บดในเชิงของทดสอบแนวรับ
หมายเหตุความสำคัญจะมากขึ้น ถ้าบดใน TIME FRAME ใหญ่ขึ้น เช่นทองคำในกราฟเดือน
---------------
ในมุมมองของผมเส้นนี้จะใช้แล้วมีนัยยะสำคัญก็คือ ตอนที่มีแนวโน้มเท่านั้น TRENDING MARKET
ถ้าตอนที่ไม่มีแนวโน้มให้มองสลับกัน กล่าวคือ เหนือเส้นมากๆ ให้ SHORT
ใต้เส้นมากๆให้ LONG เพราะมันคือ กลยุทธ์ SIDEWAYS ซื้อที่แนวรับ / ขายที่แนวต้าน
ดังนั้นมันจึงตรงข้ามกับ บนเส้นซื้อ / ใต้เส้นขาย (ถ้ามีแนวโน้ม)
เพราะฉะนั้นเราจึงสรุปกลยุทธ์เพิ่มได้ว่า
1. กลยุทธ์ใกล้ MEAN
2. กลยุทธ์ห่าง MEAN เกินไป
หุ้นไม่มีแนวโน้ม
ถ้าใครเล่นหุ้นแล้วขาดทุนทนไม่ไหว ผมแนะนำลองเล่นหุ้น BCP ดูครับ เป็นหุ้นที่น่ารัก มีกรอบให้เล่นชัดเจน
เป็นหุ้นที่ฝึกความอดทนได้ดีครับ ใครรอได้ ใจเย็น รับรองได้เงินทุกคนแน่นอนครับ
----------
หุ้นPTT มองผิดพลาด โดยสิ่งที่ผิดพลาดก็คือ มองแค่ตัว FALSE BREAK (FAKEY PATTERN ของสามเหลี่ยม)
แต่ไม่ได้สนใจแนวโน้ม รวมทั้งเส้นนี้ด้วย ผมจึงจำได้แม่น กระทู้ที่ผมคิดผิดด้านล่างครับ
https://ppantip.com/topic/35952140
-----------
เออพึ่งคิดออก วิธีใช้อีกแบบหนึ่ง สมมตินะครับสมมติว่า เราเห็นแล้วว่า SET มีแนวโน้มชัดเจน
เพราะฉะนั้นถ้ามีแนวโน้มชัดเจน การปิดเหนือเส้น หรือใต้เส้นสำคัญมาก มีนัยยะมาก
และถ้าจะเพิ่มความสำคัญขึ้นไปอีก ก็ต้องใช้กับกราฟ TIME FRAME กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น อย่างสัปดาห์ หรือเดือน
จากภาพนะครับ ถ้าเรามีความเชื่อว่า มันต้องย้อนกลับมาปิดบนเส้น EMA 10 ได้
ย้ำนะครับ ถ้าเราเชื่อว่า มันต้องปิดบนเส้น EMA 10 ได้ สำหรับขาขึ้น
>>> การที่กราฟหลุดเส้น EMA ไปเยอะๆ ก็เหมือนการลดราคาอย่างแรง SUPER SALE
งงไหม ก็เราเชื่อว่า ปิดบนเส้น EMA 10 ได้สิ้นเดือน ถ้ากลางเดือนมันหลุดเส้น EMA 10 ลงไปสัก 50 จุด
นั้นก็หมายถึง ลดราคา 50 จุด และเราก็ได้ 50 จุดนั้นฟรีๆ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเรียนรู้ต่อมาก็คือ ปลายเดือน ปลายสัปดาห์มันสำคัญมาก
เพราะมันเป็นตัวกำหนดกราฟแท่งเทียนรายสัปดาห์ / รายเดือน
ตัวอย่างกราฟทองคำครับ
กราฟมันเป็นขึ้นอยู่ ฉะนั้นเราไม่เชื่อว่า จะหลุด EMA 10 ในกราฟเดือนในครั้งเดียว
ฉะนั้นยิ่งลงไปมากเท่าไหร่ ก็หมายถึง การลดราคามากเท่านั้น
------
กระทู้นี้ผมขอรวมมิตรเลยแล้วกันนะครับ
