"ทวิช" มาแรง! เดินหน้าประชุมวิฯ IFEC พร้อมเสนอบอร์ดเป็นความหวังใหม่ผู้ถือหุ้นพรุ่งนี้ ชี้กรรมการ-ซีอีโอชิงลาออก อาจมีพิรุธอะไรบางอย่าง แย้มเตรียมเก็บ "ดาราเทวี" สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมหั่นโครงการสิ้นเปลือง-บริหารลำบากทิ้งให้สิ้น!
นายทวิช เตชะนาวากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอินดัสเทรียลเอสเตท จำกัด เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ถึงกรณีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม และพิจารณาเรื่องอื่นๆ ซึ่งในขณะนี้มีกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้ลงทุนได้รับ SMS หรือได้รับโทรศัพท์ เพื่อขอให้มีการพร็อคซี่ หรือ มอบฉันทะเกิดขึ้น และมีข่าวกีดกันผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางรายไม่ให้เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายทวิช ได้เสนอรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมชุดใหม่ ทั้งหมด 7 ราย รวมนายทวิชเองด้วย เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นให้เป็นผู้ลงคะแนนเสียงคัดเลือก โดยชื่อของคณะกรรมการรายอื่นอีก 6 ราย นายทวิช แสดงความมั่นใจว่า มีความเป็นอิสระ และมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการบริหารงาน ซึ่งต่อไปกรอบการทำงานในอนาคตของคณะกรรมการทั้งหมดต้องรวมถึงงานฝ่ายบริหารและงานฝ่ายตรวจสอบ
"กรรมการชุดผมทุกคนตั้งใจมาทำงานให้เสร็จในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1-3 เดือน และคาดว่าปัญหาดังกล่าวก็น่าจะจบได้ แต่ประเด็นที่อยากจะให้ท่านผู้ถือหุ้นพิจารณาคือ ทำไมกรรมการชุดเดิมถึงลาออกทั้ง 7 ท่าน ทั้งที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า หรือว่ากรรมการท่านตรวจสอบพบเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลกับการบริหาร ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าทำไมกรรมการจึงลาออก และทำไม CEO คนเดียวลาออก ถึงบริหารงานไม่ได้ และ IFEC เป็นบริษัทมหาชนแต่ทำไมร่วมเซ็นกันแค่ 2 คน หรือว่า 2 คนนี้ มีอะไรที่เป็นความลับกันอยู่หรือเปล่า ทำไมจึงไม่ให้คนอื่นร่วมด้วย และคุณสิทธิชัย ไปเห็นหรือได้กลิ่นอะไรมาจากแดนไกลๆ หรือเปล่า จึงชิงลาออกซะก่อน และทำไมอีกคนนึงถึงนั่งทับอยู่ไม่ยอมลาออก” นายทวิช กล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องการเบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อี นายทวิชมองว่า น่าตั้งเป็นข้อสังเกตว่าเหตุใด บริษัทที่มีขนาดใหญ่อย่าง IFEC ถึงไม่สามารถชำระเงินเพียง 200-300 ล้านบาทได้ ดังนั้น หากฝั่งผู้บริหารเดิม ซึ่งหมายถึง นายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และคณะกรรมการอีก 5 ท่านได้รับเลือกจากผู้ถือหุ้นให้เข้ามารับตำแหน่ง ก็จำเป็นจะต้องออกมาทำการชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นให้ได้ว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นได้เช่นไรบ้าง
