ะ
ปีห้า
ปัห้าเทอมหนึ่ง เทอมนี้เราลงเรียน วิทยานิพนธ์ใหม่ค่ะ เปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษาใหม่
เราเสนอหัวข้อผ่านค่ะ แต่ชิ้นงานเราไม่ผ่าน อาจารย์ยังบอกอีกว่า
นี่ยังไม่ใช่ศิลปะที่แท้จริง เทอมนี้เราเลยต้องดรอป
ปีห้าเทอมสอง คือเทอมปัจจุบันนี้ค่ะ เทอมนี้เราลงเรียน วิชาที่ติดFสองตัว แล้วก็วิชาเสรี
ตอนนี้เรายังเหลืออีกหลายตัวให้เก็บค่ะ เราตั้งใจว่าจะเอาให้จบปีหน้าให้ได้
สำหรับการเรียนที่ผ่านมาเราคิดว่ามันแค่ง่ายๆแต่มันไม่ใช่เลยค่ะ
ยิ่งเป็นสาขาที่เราไม่ชอบยิ่งหนักไปใหญ่เลย
จริงๆเราไม่ชอบสาขานี้เลย แต่ตอนนี้เราก็ฝืนเรียนมา จนห้าปีแล้วค่ะ
เรามี ทั้ง A B C D F W เรามีครบทุกตัวเลยค่ะ
แต่เราไม่ท้อค่ะ เราตั้งใจที่จะต้องเอาให้จบให้ได้ ถึงจะติดFซักกี่ครั้งก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ
แชร์ประสบการณ์ชีวิตมหาวิทยาลัย
เราเองก็เป็นคนนึงที่วาดฝันเองไว้ว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้นต้องดีแบบนั้น แบบนี้
แต่นั่นมันก็แค่ความฝันค่ะ เมื่อเราได้เจอกับความเป็นจริงในรั้วมหาวิทยาลัย
เมื่อถึงวันที่ต้องสมัครแอดมิดชั่น เราสามารถเลือกได้สี่อันดับ เรียงจากที่เราชอบมากที่สุด
เราเลือกเรียนตามเพื่อนค่ะ เลยเอาไว้อันดับ1 ส่วนอันดับที่2-4เราไม่รู้เลยว่าคืออะไร
จนถึงวันที่ประกาศผล เราได้อันดับที่2 คนละสาขากับเพื่อนแต่คณะเดียวกัน
เราไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตของเรา
ปีหนึ่ง
ปีแรกนี้มันวุ่นวายค่ะ ไหนจะเรื่องหอ เรื่องห้องเรียน เรื่องต่างๆมากมาย
ปีหนึ่งก็จะเจอกิจกรรมเข้าห้องเชียร์ค่ะ เปิดเทอมมาวันแรกก็เจอเลย
วันนั้นเราก็ได้เพื่อนมากมายค่ะ จนจบกิจกรรมเรียกได้ว่ามีเพื่อนเยอะเลย
แต่พอเวลาผ่านไป เราก็มีเพื่อนสนิทค่ะ โทรตามกันตลอด ไม่ว่าจะไปไหน
ในกลุ่มเราจะมีกันอยู่ห้าคนค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ส่วนเรื่องเรียนถือว่าไปได้ดี บางวิชาเราก็ไม่เคยเรียนมาก่อน
ปีหนึ่งเทอมสอง เพื่อนในกลุ่มจากที่มีอยู่ห้าคนตอนนี้เหลือกันอยู่สามคน
ส่วนเราเทอมแรกได้ F มาหนึ่งตัว เป็นวิชาพื้นฐานซึ่งเราไม่ถนัดเลย
เทอมนี้เราคิดว่าจะซิ่ว จึงได้ดรอปวิชาพื้นฐานไปอีกหนึ่งวิชา
ปีสอง
