เมื่อฟังแล้ว คำนี้ดูเหมือนจะหดหู่ใจสำหรับคนที่ยัง ไม่เข้าใจความจริงของชีวิต เคยได้ฟังจากกลุ่มผู้มีความเพียร ทางธรรมกลุ่มหนึ่ง นานมาแล้ว เหมือนกับว่า เราจะต้องเตรียมอะไรบ้างในเรื่องนี้ เช่น คนรอบข้าง การสั่งลา การให้ประโยชน์จากร่างกาย แก่รพ. และอื่นๆ จนไปๆมาๆ กลายเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งเปิดเรียนจนกลายเป็นเหมือนจะธรรมดาไปแล้วในเรื่องนี้ สำหรับผู้ชายที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีภาระอันใด ดิฉันมองว่า การบวชเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนานี่แหละ คือทางที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด ส่วนผู้หญิงอย่างดิฉันคงเป็นเรื่องยากเหมือนกันในการหาสำนักเพื่อพักพิง ชีวิตน้อยๆนี้ให้มีค่าเพื่อสังคม เพราะดิฉันคงเป็นผู้หญิงที่คิดแปลกแตกต่าง เรื่องการเข้าวัดไปคลุกคลีอยู่ในวัด หรือสำนักต่างๆ คงไม่ใช่เราแน่นอน การมีบ้านในเมือง ก็ดูจะน่ากลัวเกินไปที่จะอยู่คนเดียว เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ก็ผูกพัน เป็นภาระอีก คิดจะมีลูกคงบ๊ายบาย อย่าเลย เราไม่ชอบแบบนั้น แค่คิดนะคะ ดิฉันกำลังตามหาหมู่บ้าน (ยังไม่เจอ)ที่มีแต่คนมีศีล หมู่บ้านที่ปฏิบัติธรรมไม่มุ่งทำมาหารวย หมู่บ้านที่ฝากชีวิต ที่เหลืออยู่ แค่นี้คงพอแล้วนะคะ สำหรับภพชาตินี้ ถ้าโลกใบนี้น่าอยู่ พระพุทธองค์คงไม่ปรินิพพานหรอก ท่านว่าจริงไหมคะ แล้วท่านทั้งหลายมีไอเดีย อย่างไรในเรื่องการเตรียมตัวตายในอนาคต ลองคุยแลกเปลี่ยนกันดูนะคะ บางทีไอเดียท่านจะเป็นประโยชน์ เป็นแง่คิด ความรู้ต่างๆ ให้ดิฉันพบทางออกกว่า. ที่คิดอยู่ก็ได้ ขอบคุณท่านนะคะ สพหรับข้อคิดเห็น
การเตรียมตัวตาย