ผมอยากให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของแนวโน้ม และความสำคัญของคำว่า การได้เปรียบ
มีคลิปสองคลิปครับ
คลิปแรก จระเข้กินเสือ และ คลิปที่สอง เสือกินจระเข้ และบวกกับ 1 สำนวนครับ
"น้ำมา ปลากินมด น้ำลด มดกินปลา"
---------------------
--------------------
คลิปแรก: จระเข้กินเสือ มันทำได้ไง
ในมุมมองของจระเข้
- มันได้เปรียบเสือ มันอยู่ในน้ำ มันถนัดในน้ำ มันชนะบ่อยๆในน้ำ
ในมุมมองของเสือ
- มันเสียเปรียบจระเข้ เพราะมันไปแช่น้ำ มันไม่พร้อมต่อสู้ มันพร้อมจะหลับ
-------------------------------------
------------------------------------
คลิปสอง: เสือ กิน จระเข้
ในมุมมองของจระเข้
- มันเสียเปรียบเสือ เพราะมันมานอนอยู่ริมน้ำ ที่ๆเสือสามารถโจมตีได้
ในมุมมองของเสือ
- มันได้เปรียบจระเข้ เพราะมันอยู่ใกล้บก อยู่ในที่ๆถนัด ที่ชนะ
---------------------------
----------------------------
>>>>> เราเรียนรู้อะไรจากสองคลิปนี้ครับ <<<<
1. สภาพที่ได้เปรียบ
1.1 ถ้าบนบก ในป่า จระเข้ ไม่มีทางสู้เสือได้เลย
1.2 ถ้าในน้ำ บึงน้ำ เสือ ไม่มีทางสู้จระเข้ได้เลย
1.1.1 ถ้าขาขึ้น พวก S ไม่มีทางสู้พวก L ได้
1.2.1 ถ้าขาลง พวก L ไม่มีทางสู้พวก S ได้
----------------
----------------
แต่....? มีไหมที่ขาขึ้น แล้วพวก S จะชนะ ตอบคือ มีครับ มีแน่นอน แต่ต้องทำในที่ๆได้เปรียบเช่น
ขาขึ้น: S ที่แนวต้านใหญ่ๆ ใหญ่จริงๆ แล้วมันก็ย่อมา 10-20 จุดแล้วก็ขึ้นต่ออีก 100 จุด เป็นต้น
ขาลง: L ที่แนวรับใหญ่ๆ ใหญ่จริงๆ แล้วมันก็เด้งมาสัก 10-20 จุด แล้วก็ลงต่ออีก 100 จุด เป็นต้น
นี่คือข้อสรุปครับ :เป็นจระเข้ที่ขึ้นบก แต่คู่ต่อสู้อ่อนแอจริงๆ /// เป็นเสือที่ลงน้ำ แต่คู่ต่อสู้อ่อนแอมาก
------------------------------------------
---------------------------------------
จึงนำมาสู่คำถามครับ
1. ทำไมเราเป็นเสือ แล้วชอบลงน้ำ //// เป็นจระเข้ แล้วชอบขึ้นบน
ทำไมคนเราชอบเล่น REVERSAL มากกว่าเล่น TRENDING
2. ทำไมเราชอบสร้างความเสียเปรียบให้ตัวเอง
เช่นไปขายหุ้นที่แนวรับ ซื้อหุ้นที่แนวต้าน
ทุกครั้งที่เราซื้อหุ้น มันก็มีคนขาย สมมติเราเป็นเสือ อีกฝั่งก็เป็นจระเข้ครับ
------------------------------------
-----------------------------------
และนี่คือ สองคลิปเกือบสุดท้ายครับ