ปีสองเทอมหนึ่ง จากตอนแรกที่คิดว่าจะซิ่ว เราเปลี่ยนใจจะย้ายสาขาแทน
เราเลยไม่ลงวิชาพื้นฐานที่จะไปต่อเป็นวิชาเอกในตอนปีสาม
แต่ไม่สามารถย้ายได้ค่ะ เพราะอาจารย์ที่สาขาไม่อนุมัติ เนื่องจากถ้าเราย้ายคนในสาขาจะเหลือน้อยลง
ปีนี้เราไม่มีเพื่อนสนิทแล้วค่ะ ใช้ชีวิตเริ่มตัวคนเดียว
ปีสองเทอมสอง เทอมนี้เราใช้ชีวิตแบบเอื่อยๆค่ะ ได้เพื่อนสนิทมาใหม่อีกสองคน
เทอมนี้เราเริ่มจริงจังกับการที่จะย้ายสาขาไปให้ได้ค่ะ เราเลยเลือกลงวิชาพื้นฐานที่เกกี่ยวข้องกับสาขาที่ย้ายไป
แต่ก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะอาจารย์ไม่อนุมัติ
ปีสาม
ปีสามเทอมหนึ่ง เทอมนี้เริ่มเรียนวิชาเอกแล้ว แต่เราลงเรียนวิชาพื้นฐานที่จะมาต่อวิชาเอกมาหนึ่งตัว เลยสามารถเรียนได้ค่ะ
เทอมนี้เราเลยต้องลงเรียนแก้Fที่ติดตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่ง ทุกอย่างเลยผ่านไปได้ด้วยดี
ปีสามเทอมสอง เทอมนี้เราต้องลงเรียนวิชาที่เป็นตัวต่อจากเทอมที่แล้วที่ติดFมาจากปีหนึ่ง แล้วก็อีกหนึ่งวิชาที่เราดรอปไป
เทอมนี้เรียกได้ว่าหนักเลยค่ะ เพราะไหนจะวิชาเอกที่งานเยอะ และวิชาที่เป็นตัวต่อด้วย
พอเกรดออกเท่านั้นแหละค่ะ ติดFวิชาที่เป็นตัวต่อค่ะ
ปีสามเทอมสาม เทอมนี้ฝึกงานค่ะ เราไปกับเพื่อนอีกสองคนค่ะ เราสนิทกับอีกคนอยู่แล้ว แต่อีกคนเป็นรุ่นพี่เค้าย้ายสาขามาเลยขอมาด้วย
เราไปเช่าห้องอยู่กันสามคนค่ะ มีแต่คนบอกว่าอยู่กันสามคนแล้วจะมีปัญหากัน แต่เราไม่เชื่อค่ะ
ความจริงเราจะมากับเพื่อนสองคน ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปพักที่บ้านญาติเรา แต่พอรุ่นพี่เขาขอมาด้วย เราเลยต้องเป็นคนหาที่พัก
แล้วที่พักที่เราหาได้ เป็นตึกห้าชั้น ไม่มีลิฟต์ค่ะ พอถึงวันที่วางมัดจำและย้ายของเข้าห้อง
รุ่นพี่เค้านัดเราว่าจะมาบ่ายสองค่ะ เราเลยนัดเจ้าของห้องว่าประมาณบ่ายสาม แต่พอบ่ายสองรุ่นพี่คนนี้ยังไม่มาค่ะ
โทรไปหาก็ปิดเครื่อง พยายามเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ จนเรากับเพื่อนต้องออกเงินค่ามัดจำห้องไปให้ก่อน
จนรุ่นพี่เค้ามาถึงค่ะ มาประมาณหกโมง บอกว่ารถติดมาเลยมาช้า แล้วก็บ่นนะคะ ว่าทำไมอยู่สูงจัง ลิฟต์ก็ไม่มี เดินก็เหนื่อย
เราเข้าใจในจุดๆนี้ค่ะ แต่ก็พยายามบอกว่าแค่สองเดือนเอง อดทนเอา
