มีคนตั้งตัวเป็นซินแสฮวงจุ้ยอยู่มากมายแต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ใช้หลักวิชา"ฮวงจุ้ย"อย่างแท้จริง..ผมจึงขอให้ข้อมูลที่จะต้องพิจารณาในการใช้ชี้วัด "ฮวงจุ้ย" เพราะการจะอ้างอิงว่าเป็นหลักวิชาฮวงจุ้ยก็ต้องทราบองค์ประกอบของวิชาอย่างครบถ้วน..องค์ประกอบของวิชาประกอบด้วย 4 สิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณา..นั่นคือ ตี่ลี่ / ลี้ขี่ / เหมี่ยอุ่ง / เกี๊ยกซี๊ .. ไม่ครบก็ไม่ใช่ "ฮวงจุ้ย" ครับ..
ซึ่งหลักวิชา "ฮวงจุ้ย" จะต้องประกอบด้วย
1. ตี่ลี่ - ชัยภูมิ ทั้งชัยภูมิภายนอก และภายในของอาคาร
2. หลีขี่ - ทิศทาง จะต้องวัดองศาโดยละเอียดเพื่อวิเคราะห์ว่าทิศนั่นส่งผลอย่างไร...
ซึ่งตามหลักวิชา "ฮวงจุ้ย" นั้นทิศมีทั้งหมด 24 ไม่ใช่ 8 และแต่ละทิศจะมีมุมกวาด 15 องศา
3. เหมี่ยวอุ่ง - ดวงชะตา จะต้องใช้หลักวิชาดวงจีน "โป๊ยหยี่ - ซี่เถียว" เพื่อหาว่าดวงนั้นเป็นธาตุอะไร
ธาตุเกื้อหนุนดวงชะตา (เอ่งซิ้ง) เป็นธาตุอะไร ?
และถ้าอยู่ในบ้านเดียวกันต้องดูดวงของทุกคนในครอบครัว
4. เกี๊ยกซี๊ - ฤกษ์ยาม ในการแก้ไขหากจะมีการกระทบ ทุบ / เคาะ / เจาะ / ตอก ตั้งหรือเคลื่อนย้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จะต้องดูฤกษ์ทุกครั้ง...
ฤกษ์ ต้องพิจารณาจาก ดวง + ทิศอาคาร + ทิศการกระทำ เพราะวิบากที่เกิดจากฤกษ์ต้องห้าม
อาจมีผลเสียหายร้ายแรงได้ วิบากมี ซาสัวะ / ส่วยผั่ว / โหงวอึ๊งเกียหลักสือ / ฤกษ์ชงรูปดวง..ต้องห้ามเด็ดขาด .. !!
มีหมอดูหลายต่อสาขามาตั้งตัวเป็นซินแสฮวงจุ้ย..
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "ไพ่ยิปซี"
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "โหราศาสตร์ไทย"
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "การดูลายเซ็นต์
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "การทรงเจ้า"
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "หลักเลขศาสตร์"
...ฯลฯ
แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วหลักวิชา "ฮวงจุ้ย" นั้นเป็นศาสตร์ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน..เป็นองค์ความรู้ที่มีมานานกว่า 8,000 ปี.
และมีพัฒนาการต่อเนื่องมายาวนานจนถึงจุดรุ่งเรืองสุดขีด เมื่อกว่า 4,000 ปีที่ผ่านมา
แต่ด้วยอุปนิสัยของคนจีนที่หวงแหนความรู้ ดังนั้นการถ่ายทอดความรู้สู่ผู้อื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานเป็นเรื่องยากมาก และอีกปัญหานึงก็คือ ลูกหลานอาจจะมีสติปัญญาจำกัดไม่สามารถรับสืบทอดวิชาต่อไปได้อย่างครบถ้วน แต่ก็ยังมีผู้ที่มีสติปัญญาเลิศล้ำค้นคว้าจนได้เคล็ดวิชาใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาที่แตกแขนงออกไปมากมายสักกี่แขนง ก็ยังคงอาศัยองค์ประกอบทั้ง 4 คือ ตี่ลี่ / ลี้ขี่ / เหมี่ยอุ่ง / เกี๊ยกซี๊ โครงสร้างหลักจะยึดแนวทางนี้แตกต่างกันในรายละเอียด ในอดีตมีสำนักมากมายแต่ปัจจุบันองค์ความรู้ที่ยังหลงเหลือตกทอดมาเท่าที่ผมทราบเหลืออยู่เพียง 17 สำนัก ซึ่งทั้ง 17 สำนักจะใช้เหมือนกัน คือ ดวงจีน "โป๊ยหยี่ - ซี่เถียว"
และความเชื่อเรื่องปีชงก็มีที่มาจากหลักวิชา "โป๊ยหยี่ - ซี่เถียว" นี่เอง
เงื่อนไขการเปลี่ยนปีนักษัตรหรือที่ได้ยินกันบ่อยๆว่า "ไท้ส่วย" ก็คือคำเรียกหาผู้มีอำนาจที่มีอำนาจมากๆระดับฮ่องเต้ ขุนนางใหญ่ หรือผู้สำเร็จราชการที่สามารถใช้อำนาจให้คุณให้โทษผู้ใดก็ได้ในสมัยโบราณ จึงเป็นคำที่ใช้เรียกหานักษัตรที่ย้ายเข้ามาและส่งผลกระทบต่อดวงผู้คนทั้งดีหรือร้าย มากน้อยแตกต่างกันไป
"ซินแสเกินร้อย"
แนะนำ หลักในการดู "ฮวงจุ้ย" ที่ถูกต้อง..โดย "ซินแสเกินร้อย"
ซึ่งหลักวิชา "ฮวงจุ้ย" จะต้องประกอบด้วย
1. ตี่ลี่ - ชัยภูมิ ทั้งชัยภูมิภายนอก และภายในของอาคาร
2. หลีขี่ - ทิศทาง จะต้องวัดองศาโดยละเอียดเพื่อวิเคราะห์ว่าทิศนั่นส่งผลอย่างไร...