มนุษย์ ฆ่า จระเข้ แม้จระเข้จะอยู่ในน้ำ
มนุษย์ ฆ๋า เสือ แม้เสือจะอยู่ในป่า
ทำไมมนุษย์ทำได้อะครับ ทั้งๆที่จระเข้อยู่ในน้ำ ก็มีความได้เปรียบสูงสุด
ทำไมมนุษย์ได้อะครับ ทั้งๆที่เสืออยู่ในป่า ก็มีความได้เปรียบสูงสุด
ก็เพราะมนุษย์สามารถคิดได้ไงครับ มนุษย์วางแผนได้ มนุษย์มีสมองที่ทรงพลัง
-----------------
และนี่คือ สองคลิปสุดท้าย
ม้าลาย ถูกจระเข้ กิน
ม้าลาย ถูกเสือ กิน
ม้าลายมันอ่อนแอครับ มันทำอะไรใครไม่ได้
บนบกก็เสียเปรียบเสือ ถูกกินบ่อยๆ
ครั้นลงน้ำ ก็ถูกจระเข้กินบ่อยๆ
มันถูกสร้างมาในวงจรให้เป็น "เหยื่อ" ครับ
หรือถ้าเปรียบกับหุ้นก็คือ เม่า นั้นแหละครับ เงินก็ไม่มี ความรู้อาจจะมีแต่ไม่ถูกต้อง
ขาขึ้นก็ขาดทุน เล่น SHORT
ขาลงก็ขาดทุน เล่น LONG
ถนัดซื้อหุ้นที่แนวต้าน และ BREAKOUT --- ไม่เคยซื้อหุ้นที่แนวรับ
ถนัดขายหุ้นที่แนวรับ และ BREAKOUT ---- ไม่เคยขายหุ้นที่แนวต้าน
ชอบไปเรียนจากเสือ ที่ไม่เคยไปล่าเหยื่อ (เสือกระดาษ)
ชอบไปเรียนจากจระเข้ ที่เกิดมาก็เอามาอยู่ในสวนสัตว์เลย (จระเข้โชว์)
-------------
ถามตัวเองนะครับ
เวลาเราเล่นหุ้น เราเป็นเสือ / จระเข้ / มนุษย์ / ม้าลาย ครับ?
----------
เสือ....
ตอนที่ผมอยู่โบรกเกอร์เป็นมาร์ และเห็นพี่ๆมาร์ที่เทรดเลี้ยงตัวเองได้นั้น
(หมายถึง ตัวเองเป็นลูกค้า ของตัวเองอะนะ 555+)
พวกเค้าส่วนใหญ่เป็นเสือครับ กล่าวคือ เค้าเล่นเป็นแต่ "หุ้น" หุ้นเท่านั้น DW TFEX ไม่เคยเล่นเลย ไม่เคยยุ่ง
ซื้อหุ้นเท่านั้น ซื้อหุ้นอย่างเดียว ขาขึ้นเค้าจะฟินมากครับ ออกรถใหม่ เลี้ยงข้าวกลางวันน้องๆที่โบรก ซื้อบ้านใหม่ พาไปเลี้ยงเหล้า ฯลฯ
แต่ขาลง ผมผ่านช่วงนั้นมาด้วยกัน ผมรู้เลยครับว่า เค้าก็ยังเล่นหุ้นอยู่ดี แต่การเล่นยากขึ้น
เพราะต้องเล่นเด้ง REBOUND ซึ่งมันยากกว่า เพราะว่าทางเป็นลง จุดซื้อผิดนิดเดียว มันจะพลาด และหุ้นมันจะไหลลงต่อไปอีกไกล
ต่างจากขาขึ้น ถ้าจุดซื้อผิดพลาด ถือรอแป๊บเดียว เดียวก็ขึ้นกลับมา
ดูภาพประกอบครับ
-----------------
จระเข้
มีครับ ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนทัศนคติเชิงลบ ชอบมองโลกในแง่ร้าย ชอบเห็นทุกอย่างเลวร้าย อะไรดี ก็ตั้งข้อสงสัยว่าไม่ดี
(จากประสบการณ์ของผมกับพี่ที่ทำงาน) ไม่ใด้เหมารวม (ความคิดในใจเรา มันสะท้อนการเล่นหุ้นด้วยนะ ผมคิดว่า)
