อายุ 20 ขายของออนไลน์ ได้เดือนละ 2 แสน

....เรียนจบ ไม่เรียกว่า ประสบความสําเร็จ......

ขอเกรินนำก่อนนะครับ ผมเป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ปี2 อายุ 20 ปี

        ผมเริ่มขายของออนไลน์เมื่อตอน ม.5 ครับ คือเริ่มจากการขายแบบดรอปชิพ คือไม่ต้องสต๊อกของเอง
แค่สร้างเพจขึ้นมาแล้วมาออเดอร์ แล้วจะไปสั่งที่ร้านส่งอีกที เป็นธุรกิจแบบจับเสือมือเปล่าครับ ขายไม่ได้ก็ไม่เสียอะไร
ปล. ขอใช้ภาษาวัยรุ้นอ่านง่ายเขียนผิดไม่ว่ากันนะครับ ฮ่าๆ

      เพจผมเริ่มจาก 0 Like  จนทุกวันนี้ยังแค่ 70,000 Like อยู่เลย5555 มันน่าจะมากกว่านี้ไหม
ตอนแรกผมก็เริ่มหาแรงบัลดาลใจก่อนเลยครับ จะมีพวกเพจอายุน้อยร้อยร้านที่จะชอบโพสคำคมโดนๆ ผมก็เข้าไปอ่านทุกวัน สร้างแรงบัลดาลใจให้ตัวเอง คือครอบครัวผมไม่ได้รวยอะครับ เวลาอยากได้อะไรกว่าจะได้นี้ต้องอ้อนวอนเป็นเดือน 5555 ผมเลย เอาว่ะ เก็บเงินซื้อเองไปเลย
จนทุกวันนี้ผมไม่ได้ขอเงินทางบ้านใช้ มา 2-3 ปีแล้วครับ ใช้ชีวิตแบบสบายมาก อยากได้อะไรได้ อยากมีอะไรมี ตอนแรกเราก็หาแรงบัลดาลใจให้ตัวเองก่อนครับ อยากได้เยอะๆ ความขยันมันจะมาเองครับ ตอนนี้เป้าใหม่ผมคือ เบ้นซ์ cla250 ครับ อาจจะดูแพงไป แต่เราต้องฝันไว้ก่อน หนทางจะตามมา ถ้าใจมันสู้ซะอย่าง  ล้มหรือท้อ ก็นึกถึงรถครับ ซึมซับมันเข้าไป เอารูปมาตั้งจอคอม จอไอแพตไอโฟน ติดผนังห้อง 55
เพราะนั้นคือเป้าหมายของเรา มันจะกระตุ้นเราเอง


          แรกๆผมก็ลง ads วันละ 100 บาท ก็ขายได้เรื่อยๆครับแต่น้อยมากเพราะตอนนั้นเพจไลค์น้อยมาก ขอบอกก่อนนะครับ ตอนนั้นผมขายนาฬิกานะครับ  พวกแบรน Eiky หรือนาฬิกาสายเลสอะครับ ราคา 300-1000 บาท เป็นของแท้ครับ
          ผมก็ทำมาเรื่อยๆ จนมาถึงตอน ม.6 ผมเริ่มชอบการขายออนไลน์แล้ว ผมเริ่มศึกษาเรื่องการลงโฆษณาการตลาด SEO ต่างๆ
โปรโมทวันละ 500-1000 บาท ยอดขายก็โอมากเลยครับ วันละ 20-30 ออเดอร์ แบบมือไม้สั้นหาเงินเองได้เยอะขนาดนี้ ก้อนแรก ก็ หมื่นกว่าบาทครับ แล้วก็ทำแบบนี้มาเรื่อยๆครับ จนมีเงินเก็บ ประมาณ 5 หมื่นได้ครับ ผมเริ่มมองตลาดใหม่ คือการสต๊อกของเอง แล้วก็สต๊อกของไปเยอะมาก ก็ขายได้ แต่ปัญกาก็เยอะเช่นกัน
    
