[Review ยาวมว้าก] Resident Evil 7: biohazard - "Welcome Home"

[หมายเหตุ: รีวิวนี้มาจากมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ใช่เกมเมอร์เซียนมาจากไหน เป็นแค่คนชอบเล่นเกมที่โตมากับ RE คนนึงเท่านั้น ทำให้แง่เกมเพลย์ รีวิวนี้อาจไม่ได้พูดถึงเจาะจงอะไรมากนะครับ แต่จะพูดถึงในสิ่งที่ชอบ หรือนึกขึ้นมาได้เป็นส่วนใหญ่ ภาพประกอบบางภาพก็น่ากลัวนิดๆ ยังไงก็เลื่อนเบาๆเน้อ]


Resident Evil 7: biohazard

"นี่มันไม่ใช่ RE" "RE ตายไปแล้ว "นี่มัน Outlast ชัดๆ" ....สารพัดคอมเมนท์ในทางลบตอนที่ RE7 ประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปีก่อน ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะดูผ่านๆ มันก็มีรูปลักษณ์ที่ไปในแนวทางนั้นจริงๆ (ตอนงาน E3 ก็ไม่มีใครรู้เลยว่า นี่คือเทรเลอร์ของเกม RE ภาคใหม่ จนกระทั่งชื่อเกมตอนท้ายนั่นแหละ) ซึ่งเกมนำเสนอออกมาในรูปแบบที่ ต่างจากที่ผ่านมากจริงๆ จนไม่บอกคงไม่รู้เลยจริงๆว่านี่คือ RE กับเกมภาคล่าสุดที่พาแฟรนไชส์กลับไปสู่เส้นทางเดิมนั่นคือ "ความเป็น Survival Horror"

จนเมื่อได้ลองสำผัสจริงๆ ไปเมื่อคืน ก็ไม่มีอะไรต้องพูดมากเลย ...นี่มันไม่ใช่ Oustlast ไม่ใช่ PT ใดๆทั้งสิ้น มันคือ Resident Evil นี่แหละ

องค์ประกอบทุกอย่างมันคือ RE ในแบบที่ RE ควรเป็น และยังเสริมความเป็นเกม Horror ยุคปัจจุบันลงไปได้อย่างลงตัว ขอบอกเลยว่าเกมภาคนี้ มันคือการทลายกำแพงอีกครั้งของซีรีส์นี้ แบบเดียวกับที่ RE เคยพลิกโฉมตัวเองมาแล้วในภาค 4 เมื่อครั้งอดีตนั่นเอง แม้จะไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการเกมอะไรขนาดนั้น แต่สำหรับ RE แน่นอนล่ะว่ามันคือโฉมใหม่ ที่ชวนให้คิ้วขมวดเมื่อได้เห็นครั้งแรกอยู่แล้ว


สำหรับชื่อเกมอย่างเป็นทางการของ RE7 ก็คือ Resident Evil 7: biohazard ของเวอร์ชันอเมริกา กับ Biohazard 7: resident evil ของเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ...คำถามคือ ทำไม? ถึงเอาชื่อของแต่ละฝั่งมาใส่เป็นชื่อสร้อยแบบนี้? อันนี้สองหัวหน้าทีมพัฒนาอย่าง คาวาตะ มาซาจิกะ กับ นากานิชิ โคชิ อธิบายว่า เพราะชื่อเกมทั้งสองนั้นมีความครอบคลุมต่อ Theme ที่เกมเป็นดีมาก ("สิ่งมีชีวิตที่อันตราย" กับ "เคหาสแห่งความชั่วร้าย") และการนำเสนอของ RE7 ก็คือการนำเสนอทั้งสองมุมมองนั้นนั่นเอง เป็นการพลิกแพลงชื่อเก๋ๆตามสไตส์ญี่ปุ่นเขา