กล่าวคือ คนจำพวกนี้ จะชอบเล่นขาลงเท่านั้น ขาขึ้นจะไม่กล้าเล่น พวกด้วยคำพูด "ขึ้นมาสูงแล้ว"
ข้อเสียคือ เล่นหุ้นไม่ค่อยได้ ยกเว้นหุ้นจะลงมาแรงๆ จึงจะชอบซื้อ แต่ถ้าให้ซื้อหุ้นที่ขึ้นๆ แล้วย่อนิดนึง ยากมาก
พอมันเป็นขาลง เครื่องมือมันก็ยากขึ้น มันจะมีแต่ DW / TFEX
DW ก็เสื่อมราคา บางทีคนออกก็ปรับไม่ตรง ยุ่งวุ่นวายมาก
TFEX ก็ต้องให้ลูกค้าที่เข้าใจอะไรมากหน่อยเล่น
ส่วนใหญ่ มาร์ที่เล่นเป็นแต่ขาลง ขาขึ้นเล่นไม่ได้ จะไม่ค่อยมี VOLUME มากเท่ากับ มาร์สายหุ้น เน้นขาขึ้น
-----------------
มนุษย์ ก็คือ พวก PROFESSIONAL ทั้งหลาย พวก PROP TRADE
-----------------
ม้าลาย ก็คือ แมงเม่า และอาจรวมทั้งผมด้วยครับ
----------------
ข้อสรุป... ผมว่าเล่นหุ้นให้เก่งก่อน เป็นเสือก่อน
หุ้นนี่ความเสี่ยงน้อยสุดแล้วนะครับ ถ้าเทียบกับวิธีการเล่นแบบอื่นๆ
ติดก็ถือได้ ไม่มีหมดอายุ ลงทุนได้ ต่างจากเครื่องมืออย่าง TFEX DW ติดแล้วตายอย่างเดียว เพราะมีวันหมดอายุ
อย่างไงขอฝากแนวคิดไว้ และช่วย VOTE ให้หน่อยครับ เผื่อคนอื่นๆจะได้มาเห็นกระทู้นี้ครับ
ขอบคุณพันทิปทครับที่ให้ผมได้ฝึกเขียนกระทู้ และได้ฝึกฝนตัวเอง
ตัวอย่างการบดเส้น EMA 10 ของหุ้นหลายๆตัว
หมายเหตุความสำคัญจะมากขึ้น ถ้าบดใน TIME FRAME ใหญ่ขึ้น เช่นทองคำในกราฟเดือน
---------------
ในมุมมองของผมเส้นนี้จะใช้แล้วมีนัยยะสำคัญก็คือ ตอนที่มีแนวโน้มเท่านั้น TRENDING MARKET
ถ้าตอนที่ไม่มีแนวโน้มให้มองสลับกัน กล่าวคือ เหนือเส้นมากๆ ให้ SHORT
ใต้เส้นมากๆให้ LONG เพราะมันคือ กลยุทธ์ SIDEWAYS ซื้อที่แนวรับ / ขายที่แนวต้าน
ดังนั้นมันจึงตรงข้ามกับ บนเส้นซื้อ / ใต้เส้นขาย (ถ้ามีแนวโน้ม)
เพราะฉะนั้นเราจึงสรุปกลยุทธ์เพิ่มได้ว่า
1. กลยุทธ์ใกล้ MEAN
2. กลยุทธ์ห่าง MEAN เกินไป
หุ้นไม่มีแนวโน้ม
ถ้าใครเล่นหุ้นแล้วขาดทุนทนไม่ไหว ผมแนะนำลองเล่นหุ้น BCP ดูครับ เป็นหุ้นที่น่ารัก มีกรอบให้เล่นชัดเจน
เป็นหุ้นที่ฝึกความอดทนได้ดีครับ ใครรอได้ ใจเย็น รับรองได้เงินทุกคนแน่นอนครับ
----------
หุ้นPTT มองผิดพลาด โดยสิ่งที่ผิดพลาดก็คือ มองแค่ตัว FALSE BREAK (FAKEY PATTERN ของสามเหลี่ยม)
แต่ไม่ได้สนใจแนวโน้ม รวมทั้งเส้นนี้ด้วย ผมจึงจำได้แม่น กระทู้ที่ผมคิดผิดด้านล่างครับ
https://ppantip.com/topic/35952140
-----------
เออพึ่งคิดออก วิธีใช้อีกแบบหนึ่ง สมมตินะครับสมมติว่า เราเห็นแล้วว่า SET มีแนวโน้มชัดเจน