       อันนี้เป็นกระทู้สมัยตอนที่ผมขายนาฬิกาครับ 2 ปีที่แล้ว ปัญหาเยอะมากครับ        
   https://ppantip.com/topic/33530612
  
   ต่อมาผมก็เลิกขายนาฬิกาครับ มาเริ่มธุรกิจใหม่ที่สต๊อกเอง  ขอเป็นความลับนะครับว่าขายอะไร  แต่บอกกำไลละกันครับ คือกำไรต่อชิ้นประมาณ 200-300 บาท แล้วผมก็เริ่มมองเรื่องการสร้างแบรนด์ การสร้างแบรนด์ในความคิดของผมตอนนั้นคือ  การมีชื่อร้านการมีโลโก้ร้าน การมีกล่องพัสดุของร้าน มีอะไรที่เป็นโลโก้ร้านติด แต่ความจริงไม่ใช่เลยครับมารู้ที่หลัง ว่าการสร้างแบรนด์คือ การที่ทำให้แบรนด์เราเป็นที่จดจำ ยกตัวอย่างเช่น สตาร์บัค คือเค้าไม่ต้องโปรโมทอะไรมากมาย แต่ทำไมครถึงซื้อกาแฟเค้าเยอะขนาดนั้น มันก็คือการสร้างแบรนด์ครับ สร้างให้คนที่ใช้บริการรู้สึกดี รู้สึกว่า เรากินของสตาร์บัคเลยนะ    

      มาเข้าเรื่องเลยละกัน
ธุรกิจใหม่เริ่มขึ้นเพราะโปรดักตัวเก่าปัญหาเยอะและมีโปรดักหลายแบบยากตัวการสต๊อกมาก ผมจึงเลือกโปรดักใหม่ที่มีแค่ 1-3 ชิ้น ผมได้สต๊อกสินค้าเอง จากครั้งแรก 50 ชิ้น จะบอกว่า 50 ชิ้นแรก กว่าจะขายหมด เป็นเดือนเลยครับ โปรโมทก็วันละ2-3 ร้อย ค่า ads ก็บานปลายมาก คือการขายอะไรแรกๆผมเข้าใจเลยว่ามันยากมากกว่าจะทำให้ขายได้ ช่วงแรกต้องอดทนมากครับถึงจะผ่านมาได้
     แล๊อตแรกหมดไป ผมก็ เอาว่ะ ลองใหม่  สต๊อกไป 100ชิ้นเลยครับ  รอบนี้ ทำโพสใหม่คิดแคปชั่นคอนเท้นใหม่ รูปที่โพสแบบดูดีมาก แก้แล้วแก้อีก ลง ads ไปวันละ 300   ผลคือวันแรกๆคนมาเม้นถามเยอะมาก ผมนี้ตื่นเต้นเลยครับ หลังจากนั้น ออเดร์ก็เริ่มมา ขายออกง่ายขึ้น
100 ชิ้นนั้นหมดใน 10 กว่าวัน  ผมก็สต๊อกต่อเลยครับ 100 ชิ้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ค่าโปรโมทเพิ่มขึ้นวันละ 500 ผลคือออร์เดอรปังมาก วันละ 20-40 ออเดอร์เลย คือแบบ ล๊อตนั้น หมดใน 4-5 วันเลย เป็นแบบนี้มาซักเดือนครับ มีล๊อตหนึงสั่งของมา 300 หมดใน 5 วัน  กำไล 60,000 บาท ยังไม่หักค่า ads นะครับ ทำไมถึงหมดหรอครับ  ก็ผมลลง ads ไป วันละ 1000 บาท ยอดก็เลยเพิ่มขึ้นมากครับ ทุกวันนี้ผมลง ads วันละ 1000-3000 ครับ
       ผมใช้หลักการของผมคือ ถ้าวันนี้ได้กำไล 5000 บาท ผมจะเอา 30%-50% มาโปรโมทวันต่อไปเลย เช่นวันนี้ได้กำไล5000 บาท  พรุ้งนี้ผมก็จะโปรโมท 2500 ไปเลย เพราะผลลัพมันต้องคุ้มอยู่แล้ว ก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ  แต่ก็จะคงที่ราวๆ 2-3 พัน/วันครับ

    ทำไมถึงขายดีและลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ
    คือผมจะรับประกันร้านครับ  โดยจะทำวอยติดที่ตัวสินค้าไป ประกัน 1 ปีครับ เป็นประกันร้านผมเองเลย ลูกค้ามีปัญหาก็มาเครมได้เลยครับ
แล้วก็ใส่ใจลูกค้าเยอะๆ อีกอย่างผมใช้ระบบจัดการเพจด้วยครับ เป็นของ page 365 ค่าบริการ 990 บาท/เดือน  แต่แบบฟรีก็มีนะครับ แต่บอกเลยว่าเซิฟเวอร์จะล้มบ่อยมากไม่สเถียรครับ ถ้าเป็นธุรกิจที่ดีๆหน่อยแนะนำแบบรายเดือนครับ มี 490/990/5000 กว่าบาาท ผมไม่แน่ใจ
การขายของผมไม่มีไลน์นะครับ ทางเพจ Inbox 100%  เพราะจัดการลูกค้าง่ายครับ

      เรื่องการลงโฆษณา
ตรงนี้ผมว่าคำคัญไม่แพ้ตัวโปรดักที่ขายเลย  ถามว่าลง ads ก็ลงเป็นกันทุกคนแหละครับ แต่ถามว่า ลง ads  แล้วขายดีกันทุกคนไหม ไม่ต้องตอบเลยครับ ฮาๆ  ถึงได้มีคอสสอนเรื่องการลงโฆษณามากเลย และแพงมาก เป็นหมื่นๆก็มี   คือตรงนี้เอาจริงๆต้องใช้การศึกษาเองและลงมือทำลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆครับ จนเราได้ประสบการณ์จากการลองผิดลองถูก เพราะการลง ads ก็ไม่เหมือนกันเพราะตัว โปรดักเราไม่เหมือนกัน กลุ่มลูกค้าต่างกัน  ถามว่าคนที่ทำค่า CPC ได้น้อยๆเช่น 0.05 , 0.10 คือคนที่ลงโฆษณาเป็นและเก่ง  เอาจริงๆก็ส่วนหนึงครับ  แต่ถามว่าค่า CPC นี้ปิดการขายได้เยอะไหม ออเดอร์เยอะไหม ผมจึงไม่ซีกับค่า CPC เลยครับ แรกๆผมจะต้องทำยังไงก็ได้ให้มันถูกทีสุด ตอนนี้ผมกลับมองตรงกันข้าม คือกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แคบที่สุดส่วน CPC จะแพงหรือถูกเดวค่อยมาวัดกัน   รอดูยอดขายก่อน  ถ้ายอดโอเคร พอใจ ค่า CPC แพงก็อย่าไปแคร์ครับ  แต่ถ้าค่า CPC แพงแล้วยังขายไม่ออก อันนี้ควรปรับปรุงแก้ไขเลยครับ เรื่องรูปที่ใช้ เรื่องแคปชั่น กลุ่มเป้าหมาย ลองมาวิเคราห์ดีๆก่อนครับ
         ส่วนเรื่อง keyword ผมมาใช้เทคนิคถามตัวเองก่อนครับ ว่าโปรดักเรา  ใครต้องการ อาชีพอะไร  อายุเท่าไร แล้วลองวิเคราห์ไปเรื่อยๆครับ หรือมโมนั้นเอง ฮาๆ  สมมุตผมขาย กระเป๋าผู้ชาย  ก็ลองคิดครับว่ากระเป๋าแนวนี้ควรเหมาะกับอายุเท่าไร เช่น 18-25 น่าจะพอดี keyword  ก็น่าจะเป็น กระเป๋าชาย  หรือแบบอ้อมๆก็พวก การแต่งตัว แฟนชั่นชาย ทันสมัย อะไรบล่าๆครับ   ส่วนการเลือก location ก็ส่วนมากเค้าจะเลือก กรุงเทพกัน
อันนี้เราต้องลองเองครับเพราะโปรดักเราไม่เหมือนกัน แรกๆก็ใช้แบบ ทั้งประเทศไปก่อนครับ ก็ประมาณนี้ครับ และเราจะมาติดตามผล และมาแก้อีกรอบครับ ผมจะติดตามผลประมาณ 1-3 วันครับ  มาดูว่า อายุเท่าไร คนเล่นที่มือถือหรือคอม ให้ผลตอบลัพเรามากกว่ากัน ก็มาปรับให้เข้ากันอีกทีครับ เพื่อทำให้ CPC ถูกลงครับ  มือใหม่อาจจะได้ CPC 1 บาทกว่าๆ ไม่ต้องตกใจครับ ค่อยๆแก้ไปเรื่อยๆมันจะลดลงเองครับ ส่วนว่าลดได้มากแค่ไหนก็อยู่ที่การวิเคราห์ของเราแล้วครับ ประมาณ 0.40.0.70 ค่านี้ถือว่าปกติครับ น้อยกว่า0.40  ถือว่าดีมากครับ  แต่ถ้าแพงกว่า 1 บาท ยาวๆนี้ควรแก้ครับ เพราะจะเปลืองเงินมาก
ถ้าเทียบดูระหว่าง 0.30 กับ 1.00 นี้ต่างกัน 3 เท่าเลย
    0.30      คนคลิก 3 คน = 1 บาท     งป 500 บาท  คนคลิกได้ 1666 คน
    1.00      คนคลิก 1 คน = 1 บาท     งป 500 บาท คนคลิกได้ 500  คน