เกมมาในมุมมองแบบ First Person Shoothing ที่ RE เคยใช้มาก่อนแล้วสมัยภาค Gun Survivor, Dead Aim หรือ Umbrella Chronicle ...แต่เพราะเกมเหล่านั้นเป็นหนึ่งในเกม RE ภาคที่ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ทำให้หลายคนมองว่า "RE กับ FPS มันไปกันไม่ได้หรอก" ...แต่ไม่ใช่กับ RE7 แน่นอน

เอาจริงๆ ถ้าพิจารณาดีๆ ตัวเกมมันก็ไม่ได้นำเสนออะไรใหม่ แต่มันเป็นการเอาองคประกอบเดิมๆ มารวมร่างกับการนำเสนอของเกม Horror ในยุคใหม่นั่นเอง .....ยอมรับเถอะ ว่าเด็กสมัยนี้ เขาไม่กลัวมุกเดิมๆแบบในภาค 1-3 กันแล้วนะครับ ผมเคยเล่น RE1 ภาครีเมคแบบ HD Remaster ให้รุ่นน้องที่อายุห่างกันเกือบ 10 ปี ดู พอถึงบางฉาก ที่ทำให้ผมเคยสะดุ้งแทบหัวใจวายเมื่อตอนเด็ก ผมนี่ภูมิใจนำเสนอมากเลยว่า "คอยดูเถอะเมิง ..ดุ้งแน่ ดุ้งแน่" แต่พอถึงฉากนั้นจริงๆ รุ่นน้องผมมันนิ่งสนิท ทำหน้าตาเฉยชามาก มองมาที่ผมประมาณ "นี่น่ากลัวสำหรับเฮียแล้วเหรอวะครับ?" ประมาณนั้น..

ความรู้สึกเหมือนโดนหักหน้ายังไงไม่รู้ 5555+ นี่แหละครับ สิ่งที่เราประทับจิตเมื่อตอนเด็ก พอยุคสมัยมันเปลี่ยนไป สื่อต่างๆมันก็เปลี่ยนไปตาม ทุกวันนี้เกมเมอร์หน้าใหม่ๆ ล้วนคุ้นเคยกับเกมสยองขวัญแบบที่เน้นความระทึกในการ วิ่ง ซ่อน พีค แบบสไตส์ Outlast หรือ Amnesia กันซะเยอะ (เหมือนกับที่ RE ยุคหลังๆสร้างภาพให้เกมดูเป็นเกมแอคชันสำหรับหลายๆคนน่ะแหละ) ความน่ากลัวจากการลุ้นระทึก ว่าจะรอดไปได้ยังไง กระสุนจะเหลือพอมั๊ย จะเซฟจังหวะไหนดี แบบนี้มันหายไปแล้ว .....สิ่งที่ทำให้คนเล่นยุคปัจจุบันกลัวได้คือ การนำเสนอที่ถึงเลือดถึงเนื้อ ความสมจริงของบรรยากาศและตัวละคร ที่สามารถดึงคนเล่นให้มีอารมณ์ร่วมกับเกมได้ นี่แหละคือสิ่งที่ fit กับต่อมรับรสความกลัวของคนยุคปัจจุบัน ที่ต้องทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนคุกคามจริงๆ


คือเราต้องทำใจยอมรับกันได้แล้วว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปจริงๆ ^ ^ อะไรที่เคยเวิร์คในอดีต มาตอนนี้มันอาจจะไม่เวิร์คแล้ว ถ้า RE อยากจะกลับมา Horror มันก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย เป็นเรื่องปกติ