เพราะฉะนั้นถ้ามีแนวโน้มชัดเจน การปิดเหนือเส้น หรือใต้เส้นสำคัญมาก มีนัยยะมาก
และถ้าจะเพิ่มความสำคัญขึ้นไปอีก ก็ต้องใช้กับกราฟ TIME FRAME กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น อย่างสัปดาห์ หรือเดือน
จากภาพนะครับ ถ้าเรามีความเชื่อว่า มันต้องย้อนกลับมาปิดบนเส้น EMA 10 ได้
ย้ำนะครับ ถ้าเราเชื่อว่า มันต้องปิดบนเส้น EMA 10 ได้ สำหรับขาขึ้น
>>> การที่กราฟหลุดเส้น EMA ไปเยอะๆ ก็เหมือนการลดราคาอย่างแรง SUPER SALE
งงไหม ก็เราเชื่อว่า ปิดบนเส้น EMA 10 ได้สิ้นเดือน ถ้ากลางเดือนมันหลุดเส้น EMA 10 ลงไปสัก 50 จุด
นั้นก็หมายถึง ลดราคา 50 จุด และเราก็ได้ 50 จุดนั้นฟรีๆ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเรียนรู้ต่อมาก็คือ ปลายเดือน ปลายสัปดาห์มันสำคัญมาก
เพราะมันเป็นตัวกำหนดกราฟแท่งเทียนรายสัปดาห์ / รายเดือน
ตัวอย่างกราฟทองคำครับ
กราฟมันเป็นขึ้นอยู่ ฉะนั้นเราไม่เชื่อว่า จะหลุด EMA 10 ในกราฟเดือนในครั้งเดียว
ฉะนั้นยิ่งลงไปมากเท่าไหร่ ก็หมายถึง การลดราคามากเท่านั้น
------
กระทู้นี้ผมขอรวมมิตรเลยแล้วกันนะครับ
ผมอยากให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของแนวโน้ม และความสำคัญของคำว่า การได้เปรียบ
มีคลิปสองคลิปครับ
คลิปแรก จระเข้กินเสือ และ คลิปที่สอง เสือกินจระเข้ และบวกกับ 1 สำนวนครับ
"น้ำมา ปลากินมด น้ำลด มดกินปลา"
---------------------
--------------------
คลิปแรก: จระเข้กินเสือ มันทำได้ไง
ในมุมมองของจระเข้
- มันได้เปรียบเสือ มันอยู่ในน้ำ มันถนัดในน้ำ มันชนะบ่อยๆในน้ำ
ในมุมมองของเสือ
- มันเสียเปรียบจระเข้ เพราะมันไปแช่น้ำ มันไม่พร้อมต่อสู้ มันพร้อมจะหลับ
-------------------------------------
------------------------------------
คลิปสอง: เสือ กิน จระเข้
ในมุมมองของจระเข้
- มันเสียเปรียบเสือ เพราะมันมานอนอยู่ริมน้ำ ที่ๆเสือสามารถโจมตีได้
ในมุมมองของเสือ
- มันได้เปรียบจระเข้ เพราะมันอยู่ใกล้บก อยู่ในที่ๆถนัด ที่ชนะ
---------------------------
----------------------------
>>>>> เราเรียนรู้อะไรจากสองคลิปนี้ครับ <<<<
1. สภาพที่ได้เปรียบ
1.1 ถ้าบนบก ในป่า จระเข้ ไม่มีทางสู้เสือได้เลย
1.2 ถ้าในน้ำ บึงน้ำ เสือ ไม่มีทางสู้จระเข้ได้เลย
1.1.1 ถ้าขาขึ้น พวก S ไม่มีทางสู้พวก L ได้