       ใช้โพสเดิมในการลง ads แต่มาแก้รูปแก้แคปชั่นเอา เพื่อสะสมยอดไลค์ยอดเม้น ให้น่าเชื่อถือ
ผมมีอยู่โพสหนึงครับที่ผมยังใช้ลง ads อยู่ทุกวันนี้  โพสนั้น ยอดไลค์ 70,000+ คอมเม้น 4,000+ แชร์ 1,400+
คือผมคิดว่าตรงนี้สำคัญมาก โพสที่เราลง ads ควรจะมี Feedback ที่ดีและเยอะไว้ก่อน มันจะดึงดูดลูกค้าและสร้างความมั่นใจได้ 80%
    เปรียบเทียบง่ายๆ ร้านA,B ขายสินค้าตัวเดียวกัน
          ร้าน A โพสที่ลง ads มี ไลค์ 2,000 เม้น 60
          ร้าน B โพสที่ลง ads มี ไลค์ 20,000 เม้น 300
คุณเลือกแล้วใช่ไหมครับ ว่าจะซื้อร้านไหน นั้นแหละครับคุณต้องเลือกร้าน B 80% แน่นอน

(ทิปๆ) การที่จะแก้โพสที่เราลง ads ไปแล้ว  เราต้องไปลบแคมเปญนั้นก่อนนะครับ ถึงจะแก้โพสนั้นได้ แล้วค่อยมาลง ads ใหม่ครับ

           สปีสธุรกิจเราให้โตเร็วขึ้น
   พอคิดว่าเราเริ่มไปได้ดีแล้วเรื่องการลงโฆษณา  ต้องเพิ่มงปครับ เหมือนเป็นการสปีดธุรกิจเราให้โตเร็วขึ้นเช่น ปกติเราลง ads วันละ 300
ก็ค่อยๆเพิ่มไปครับ 500 บ้าง 1000 บ้าง แล้วยอดมันจะเยอะตามงปครับ ธุรกิจเราก็จะโตเร็วขึ้น  
ต่างจากคนที่โปรโมทวันละ 100 ทุกวัน  แล้วบนว่าขายของไม่ดีเลย แล้วก็ล้มเลิกไป
หรือคนที่โปรโมท 200/วันทั้งเดือน แล้วขายได้วันละ 1000 บาท แล้วก็กำไรคงที่ที่ 1000 บาท ถามว่าธุรกิจคุณจะโตได้ยังไง
เต็มที่ก็เดือนละ 35000 แล้วจะมีประคนกลุ่มหนึงครับ ขี้งกเงินโปรโมท วันละ 200 ก้อพอแล้ว ขายได้พออยู่พอกิน อ่าแบบนี้ก็ไม่ว่ากันครับ
แต่ถ้าคุณลองเพิ่มเป็น 600/วัน  กำไลคุณอาจจะ *3 เลยนะครับ ถาว่าพออยู่พอกินไหม เรียกว่าเหลือใช้กันเลยทีเดียว5555