ซึ่ง RE7 ก็นำเสนอทั้งสองแบบได้อย่างลงตัว ความเป็น Survival Horror ที่ทำให้เราต้องเล่นแบบลากเลือดหืดขึ้นคอ เพราะความยากของศัตรูที่ตายก็ยาก สู้ก็ลำบาก แถมเราต้องได้เจอมันในหลายรูปแบบ, การจัดการทรัพยากรในช่องไอเทมของเราที่ทำให้เราคิดหนัก ว่าจะแบกอะไรไปบ้าง หรือควรจะเก็บอะไรไว้ก่อน, การแก้ปริศนาโดยการหา Key Item, การเซฟที่ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ (แว่วๆว่า ต่อไปเกมจะปล่อยโหมดยาก Hereๆ ที่เราต้องหาตลับเทปมาเซฟด้วยนิ ...นี่แหละโคตรอยากเล่นมากๆ เพื่อซึมซับฟิลของ "ตลับหมึกเจ้ากรรม" แบบในอดีต...) ...โดยนำเสนอมันออกมาในรูปแบบที่ รุนแรงขึ้น สมจริงจับต้องได้มากขึ้น ในแบบที่คนเล่นยุคนี้คุ้นเคยดีจากหลายๆเกมในปัจจุบัน เกมสยองขวัญที่สุภาพน้อมจิต มันกระตุ้นความกลัวของคนเล่นสมัยนี้ม่ได้อีกแล้ว อันนี้ต้องยอมรับ


ส่วนที่ชอบอีกอย่างคือ "เนื้อเรื่อง" ....ปกติ RE อย่างที่รู้ๆกัน มันเป็นเกมที่การเล่าเรื่องไม่เคยจะดีเลย 5555 RE เป็นเกมที่สนุกแต่เล่าเรื่องได้พอๆกะหนังเกรดบี เรื่องราวแนวไวรัสล้างโลกที่เดินเรื่องแบบเรื่อยๆ ตัวละครหลักที่มีแต่ความเท่ห์ แต่ไม่ค่อยมีมิติ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่แฟนๆ ไม่เคยจะถือสาอะไร เพราะตัวเกมก็นำเสนอออกมาได้ดีและมีสเน่ห์ ในแบบของมัน แบบที่ไม่ต้องไปหาความเมคเซน์หรือ character devolopment ให้มันวุ่นวาย (ภาคที่ผมว่า การเล่าเรื่องโอเค มีความเป็น Story เนื้อๆเน้นๆสุดเลย ผมยกให้ภาค 6 ที่เล่าเรื่องได้น่าติดตาม เจาะลึกมิติของตัวละครมากกว่าเดิม และไม่รู้สึกว่ามัน cliche' เกินไป ให้อารมณ์เป็นหนังมาก อีกภาคที่การเล่าเรื่องค่อนข้างดีก็ Revelations ทั้งสองภาค)

แต่ใน RE7 มันพัฒนาการเล่าเรื่องให้มันออกมาดีเยี่ยมมากขึ้น เป็นภาพที่นำเสนอได้ชัดเจนดีว่า ถ้า RE ถูกสร้างเป็นหนังแนว Found Footage (แนวเทปลับ สารคดีปลอม อะไรประมาณนั้น) มันคงจะออกมาหน้าตาแบบ RE7 นี่แหละนะครับ ...ด้วยการเล่าเรื่องผ่านสองตัวละครหลักอย่าง อีธาน และ มีอา ที่มีปมความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและชวนให้ติดตาม กับศัตรูหลักของเกมอย่าง ครอบครัวเบเกอร์ ที่มีภูมิหลังอะไรดีๆที่น่าสนใจ มากกว่าจะเป็นแค่บอสของเกมเท่านั้น (ให้อารมณ์แบบสไตส์ พี่น้องแอชฟอร์ด ใน Code Veronica ที่มีปมภายในครอบครัวที่น่าสนใจ และดูมีมิติดี) ....เกม RE ยุคหลังๆที่ไม่มีซุป'ตาร์ของเกมแบบ ลีออน หรือ คริส มามีบทบาทเลยนี่ ถือเป็นความกล้าหาญเหมือนกันนะครับ เพราะ RE ไม่ได้มีเกมที่นำเสนอเรื่องราวผ่านตัวละครใหม่จริงๆ มานานนนนนแล้ว แต่นี่ใหม่ทั้งตัวเอก ทั้งศัตรูเลย (ถ้าใครคิดถึงยอดมนุษย์เหล่านั้น ก็ติดตามต่อใน Resident Evil: Vendetta ภาพยนต์อนิเมชันเรื่องที่ 3 ของ RE ที่กำลังจะฉายภายในปีนี้)

