ตั้งแต่ลาออกจากงานประจำที่เป็นโปรแกรมเมอร์ มาเปิดร้านทำนาฬิกาไม้ขาย ทำให้รู้สึกว่าได้มีเวลาคิดอยู่กับตัวเองมากขึ้น
ทุกครั้งเวลามองออกไปที่หน้าร้าน มักจะเห็นชายแก่คนนึงปั่นซาเล้งเก็บขยะขาย ตกเย็นก็รับลูกที่โรงเรียน กับเมียนั่งซาเล้งปั่นกลับบ้าน
ก็เลยมานั่งคิด ๆ ดู เออเน๊าะ ชีวิตคนเราเกิดมาพร้อมกับรถคนละคัน บางคนอาจเกิดมาบนรถสปอร์ต บางคนเกิดมาบนซาเล้งแล้วก็ปั่นซาเล้งไปจนตาย
แต่บางคนสามารถเปลี่ยนจากซาเล้งมาขับรถสปอร์ตได้ เลยนึกเทียบเคียงการใช้ชีวิตกับการขับรถได้ตามนี้ครับ
1.รู้จังหวะในการขับ รู้เส้นทางที่จะไป ถ้าโอกาสในชีวิตมา ถนนเป็นทางเรียบ ทางตรง ควรเหยียบคันเร่ง
ถ้าตัดสินใจทำอะไรผิดพลาด มาผิดทาง ก็ต้องเหยียบเบรคแล้วกางแผนที่ดูใหม่
ถ้าชีวิตกำลังตกต่ำ ทางลาดชันควรตั้งสติ ใส่เกียร์ต่ำเพื่อชะลอแรงส่ง
2 มองใกล้สลับมองไกล จะได้ระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดตรงหน้า และเห็นมุมมองที่กว้างขึ้นเพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือทัน
3 มองหน้าต่างด้านข้างบ้าง อาจได้เห็นเพื่อนที่ขับตีคู่มากับเรา
4 มองกระจกข้าง กระจกหลัง จะได้เห็นอดีตที่ผ่านมา เห็นหลุมที่เคยตก ต่อไปจะได้ระวังมากขึ้น
5 มองกระจกหลัง สบตาคนนั่งเบาะหลังบ้าง จะได้เห็นว่าพ่อ แม่ พี่น้อง ยังสบายดีไหม
6 สบตา พูดคุย กับคนนั่งข้าง ๆ บ่อย ๆ (ถ้ามี)
7 อย่าเปิดเพลงที่ตัวเองชอบดังเกินไป อย่ามั่นใจตัวเองเกินไป เพราะคุณจะไม่ได้ยินเสียงเตือนของคนในรถ หรือแม้แต่ แตรจากรถคันอื่น
8 อย่าบรรทุกของหนักเกินไป ต้องดูให้เหมาะสมกับกำลังเครื่องยนต์ อย่าสร้างภาระ สร้างหนี้ จนเกินกำลังตัวเอง
9 หมั่นเช็คเครื่องยนต์ตามระยะ ค่าซ่อมมันแพง ค่ารักษาโรคก็แพง ดีไม่ดีเครื่องพังก่อนไปถึงจุดหมาย
10 ขับรถตามกฎ มีน้ำใจ ให้คนอื่น จะทำให้ชีวิตเดินทางไปอย่างราบรื่น
11 เจอดอกไม้ข้างทางสวย ๆ ก็จอดแวะ หาความสุขง่าย ๆ ให้กับชีวิตบ้าง จะได้ถือโอกาสพักรถไปด้วย
รถมันมีเกจบอกว่าน้ำมันเหลือแค่ไหน หมดก็เติมได้ แต่ชีวิตเราไม่มีอะไรบอกได้ว่ายังมีเหลืออีกเท่าไร จะไปได้อีกไกลแค่ไหน
บางคนประมาทออกตัวแรง ซดน้ำมันเปลือง กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ดูแลสุขภาพ ก็เหมือนเจาะถังน้ำมันตัวเอง
ถ้ารถคุณพัง หรือ น้ำมันหมดไปซะก่อนถึงปลายทาง คนในรถของคุณอาจจะต้องลำบากลงเดิน แต่ถ้าโชคดีหน่อยเขาอาจจะโบกติดรถคันอื่นไปต่อได้