ขณะเดียวกัน สำหรับสินทรัพย์ในส่วนที่เป็น โรงแรมดาราเทวีนั้น เบื้องต้น นายทวิช มีแผนเข้าไปพัฒนาโรงแรมเพิ่มเติมเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวโรงแรม และอาจพิจารณาทยอยแบ่งขายบางส่วนออกเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ โดยปัจจุบัน IFEC มีหนี้ตั๋วบี/อีที่ต้องชำระตกประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน มูลหนี้ส่วนนี้รวมกันประมาณ 3.50 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ในส่วนของธุรกิจพลังงานอย่าง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันดำเนินการอยู่แล้วก็ควรปล่อยไว้เช่นนั้น เพื่อให้สามารถสร้างรายให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่า นายทวิช อาจตัดสินใจขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม บนเกาะเซจู ประเทศเกาหลีใต้ ขนาดกำลังการผลิต 33 เมกะวัตต์ ซึ่ง IFEC ถืออยู่ราว 10% ให้กับผู้ที่สนใจได้ เนื่องจากมองว่า เป็นความยากลำบากสำหรับการต้องไปบริหารหน่วยธุรกิจที่อยู่ต่างประเทศ และโครงการอาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนดีจริงอย่างที่เจ้าของเดิมนำมาขายต่อให้อีกด้วย
“ถ้าเข้ามาตัวเปล่าคงบริหารไม่ได้ ต้องมีเงินเข้ามาด้วย ผมคิดว่าระยะสั้นต้องมีสักประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งหุ้นของผมในบริษัทก็พันล้านแล้วครับ และถ้าผมเข้ามาบริหารผมเข้ามาไม่นานหรอกครับ แก้ไขปัญหาเสร็จผมก็ไป ผมมาแบบนักลงทุน มาช่วยแก้ปัญหาแล้วก็ดูเรื่องผลประโยชน์ของบริษัท ถ้าเราเข้ามาได้ผมคิดว่าสัก 2-3 วันก็คงดำเนินการต่างๆ ให้ตลาดปลดเครื่องหมาย SP ได้ เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยสบายใจ” นายทวิช กล่าว
ที่มาของแหล่งข่าว
http://www.kaohoon.com/online/content/view/55940/ทวิชลั่นกลองรบแบไต๋เก็บดาราเทวีทิ้งลมเกาหลี
ผมอ่านข่าวนี้แล้วไฮไลท์ไปที่ช่วงท้ายของข่าว มีความหวังที่ปลายอุโมงค์แล้วโว้ย......
เลยอยากให้เพื่อนๆรายย่อยที่ติดหุ้นอีเฟะเหมือนผมได้อ่านและใช้วิจารณญานของท่านพิจารณาดูท่านจะเลือกใคร?
"ทวิช" ลั่นกลองรบ! แบไต๋เก็บ "ดาราเทวี" ทิ้ง "ลมเกาหลี"
นายทวิช เตชะนาวากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอินดัสเทรียลเอสเตท จำกัด เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ถึงกรณีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม และพิจารณาเรื่องอื่นๆ ซึ่งในขณะนี้มีกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้ลงทุนได้รับ SMS หรือได้รับโทรศัพท์ เพื่อขอให้มีการพร็อคซี่ หรือ มอบฉันทะเกิดขึ้น และมีข่าวกีดกันผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางรายไม่ให้เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายทวิช ได้เสนอรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมชุดใหม่ ทั้งหมด 7 ราย รวมนายทวิชเองด้วย เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นให้เป็นผู้ลงคะแนนเสียงคัดเลือก โดยชื่อของคณะกรรมการรายอื่นอีก 6 ราย นายทวิช แสดงความมั่นใจว่า มีความเป็นอิสระ และมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการบริหารงาน ซึ่งต่อไปกรอบการทำงานในอนาคตของคณะกรรมการทั้งหมดต้องรวมถึงงานฝ่ายบริหารและงานฝ่ายตรวจสอบ