แต่สุดท้าย RE มันก็ยังเป็น RE อยู่วันยังค่ำนะครับ ^ ^ เพราะเราจะได้เจอกับความสยองลุ้นระทึก ไวรัสล้างโลก และเหล่าบอสหน้าตาอุบาทว์ขนาดมหึมา ในแบบที่ RE เป็นมาตลอดเหมือนเดิม และภาคนี้ ถ้าใครชอบโมเมนท์ลาสท์บอสแบบสมัยเกมภาคแรกๆ มาใน RE7 คุณจะกรี๊ดแตกแน่นอนกับมุกปราบบอสที่จะเรียกอารมณ์เก่าๆเราได้พอสมควรเลย

แต่ใช่ว่าเกมจะถูกใจไปหมดนะครับ ยังมีบางข้อที่โดยส่วนตัวไม่ชอบเหมือนกัน เช่น... ความไม่ค่อย Balance ของเกม ที่ในช่วงแรกๆ เกมได้สร้างความน่ากลัว ความสยองขวัญได้อย่างเต็มที่ แต่พอช่วงหลังๆ ก็ตามสูตร RE คือพอถึงช่วงท้ายๆ ความน่ากลัวมันก็ลดลงไปตามอาวุธและทักษะที่เรามี ทำให้ช่วงหลังๆ มันจะรักษาอารมณ์แบบสยองขวัญเอาตัวรอดแบบช่วงแรกๆไว้ไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็เป็นธรรมดาสำหรับเกมแนวนี้ที่ ยิ่งใกล้จบเกมความสยองมันก็จะไม่มากเท่าช่วงแรกๆ (แต่มันก็ยังให้ความระทึกขวัญอยู่นะครับ ไม่ถึงขนาดบู๊แหลกลาญแบบตอน 5-6)


กับอีกอย่างคือ "ดีไซน์ศัตรู" พวก Moled ทั้งหลายนี่แหละ ที่ส่วนตัวผมว่ามันออกมาดูหน้าตาโหลๆ ซ้ำๆ กันเกินไป ปกติ RE นี่โดดเด่นเรื่องการดีไซน์เหล่า BOW มากนะ แต่กับภาคนี้ เหมือนทีมสร้างจะให้ความสำคัญ กับอัตลักษณ์ของพวกเบเกอร์มากกว่า พวกมอนสเตอร์ลิ่วล้อทั้งหลายเลยไม่ค่อยมีดีไซน์สวยด้วยอุบาทว์ด้วย แบบในภาคก่อนๆเลย ถือว่าน่าเสียดายไม่น้อย (แต่การคุกคามของพวกมันนี่เอาไป 10 กะโหลกเลย สยองขั้นสุด)

ส่วนการเล่นแบบ VR นี่ขอไม่พูดถึงนะครับเพราะส่วนตัวผมยังไม่โอกาสได้เล่น ^ ^ ว่าจะถามท่านที่ได้เล่นเหมือนกันว่าเป็นยังไง (แค่ตัวเกมผมก็หมดตรูดแล้วครับ ฮาาา อย่าพูดถึง VR)

Resident Evil 7 คือเกม Survival Horror ที่เอาอารมณ์การเอาตัวรอดในแบบเดิมๆ กลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม ...แม้ตัวเกมจะสั้นไปหน่อย (แต่ถ้าเทียบกับภาคแรกๆ ก็ถือว่ายาวเท่าๆกันเลยนะ) แต่ส่วนตัว ชอบเกือบกอย่างที่ RE7 นำเสนอทั้งหมดเลย มันคือการ "เปิดประตูบานใหม่" ไปสู่อีกทิศทางของซีรีส์จริงๆ ซึ่งหลังจากนี้เราก็ไม่รู้ว่าซีรีส์นี้จะเดินหน้าไปในทิศทางแบบไหน RE7 จะเข้ามาเปลี่ยนทุกสิ่งไปอีกหลายปี เหมือนสมัย RE4 หรือเปล่า ก็ต้องดูกันต่อไป...

แต่สำหรับตอนนี้... Welcome to the family, Son!

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่