Life and Drive การใช้ชีวิตเปรียบเสมือนการขับรถ
ทุกครั้งเวลามองออกไปที่หน้าร้าน มักจะเห็นชายแก่คนนึงปั่นซาเล้งเก็บขยะขาย ตกเย็นก็รับลูกที่โรงเรียน กับเมียนั่งซาเล้งปั่นกลับบ้าน
ก็เลยมานั่งคิด ๆ ดู เออเน๊าะ ชีวิตคนเราเกิดมาพร้อมกับรถคนละคัน บางคนอาจเกิดมาบนรถสปอร์ต บางคนเกิดมาบนซาเล้งแล้วก็ปั่นซาเล้งไปจนตาย
แต่บางคนสามารถเปลี่ยนจากซาเล้งมาขับรถสปอร์ตได้ เลยนึกเทียบเคียงการใช้ชีวิตกับการขับรถได้ตามนี้ครับ
1.รู้จังหวะในการขับ รู้เส้นทางที่จะไป ถ้าโอกาสในชีวิตมา ถนนเป็นทางเรียบ ทางตรง ควรเหยียบคันเร่ง
ถ้าตัดสินใจทำอะไรผิดพลาด มาผิดทาง ก็ต้องเหยียบเบรคแล้วกางแผนที่ดูใหม่
ถ้าชีวิตกำลังตกต่ำ ทางลาดชันควรตั้งสติ ใส่เกียร์ต่ำเพื่อชะลอแรงส่ง
2 มองใกล้สลับมองไกล จะได้ระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดตรงหน้า และเห็นมุมมองที่กว้างขึ้นเพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือทัน
3 มองหน้าต่างด้านข้างบ้าง อาจได้เห็นเพื่อนที่ขับตีคู่มากับเรา
4 มองกระจกข้าง กระจกหลัง จะได้เห็นอดีตที่ผ่านมา เห็นหลุมที่เคยตก ต่อไปจะได้ระวังมากขึ้น
5 มองกระจกหลัง สบตาคนนั่งเบาะหลังบ้าง จะได้เห็นว่าพ่อ แม่ พี่น้อง ยังสบายดีไหม
6 สบตา พูดคุย กับคนนั่งข้าง ๆ บ่อย ๆ (ถ้ามี)
7 อย่าเปิดเพลงที่ตัวเองชอบดังเกินไป อย่ามั่นใจตัวเองเกินไป เพราะคุณจะไม่ได้ยินเสียงเตือนของคนในรถ หรือแม้แต่ แตรจากรถคันอื่น
8 อย่าบรรทุกของหนักเกินไป ต้องดูให้เหมาะสมกับกำลังเครื่องยนต์ อย่าสร้างภาระ สร้างหนี้ จนเกินกำลังตัวเอง
9 หมั่นเช็คเครื่องยนต์ตามระยะ ค่าซ่อมมันแพง ค่ารักษาโรคก็แพง ดีไม่ดีเครื่องพังก่อนไปถึงจุดหมาย
10 ขับรถตามกฎ มีน้ำใจ ให้คนอื่น จะทำให้ชีวิตเดินทางไปอย่างราบรื่น
11 เจอดอกไม้ข้างทางสวย ๆ ก็จอดแวะ หาความสุขง่าย ๆ ให้กับชีวิตบ้าง จะได้ถือโอกาสพักรถไปด้วย
รถมันมีเกจบอกว่าน้ำมันเหลือแค่ไหน หมดก็เติมได้ แต่ชีวิตเราไม่มีอะไรบอกได้ว่ายังมีเหลืออีกเท่าไร จะไปได้อีกไกลแค่ไหน
บางคนประมาทออกตัวแรง ซดน้ำมันเปลือง กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ดูแลสุขภาพ ก็เหมือนเจาะถังน้ำมันตัวเอง
ถ้ารถคุณพัง หรือ น้ำมันหมดไปซะก่อนถึงปลายทาง คนในรถของคุณอาจจะต้องลำบากลงเดิน แต่ถ้าโชคดีหน่อยเขาอาจจะโบกติดรถคันอื่นไปต่อได้