1.2.1 ถ้าขาลง พวก L ไม่มีทางสู้พวก S ได้
----------------
----------------
แต่....? มีไหมที่ขาขึ้น แล้วพวก S จะชนะ ตอบคือ มีครับ มีแน่นอน แต่ต้องทำในที่ๆได้เปรียบเช่น
ขาขึ้น: S ที่แนวต้านใหญ่ๆ ใหญ่จริงๆ แล้วมันก็ย่อมา 10-20 จุดแล้วก็ขึ้นต่ออีก 100 จุด เป็นต้น
ขาลง: L ที่แนวรับใหญ่ๆ ใหญ่จริงๆ แล้วมันก็เด้งมาสัก 10-20 จุด แล้วก็ลงต่ออีก 100 จุด เป็นต้น
นี่คือข้อสรุปครับ :เป็นจระเข้ที่ขึ้นบก แต่คู่ต่อสู้อ่อนแอจริงๆ /// เป็นเสือที่ลงน้ำ แต่คู่ต่อสู้อ่อนแอมาก
------------------------------------------
---------------------------------------
จึงนำมาสู่คำถามครับ
1. ทำไมเราเป็นเสือ แล้วชอบลงน้ำ //// เป็นจระเข้ แล้วชอบขึ้นบน
ทำไมคนเราชอบเล่น REVERSAL มากกว่าเล่น TRENDING
2. ทำไมเราชอบสร้างความเสียเปรียบให้ตัวเอง
เช่นไปขายหุ้นที่แนวรับ ซื้อหุ้นที่แนวต้าน
ทุกครั้งที่เราซื้อหุ้น มันก็มีคนขาย สมมติเราเป็นเสือ อีกฝั่งก็เป็นจระเข้ครับ
------------------------------------
-----------------------------------
และนี่คือ สองคลิปเกือบสุดท้ายครับ
มนุษย์ ฆ่า จระเข้ แม้จระเข้จะอยู่ในน้ำ
มนุษย์ ฆ๋า เสือ แม้เสือจะอยู่ในป่า
ทำไมมนุษย์ทำได้อะครับ ทั้งๆที่จระเข้อยู่ในน้ำ ก็มีความได้เปรียบสูงสุด
ทำไมมนุษย์ได้อะครับ ทั้งๆที่เสืออยู่ในป่า ก็มีความได้เปรียบสูงสุด
ก็เพราะมนุษย์สามารถคิดได้ไงครับ มนุษย์วางแผนได้ มนุษย์มีสมองที่ทรงพลัง
-----------------
และนี่คือ สองคลิปสุดท้าย
ม้าลาย ถูกจระเข้ กิน
ม้าลาย ถูกเสือ กิน
ม้าลายมันอ่อนแอครับ มันทำอะไรใครไม่ได้
บนบกก็เสียเปรียบเสือ ถูกกินบ่อยๆ
ครั้นลงน้ำ ก็ถูกจระเข้กินบ่อยๆ
มันถูกสร้างมาในวงจรให้เป็น "เหยื่อ" ครับ
หรือถ้าเปรียบกับหุ้นก็คือ เม่า นั้นแหละครับ เงินก็ไม่มี ความรู้อาจจะมีแต่ไม่ถูกต้อง
ขาขึ้นก็ขาดทุน เล่น SHORT
ขาลงก็ขาดทุน เล่น LONG
ถนัดซื้อหุ้นที่แนวต้าน และ BREAKOUT --- ไม่เคยซื้อหุ้นที่แนวรับ
ถนัดขายหุ้นที่แนวรับ และ BREAKOUT ---- ไม่เคยขายหุ้นที่แนวต้าน
ชอบไปเรียนจากเสือ ที่ไม่เคยไปล่าเหยื่อ (เสือกระดาษ)
ชอบไปเรียนจากจระเข้ ที่เกิดมาก็เอามาอยู่ในสวนสัตว์เลย (จระเข้โชว์)
-------------
ถามตัวเองนะครับ
เวลาเราเล่นหุ้น เราเป็นเสือ / จระเข้ / มนุษย์ / ม้าลาย ครับ?
----------
เสือ....