"กรรมการชุดผมทุกคนตั้งใจมาทำงานให้เสร็จในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1-3 เดือน และคาดว่าปัญหาดังกล่าวก็น่าจะจบได้ แต่ประเด็นที่อยากจะให้ท่านผู้ถือหุ้นพิจารณาคือ ทำไมกรรมการชุดเดิมถึงลาออกทั้ง 7 ท่าน ทั้งที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า หรือว่ากรรมการท่านตรวจสอบพบเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลกับการบริหาร ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าทำไมกรรมการจึงลาออก และทำไม CEO คนเดียวลาออก ถึงบริหารงานไม่ได้ และ IFEC เป็นบริษัทมหาชนแต่ทำไมร่วมเซ็นกันแค่ 2 คน หรือว่า 2 คนนี้ มีอะไรที่เป็นความลับกันอยู่หรือเปล่า ทำไมจึงไม่ให้คนอื่นร่วมด้วย และคุณสิทธิชัย ไปเห็นหรือได้กลิ่นอะไรมาจากแดนไกลๆ หรือเปล่า จึงชิงลาออกซะก่อน และทำไมอีกคนนึงถึงนั่งทับอยู่ไม่ยอมลาออก” นายทวิช กล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องการเบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อี นายทวิชมองว่า น่าตั้งเป็นข้อสังเกตว่าเหตุใด บริษัทที่มีขนาดใหญ่อย่าง IFEC ถึงไม่สามารถชำระเงินเพียง 200-300 ล้านบาทได้ ดังนั้น หากฝั่งผู้บริหารเดิม ซึ่งหมายถึง นายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และคณะกรรมการอีก 5 ท่านได้รับเลือกจากผู้ถือหุ้นให้เข้ามารับตำแหน่ง ก็จำเป็นจะต้องออกมาทำการชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นให้ได้ว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นได้เช่นไรบ้าง
ขณะเดียวกัน สำหรับสินทรัพย์ในส่วนที่เป็น โรงแรมดาราเทวีนั้น เบื้องต้น นายทวิช มีแผนเข้าไปพัฒนาโรงแรมเพิ่มเติมเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวโรงแรม และอาจพิจารณาทยอยแบ่งขายบางส่วนออกเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ โดยปัจจุบัน IFEC มีหนี้ตั๋วบี/อีที่ต้องชำระตกประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน มูลหนี้ส่วนนี้รวมกันประมาณ 3.50 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ในส่วนของธุรกิจพลังงานอย่าง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันดำเนินการอยู่แล้วก็ควรปล่อยไว้เช่นนั้น เพื่อให้สามารถสร้างรายให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่า นายทวิช อาจตัดสินใจขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม บนเกาะเซจู ประเทศเกาหลีใต้ ขนาดกำลังการผลิต 33 เมกะวัตต์ ซึ่ง IFEC ถืออยู่ราว 10% ให้กับผู้ที่สนใจได้ เนื่องจากมองว่า เป็นความยากลำบากสำหรับการต้องไปบริหารหน่วยธุรกิจที่อยู่ต่างประเทศ และโครงการอาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนดีจริงอย่างที่เจ้าของเดิมนำมาขายต่อให้อีกด้วย
“ถ้าเข้ามาตัวเปล่าคงบริหารไม่ได้ ต้องมีเงินเข้ามาด้วย ผมคิดว่าระยะสั้นต้องมีสักประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งหุ้นของผมในบริษัทก็พันล้านแล้วครับ และถ้าผมเข้ามาบริหารผมเข้ามาไม่นานหรอกครับ แก้ไขปัญหาเสร็จผมก็ไป ผมมาแบบนักลงทุน มาช่วยแก้ปัญหาแล้วก็ดูเรื่องผลประโยชน์ของบริษัท ถ้าเราเข้ามาได้ผมคิดว่าสัก 2-3 วันก็คงดำเนินการต่างๆ ให้ตลาดปลดเครื่องหมาย SP ได้ เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยสบายใจ” นายทวิช กล่าว
ที่มาของแหล่งข่าว
http://www.kaohoon.com/online/content/view/55940/ทวิชลั่นกลองรบแบไต๋เก็บดาราเทวีทิ้งลมเกาหลี
ผมอ่านข่าวนี้แล้วไฮไลท์ไปที่ช่วงท้ายของข่าว มีความหวังที่ปลายอุโมงค์แล้วโว้ย......
เลยอยากให้เพื่อนๆรายย่อยที่ติดหุ้นอีเฟะเหมือนผมได้อ่านและใช้วิจารณญานของท่านพิจารณาดูท่านจะเลือกใคร?