จนได้เจอปัญหาจริงๆค่ะ ทั้งเรื่องการเก็บกวาดห้อง การทิ้งขยะ การซักผ้า เราเลยตัดสินใจขอย้ายออกค่ะ
วันที่ย้ายออก รุ่นพี่บอกว่า เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะคืนค่ามัดจำที่ออกให้ เราก็โอเคค่ะ แต่พอถึงเวลารุ่นพี่บอกว่ายังไม่มีเงินเลยขอเลื่อนไปก่อน
เราก็แค่บ่นๆ ว่าทำไมนัดแล้วไม่เป็นนัด ตรงจุดนี้นี่แหละค่ะ ทำให้เกิดเป็นปัญหา
รุ่นพี่ที่เค้าขอมาอยู่ด้วยเค้าเอาไปพูดที่ฝึกงานว่าเราขี้งก แค่เงินมัดจำห้องเอง จะเครียดไปทำไม
คือค่ามัดจำห้องที่เราออกให้คือ 3000 แล้วเงิน 3000 สำหรับเรามันไม่ใช่น้อยๆ มันเป็นเรื่องใหญ่มาก
หลังก็นั้นก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยค่ะ ต่างคนต่างทำงานส่วนตัว
ปีสี่
ปีสี่เทอมหนึ่ง เทอมนี้เริ่มทำวิทยานิพนธ์แล้วค่ะ สาขาเราเริ่มทำตั้งแต่เทอมนี้เลย มีเวลาเสนอหัวข้อแค่สองอาทิตย์
จากนั้นเริ่มงานได้เลยค่ะ เทอมนี้เราเสนอหัวข้อไม่ผ่านค่ะ เหตุผลที่อาจารย์บอกเราก็คือ อาจารย์ไม่คิดว่าเราจะทำมันได้
เราขออาจารย์พิสูจน์ค่ะ แต่อาจารย์ก็ปฏิเสธ เทอมนี้เราเลยต้องดรอปเรียน
ปีสี่เทอมสอง เทอมนี้เราลงวิชาเดียวค่ะ คือวิชาที่ติดFจากปีที่แล้ว และผลก็ออกมาตามคาดค่ะ เราติดF
เราเริ่มยอมรับตัวเองแล้วค่ะ ว่าเราไม่เหมาะกับสาขานี้จริงๆ เราเลยคิดที่จะลาออก
แต่พอกลับบ้านไปเจอพ่อแม่ ท่านก็บอกไม่เป็นไร เอาใหม่ได้ เราเลยสู้ต่อค่ะ
ปีห้า
ปัห้าเทอมหนึ่ง เทอมนี้เราลงเรียน วิทยานิพนธ์ใหม่ค่ะ เปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษาใหม่
เราเสนอหัวข้อผ่านค่ะ แต่ชิ้นงานเราไม่ผ่าน อาจารย์ยังบอกอีกว่า
นี่ยังไม่ใช่ศิลปะที่แท้จริง เทอมนี้เราเลยต้องดรอป
ปีห้าเทอมสอง คือเทอมปัจจุบันนี้ค่ะ เทอมนี้เราลงเรียน วิชาที่ติดFสองตัว แล้วก็วิชาเสรี
ตอนนี้เรายังเหลืออีกหลายตัวให้เก็บค่ะ เราตั้งใจว่าจะเอาให้จบปีหน้าให้ได้
สำหรับการเรียนที่ผ่านมาเราคิดว่ามันแค่ง่ายๆแต่มันไม่ใช่เลยค่ะ
ยิ่งเป็นสาขาที่เราไม่ชอบยิ่งหนักไปใหญ่เลย
จริงๆเราไม่ชอบสาขานี้เลย แต่ตอนนี้เราก็ฝืนเรียนมา จนห้าปีแล้วค่ะ
เรามี ทั้ง A B C D F W เรามีครบทุกตัวเลยค่ะ
แต่เราไม่ท้อค่ะ เราตั้งใจที่จะต้องเอาให้จบให้ได้ ถึงจะติดFซักกี่ครั้งก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