พอดีมีแพลนจะไปอังกฤษปีหน้า (ปี 61) คือแพลนจะไปดูบอลและเที่ยวค่ะ แต่เริ่มศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อน
โดยแพลนจะไปช่วง กลางเดือน ต.ค. ประมาณ 15 วันกับเพื่อนอีก 1 คนค่ะ (ซึ่งเพื่อนเราเคยไปอังกฤษมาแล้วและทำงานในสถานทูต)
ซึ่งทาง จขกท. เองก็มีแพลนตั้งใจจะออกจากงานช่วงต้นเดือน ส.ค.ปีหน้า และแพลนว่าจะเริ่มงานใหม่ต้นเดือน พ.ย. ค่ะ
ตั้งใจอยากจะพักผ่อนสัก 3 เดือน (โดย 1 ในนั้นคือการไปอังกฤษค่ะ)
โดยตั้งใจจะเอาเงินกองทุนที่ได้จากการลาออกเป็นเงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการเที่ยวอังกฤษค่ะ คำนวนเงินกองทุนแล้วคาดว่าจะได้ประมาณ 230,000.- บาท
แต่จะใช้ไปสำหรับอังกฤษประมาณ 100,000 นึงค่ะ แต่พวกค่าตั๋วบอล ตํ๋วเครื่องบินอาจจะจ่ายโดยใช้เงินโบนัสที่จะได้สิ้นปี 60
คำถามคือ
1.) เนื่องจาก Statement เราอาจจะไม่สวยงาม (หลักหมื่นนิดๆ) เราจึงกะว่าจะรอเงินก้อนจากกองทุนนี้โอนมาช่วงกลางเดือน ส.ค. แล้วค่อยไปยื่นวีซ่า
ดังนั้นคือช่วงที่เราไปยื่นสถานะเราคือว่างงาน เพราะเราออกจากงานมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค.แล้ว แต่เราก็กะจะสัมภาษณ์งานเนิ่นๆ (เตรียมไว้ช่วงเม.ย.) ก่อนหน้านั้นเพื่อให้เรื่มงานที่ใหม่ช่วง พ.ย. แล้วก็กะจะขอให้ทางบริษัทใหม่ออกหนังสือรับรอง หรืออาจจะเป็นสำเนาสัญญาจ้างงานแนบไป (ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้งานหรือเปล่าและถ้าได้งานจริงๆ ทางบริษัทใหม่จะให้เราหรือเปล่า ก็ไม่รู้)
2.) ความกังวลต่อมาคือ เนื่องจากมันเป็นก้อนที่โอนเข้ามาก่อนเรายื่นวีซ่า ไม่กี่วัน ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตจะต้องสงสัยแน่ เราต้องมีเอกสารหนังสืออะไรรับรองเพิ่มเติมไหมคะ แต่อยากจะแจ้งไปตั้งแต่ตอนที่ยื่นเลยว่า จะไปเที่ยวจริง กลับมาไทยจริง เงินก้อนที่เห็นคือเงินกองทุน มันมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน
3.) สมมุตินะคะถ้าเราจะเดินทางไปอังกฤษ วันแรกคือวันที่ 16 ต.ค. ถ้าเราไปยื่นวีซ่าช่วงกลางเดือน ส.ค. ยังทันไหมคะ
4.) การที่เราเคยได้วีซ่าเชงเก้นของอิตาลีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ได้เพราะไปประชุมที่บริษัทแม่ เอกสารทุกอย่างบริษัทจัดเตรียมให้) มีผลให้ดูน่าเชื่อถือไหมคะ
5.) การที่เราไปกับเพื่อนที่เคยไปอังกฤษและทำงานสถานทูต จะทำให้ดูมีน้ำหนักในการทำวีซ่าผ่านไหมคะ
เราตั้งใจจะไม่โกหกเจ้าหน้าที่ ว่างงานก็บอกว่าว่างงาน ไม่ซิกแซคเรื่องเอกสาร ตอนแรกมีคนแนะนำให้ไปยื่นวีซ่าตอนยังทำงานอยู่ที่เก่า แล้วค่อยออก แต่ statement ก็ไม่ได้อยู่ดี ตั้งใจไปเที่ยว ดูบอล จบแค่นั้น คือมันก็เลยมีความกังวลว่าจะได้ไหม แต่ก็อยากให้ได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ถ้าเราทำงานแล้วการลางานยาวๆแบบนี้ก็คงลำบาก เลยอาศัยจังหวะนี้แหละ