        ถามว่าเงิน 100 บาทนั้น จะทำให้คุณขายดีหรอ
ตอบเองเลยครับ เปลียนเทียบง่ายๆ เราไปเช่าที่ตลาดนัดธรรมดาวันละ 100 กับไปเช่าที่ จตุจักรวันละ 1000  ถามว่าที่ไหนขายดีกว่ากัน
ก็ต้องที่จตุจักรสิครับ เพราะคนเยอะกว่า โอกาสปิดการขายมีมากกว่า  ก็เหมือนการลง ads แหละครับ ลงมากก็เพิ่มโอกาศขายได้มากขึ้น
สำหรับผมตอนนี้ จะโปรโมทวันละ 2-3 พันครับ แบบต่อเนื่องทั้งเดือนเลย  ทั้งนี้ลงเยอะใช่ว่าจะขายดีเสมอไปนะครับ มีองค์ประกอบต่างๆอีกเพียบ
เช่นตัวโปรดัก รูปที่ใช้ แคปชั้นที่ใช้ การสนทนา เราสามารถดึงลูกค้าแล้วปิดการขายได้ไหม การสร้างความน่าเชื่อถือของเพจเรา  มีรีวิวลูกค้าไหม มีลงเลขพัสดุไหม  มีถ่ายรูปสต๊อกสินค้าไหม คือต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้ด้วยครับ

เพิ่มเติมครับ  เรื่องค่าต่างๆ
-----------------------------------------------
CTR คือ อัตราการคลิกต่อการเห็นโฆษณา
เช่น โฆษณา A คนเห็น 100 คนคลิก 50 แปลว่า CTR = 50%
       โฆษณา B คนเห็น 100 คนคลิก 20 แปลว่า CTR = 20%
       ถ้าโฆษณา A กับ B ใช้ keyword เดียวกัน แปลว่า โฆษณา A
       มีความน่าสนใจกว่า โฆษณา B เพราะมีอัตราการคลิกเยอะกว่าครับ  
       โฆษณา A อาจจะทำรูป แคปชั่น ดึงดูดกว่าครับ CTR จะได้ %เยอะ
----------------------------------------------
CPC คือ ต้นทุนต่อการคลิก 1 ครั้ง  เช่น 0.20  0.50  1.02
-----------------------------------------------
CPM คือ ค่าคลิกเฉลี่ยต่อการเห็นโฆษณา 1,000 ครั้ง     เช่น 1,000 ครั้ง คิดตังค์ 3 บาท แปลว่า CPM = 3 บาทครับ


อีกอย่างอย่าลืมจดทะเบียนพาณิชย์นะครับ จดที่เทศบาลได้เลยครับ

และต้องเสียภาษีด้วยนะครับ
-กรณีที่รายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี จะเสียภาษีแค่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-กรณีที่รายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผมลองทำแบบเข้าใจง่ายๆมาฝากครับ  ถ้าผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยครับ


ลองผิดลองถูกได้ ท้อได้เหนื่อยได้ แต่อย่าล้มเลิกครับ แค่นี้จบครับ
เรื่องการลงโฆษณา ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรเลยครับ  อาศัยประสบการณ์ล้วนๆเลยครับ  
ลงads มา 3-4 ปีแล้ว ก็เริ่มเข้าใจมันมาพอสมควรครับ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่