ตอนที่ผมอยู่โบรกเกอร์เป็นมาร์ และเห็นพี่ๆมาร์ที่เทรดเลี้ยงตัวเองได้นั้น
(หมายถึง ตัวเองเป็นลูกค้า ของตัวเองอะนะ 555+)
พวกเค้าส่วนใหญ่เป็นเสือครับ กล่าวคือ เค้าเล่นเป็นแต่ "หุ้น" หุ้นเท่านั้น DW TFEX ไม่เคยเล่นเลย ไม่เคยยุ่ง
ซื้อหุ้นเท่านั้น ซื้อหุ้นอย่างเดียว ขาขึ้นเค้าจะฟินมากครับ ออกรถใหม่ เลี้ยงข้าวกลางวันน้องๆที่โบรก ซื้อบ้านใหม่ พาไปเลี้ยงเหล้า ฯลฯ
แต่ขาลง ผมผ่านช่วงนั้นมาด้วยกัน ผมรู้เลยครับว่า เค้าก็ยังเล่นหุ้นอยู่ดี แต่การเล่นยากขึ้น
เพราะต้องเล่นเด้ง REBOUND ซึ่งมันยากกว่า เพราะว่าทางเป็นลง จุดซื้อผิดนิดเดียว มันจะพลาด และหุ้นมันจะไหลลงต่อไปอีกไกล
ต่างจากขาขึ้น ถ้าจุดซื้อผิดพลาด ถือรอแป๊บเดียว เดียวก็ขึ้นกลับมา
ดูภาพประกอบครับ
-----------------
จระเข้
มีครับ ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนทัศนคติเชิงลบ ชอบมองโลกในแง่ร้าย ชอบเห็นทุกอย่างเลวร้าย อะไรดี ก็ตั้งข้อสงสัยว่าไม่ดี
(จากประสบการณ์ของผมกับพี่ที่ทำงาน) ไม่ใด้เหมารวม (ความคิดในใจเรา มันสะท้อนการเล่นหุ้นด้วยนะ ผมคิดว่า)
กล่าวคือ คนจำพวกนี้ จะชอบเล่นขาลงเท่านั้น ขาขึ้นจะไม่กล้าเล่น พวกด้วยคำพูด "ขึ้นมาสูงแล้ว"
ข้อเสียคือ เล่นหุ้นไม่ค่อยได้ ยกเว้นหุ้นจะลงมาแรงๆ จึงจะชอบซื้อ แต่ถ้าให้ซื้อหุ้นที่ขึ้นๆ แล้วย่อนิดนึง ยากมาก
พอมันเป็นขาลง เครื่องมือมันก็ยากขึ้น มันจะมีแต่ DW / TFEX
DW ก็เสื่อมราคา บางทีคนออกก็ปรับไม่ตรง ยุ่งวุ่นวายมาก
TFEX ก็ต้องให้ลูกค้าที่เข้าใจอะไรมากหน่อยเล่น
ส่วนใหญ่ มาร์ที่เล่นเป็นแต่ขาลง ขาขึ้นเล่นไม่ได้ จะไม่ค่อยมี VOLUME มากเท่ากับ มาร์สายหุ้น เน้นขาขึ้น
-----------------
มนุษย์ ก็คือ พวก PROFESSIONAL ทั้งหลาย พวก PROP TRADE
-----------------
ม้าลาย ก็คือ แมงเม่า และอาจรวมทั้งผมด้วยครับ
----------------
ข้อสรุป... ผมว่าเล่นหุ้นให้เก่งก่อน เป็นเสือก่อน
หุ้นนี่ความเสี่ยงน้อยสุดแล้วนะครับ ถ้าเทียบกับวิธีการเล่นแบบอื่นๆ
ติดก็ถือได้ ไม่มีหมดอายุ ลงทุนได้ ต่างจากเครื่องมืออย่าง TFEX DW ติดแล้วตายอย่างเดียว เพราะมีวันหมดอายุ
อย่างไงขอฝากแนวคิดไว้ และช่วย VOTE ให้หน่อยครับ เผื่อคนอื่นๆจะได้มาเห็นกระทู้นี้ครับ
ขอบคุณพันทิปทครับที่ให้ผมได้ฝึกเขียนกระทู้ และได้ฝึกฝนตัวเอง