ขอบคุณค่ะ
สอบถามการทำวีซ่าอังกฤษ กรณีถ้าเราว่างงานและระยะเวลาในการยื่นค่ะ
โดยแพลนจะไปช่วง กลางเดือน ต.ค. ประมาณ 15 วันกับเพื่อนอีก 1 คนค่ะ (ซึ่งเพื่อนเราเคยไปอังกฤษมาแล้วและทำงานในสถานทูต)
ซึ่งทาง จขกท. เองก็มีแพลนตั้งใจจะออกจากงานช่วงต้นเดือน ส.ค.ปีหน้า และแพลนว่าจะเริ่มงานใหม่ต้นเดือน พ.ย. ค่ะ
ตั้งใจอยากจะพักผ่อนสัก 3 เดือน (โดย 1 ในนั้นคือการไปอังกฤษค่ะ)
โดยตั้งใจจะเอาเงินกองทุนที่ได้จากการลาออกเป็นเงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการเที่ยวอังกฤษค่ะ คำนวนเงินกองทุนแล้วคาดว่าจะได้ประมาณ 230,000.- บาท
แต่จะใช้ไปสำหรับอังกฤษประมาณ 100,000 นึงค่ะ แต่พวกค่าตั๋วบอล ตํ๋วเครื่องบินอาจจะจ่ายโดยใช้เงินโบนัสที่จะได้สิ้นปี 60
คำถามคือ
1.) เนื่องจาก Statement เราอาจจะไม่สวยงาม (หลักหมื่นนิดๆ) เราจึงกะว่าจะรอเงินก้อนจากกองทุนนี้โอนมาช่วงกลางเดือน ส.ค. แล้วค่อยไปยื่นวีซ่า
ดังนั้นคือช่วงที่เราไปยื่นสถานะเราคือว่างงาน เพราะเราออกจากงานมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค.แล้ว แต่เราก็กะจะสัมภาษณ์งานเนิ่นๆ (เตรียมไว้ช่วงเม.ย.) ก่อนหน้านั้นเพื่อให้เรื่มงานที่ใหม่ช่วง พ.ย. แล้วก็กะจะขอให้ทางบริษัทใหม่ออกหนังสือรับรอง หรืออาจจะเป็นสำเนาสัญญาจ้างงานแนบไป (ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้งานหรือเปล่าและถ้าได้งานจริงๆ ทางบริษัทใหม่จะให้เราหรือเปล่า ก็ไม่รู้)
2.) ความกังวลต่อมาคือ เนื่องจากมันเป็นก้อนที่โอนเข้ามาก่อนเรายื่นวีซ่า ไม่กี่วัน ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตจะต้องสงสัยแน่ เราต้องมีเอกสารหนังสืออะไรรับรองเพิ่มเติมไหมคะ แต่อยากจะแจ้งไปตั้งแต่ตอนที่ยื่นเลยว่า จะไปเที่ยวจริง กลับมาไทยจริง เงินก้อนที่เห็นคือเงินกองทุน มันมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน
3.) สมมุตินะคะถ้าเราจะเดินทางไปอังกฤษ วันแรกคือวันที่ 16 ต.ค. ถ้าเราไปยื่นวีซ่าช่วงกลางเดือน ส.ค. ยังทันไหมคะ
4.) การที่เราเคยได้วีซ่าเชงเก้นของอิตาลีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ได้เพราะไปประชุมที่บริษัทแม่ เอกสารทุกอย่างบริษัทจัดเตรียมให้) มีผลให้ดูน่าเชื่อถือไหมคะ
5.) การที่เราไปกับเพื่อนที่เคยไปอังกฤษและทำงานสถานทูต จะทำให้ดูมีน้ำหนักในการทำวีซ่าผ่านไหมคะ
เราตั้งใจจะไม่โกหกเจ้าหน้าที่ ว่างงานก็บอกว่าว่างงาน ไม่ซิกแซคเรื่องเอกสาร ตอนแรกมีคนแนะนำให้ไปยื่นวีซ่าตอนยังทำงานอยู่ที่เก่า แล้วค่อยออก แต่ statement ก็ไม่ได้อยู่ดี ตั้งใจไปเที่ยว ดูบอล จบแค่นั้น คือมันก็เลยมีความกังวลว่าจะได้ไหม แต่ก็อยากให้ได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ถ้าเราทำงานแล้วการลางานยาวๆแบบนี้ก็คงลำบาก เลยอาศัยจังหวะนี้แหละ
ขอบคุณค่ะ