ซึ่งตามหลักวิชา "ฮวงจุ้ย" นั้นทิศมีทั้งหมด 24 ไม่ใช่ 8 และแต่ละทิศจะมีมุมกวาด 15 องศา
3. เหมี่ยวอุ่ง - ดวงชะตา จะต้องใช้หลักวิชาดวงจีน "โป๊ยหยี่ - ซี่เถียว" เพื่อหาว่าดวงนั้นเป็นธาตุอะไร
ธาตุเกื้อหนุนดวงชะตา (เอ่งซิ้ง) เป็นธาตุอะไร ?
และถ้าอยู่ในบ้านเดียวกันต้องดูดวงของทุกคนในครอบครัว
4. เกี๊ยกซี๊ - ฤกษ์ยาม ในการแก้ไขหากจะมีการกระทบ ทุบ / เคาะ / เจาะ / ตอก ตั้งหรือเคลื่อนย้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จะต้องดูฤกษ์ทุกครั้ง...
มีหมอดูหลายต่อสาขามาตั้งตัวเป็นซินแสฮวงจุ้ย..
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "ไพ่ยิปซี"
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "โหราศาสตร์ไทย"
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "การดูลายเซ็นต์
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "การทรงเจ้า"
...บางคนก็หากินกับการดูดวงด้วย "หลักเลขศาสตร์"
...ฯลฯ
แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วหลักวิชา "ฮวงจุ้ย" นั้นเป็นศาสตร์ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน..เป็นองค์ความรู้ที่มีมานานกว่า 8,000 ปี.
และมีพัฒนาการต่อเนื่องมายาวนานจนถึงจุดรุ่งเรืองสุดขีด เมื่อกว่า 4,000 ปีที่ผ่านมา
แต่ด้วยอุปนิสัยของคนจีนที่หวงแหนความรู้ ดังนั้นการถ่ายทอดความรู้สู่ผู้อื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานเป็นเรื่องยากมาก และอีกปัญหานึงก็คือ ลูกหลานอาจจะมีสติปัญญาจำกัดไม่สามารถรับสืบทอดวิชาต่อไปได้อย่างครบถ้วน แต่ก็ยังมีผู้ที่มีสติปัญญาเลิศล้ำค้นคว้าจนได้เคล็ดวิชาใหม่ๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาที่แตกแขนงออกไปมากมายสักกี่แขนง ก็ยังคงอาศัยองค์ประกอบทั้ง 4 คือ ตี่ลี่ / ลี้ขี่ / เหมี่ยอุ่ง / เกี๊ยกซี๊ โครงสร้างหลักจะยึดแนวทางนี้แตกต่างกันในรายละเอียด ในอดีตมีสำนักมากมายแต่ปัจจุบันองค์ความรู้ที่ยังหลงเหลือตกทอดมาเท่าที่ผมทราบเหลืออยู่เพียง 17 สำนัก ซึ่งทั้ง 17 สำนักจะใช้เหมือนกัน คือ ดวงจีน "โป๊ยหยี่ - ซี่เถียว"
และความเชื่อเรื่องปีชงก็มีที่มาจากหลักวิชา "โป๊ยหยี่ - ซี่เถียว" นี่เอง
เงื่อนไขการเปลี่ยนปีนักษัตรหรือที่ได้ยินกันบ่อยๆว่า "ไท้ส่วย" ก็คือคำเรียกหาผู้มีอำนาจที่มีอำนาจมากๆระดับฮ่องเต้ ขุนนางใหญ่ หรือผู้สำเร็จราชการที่สามารถใช้อำนาจให้คุณให้โทษผู้ใดก็ได้ในสมัยโบราณ จึงเป็นคำที่ใช้เรียกหานักษัตรที่ย้ายเข้ามาและส่งผลกระทบต่อดวงผู้คนทั้งดีหรือร้าย มากน้อยแตกต่างกันไป