อย่างที่เรารู้ๆกันในปัจจุบีนว่าหนังไทยเดี๋ยวนี้ก็วนซํ้าๆอยู่แต่แนวเดิมๆ เช่น หนังรัก ตลก ผีตลก ผี วนซํ้าๆกันอยู่ตรงนี้นี่แหละ หรือไม่ก็คุณภาพแย่ ในปี2016 ที่ผ่านมา มีที่ดีๆอยู่ไม่กี่เรื่องเอง แต่วันนี้จะมานําเสนอหนังไทยในอดีตที่มีแต่คุณภาพคับจอเงินกัน มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่าา!!
1.มหา'ลัย เหมืองแร่ (2005)
เรื่องย่อ : สร้างขึ้นจากเรื่องสั้นที่เขียนต่อเนื่องยาวร้อยกว่าตอน ของอาจินต์ ปัญจพรรค์ เค้าโครงเรื่องเขียนขึ้นจากชีวิตจริงของอาจินต์เองสมัยพ้นจากสภาพนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปีสองเพราะเกรดไม่ถึงเกณฑ์ (Retire) การต้องออกจากการศึกษากระทันหันส่งผลให้อาจินต์ถูกส่งไปหางานที่เหมืองในจังหวัดพังงาอันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
เป็นหนังที่โปรดักชั่นดีมาก ถ่ายภาพดีมาก บทหรือการดำเนินเรื่องก็ดี เป็นหนังที่อิ่มเอมใจ เนื้อเรื่องอบอุ่นและน่าประทับใจ ภาพสวย โทนสีสวย เป็นหนังที่องค์ประกอบดีทุกอย่าง หนังมีความเป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา
2.แฟนฉัน (2003)
เรื่องย่อ : เรื่องราวเกี่ยวกับ ความรักวัยเด็ก ในอดีตแห่งความทรงจำ
เป็นหนังที่เรียกอารมณ์และบรรยากาศเก่า ๆ ในวันวานวัยเด็กของใครหลาย ๆ คน
3.โหมโรง (2004)
เรื่องย่อ : เหตุการณ์เริ่มขึ้นราวพุทธศักราช 2429 ในประเทศสยาม ศร เด็กหนุ่มที่มีความผูกพันกับดนตรีไทยมาตั้งแต่เกิด ได้รับการถ่ายทอดฝีมือในการตีระนาดเอกจาก ครูสิน ผู้ซึ่งเป็นทั้งบิดาและครูสอนดนตรีไทย ผู้มีปมในชีวิต หลังการสูญเสียพี่ชายของศรผู้ซึ่งถูกนักเลงระนาดคู่ปรับฆ่า เป็นเหตุให้ครูสินตัดสินใจหยุดการสอนดนตรีไทยลง ด้วยคำเตือนสติจากหลวงพ่อ ทำให้ครูสินกลับมาสอนดนตรีไทยอีกครั้ง เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสและการพัฒนาพรสวรรค์ในการตีระนาดของศร ศรจึงได้รับการถ่ายทอดฝีมือตีระนาดจากบิดา และมีทิว เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเวลา
เป็นภาพยนตร์ไทยที่อึ้งมาก ฉากดวลระนาดระหว่างศรกับขุนอินทร์ทรงพลังมาก ดูแล้วเผลอกลั้นหายใจไปตอนไหนไม่รู้ มันกดดันและระทึกมาก นึกว่าดูหนังแอ๊คชั่นอยู่ หนังเรื่องนี้ทําให้ภูมิใจในความเป็นไทย
4.15คํ่า เดือน11 (2002)
เรื่องย่อ : เรื่องราวของบั้งไฟพญานาค มหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคนไทยในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพไปกว่าแปดชั่วโมง แต่ที่แห่งนี้ กลับมีสิ่งเร้นลับมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นตรงกันทุกปี ในคืนวันออกพรรษา บั้งไฟพญานาค ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลก และยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่า บั้งไฟพญานาค เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเป็นพุทธบูชาของพญานาค จริงตามความเชื่อ และ ศรัทธาของชาวอีสาน ยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทาย และรอคอยการพิสูจน์มาจนทุกวันนี้
ชอบคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้มากเลยครับ นำวิถีชีวิต ทัศนคติ และความเชื่อ ของชาวอิสาน มาสอดแทรกในภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว
และถ่ายทอดออกมาได้อย่างแนบเนียน ทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อในบั้งไฟพญานาคสามารถดูได้ และคิดตาม โดยไม่อคติ
หนังตีความได้สุดยอดมากเลยครับ ขอชื่นชมตอนจบน้ำตาแตกกันทีเดียว กับความเชื่อและแรงศรัทธาของชาวบ้าน
5.รักแห่งสยาม (2007)
เรื่องย่อ : เล่าเรื่องของหลายคู่รักที่โยงใยกัน เริ่มจาก โต้ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) เด็กชาย ม. 6 หน้าตาดี มีแฟนสวยมากจนเพื่อน ๆ และผู้ชายทั้งสยามต้องอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าความสดใสและน่ารักของ "โดนัท" (อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) สำหรับโต้ง เริ่มจะกินไม่ได้เสียแล้ว ในขณะที่ "มิว" (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล)เด็กชายวัยเดียวกันผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานตั้งแต่อาม่าตายจากไป ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับโจทย์ "เพลงรัก" ที่มิวต้องแต่งให้กับ "วงออกัส"วงดนตรีของตัวเองเพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลง ในเวลาเดียวกับที่ "หญิง" (กัญญา รัตนเพชร์) เพื่อนบ้านของมิวก็คอยเป็นกำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่าง ๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย และแล้ววันหนึ่ง สยาม ก็เป็นที่ที่ทำโต้งและมิวก็ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานานตั้งแต่โต้งย้ายบ้านไปตอนเด็กมิวแนะนำโต้งให้รู้จักกับจูน (พลอย เฌอมาลย์) คนดูแลวงดนตรีของมิวที่หน้าตาเหมือนกับ แตง พี่สาวของโต้งที่หายตัวไปสมัยที่เขายังเด็ก โต้งจึงคิดแผนให้แม่ "สุนีย์" (สินจัย เปล่งพานิช) จ้างจูนปลอมตัวเป็นแตงเพื่อมารักษาอาการติดเหล้าให้กับพ่อ "กร" (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) การเข้ามาของจูนทำให้ครอบครัวโต้งดีขึ้น ในขณะที่เพลงรักของมิวก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
เป็นหนังเกี่ยวกับความรักที่หลายรูปแบบ เรื่องนี้มีทั้งคนที่ชอบก็ชอบไปเลย และคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบไปเลย แต่สําหรับผมถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
6.Snap แค่...ได้คิดถึง (2015)
เรื่องย่อ : Snap บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายมาด้วยกัน โดยทั้งหมดกลับมาเจอกันอีกครั้งในงานเเต่งงานของเพื่อนสองคน ! ที่จัดงานที่โรงเรียนมัธยมของพวกเขา โดยมีบรรยากาศคล้ายวันคืนสู่เหย้า ! ในงานเเต่งงานนี้เองทำให้ ผึ้ง (วรันธร เปานิล) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ้าสาว และ บอย (โทนี่ รากแก่น) ช่างภาพซึ่งจะมาถ่ายภาพงานเเต่งงาน ! ได้กลับมาพบกัน บรรยากาศเก่า ๆ ของโรงเรียน เพลงประจำตัว เเละสิ่งที่ต่าง ๆ ที่ทั้ง ผึ้ง เเละ บอย เคยทำด้วยกันสมัยยังเด็กได้หวนคืนมาอีกครั้ง
เรื่องนี้มีจุดเด่น คือการเล่าเรื่องด้วยภาพที่สวยแบบเรียบๆ ใช้สีที่ให้ภาพดูสว่าง และการจัดองค์ประกอบภาพแนวฮิปเตอร์ โดยเฉพาะในภาพที่ผึ้งถ่าย แถมยังมีข้อความโดนๆ มันเลยยิ่งได้อารมณ์ไปอีกแบบ ซึ่งก็เข้ากับยุคสมัยนี้อย่างพอดิบพอดีที่ทุกคนใช้โซเชียลอยู่ตลอดเวลา เป็นหนังที่ดูง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความหมายต่างๆมากมายที่สามารถเก็บขึ้นไปคิดได้ตลอดทาง
7.กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ (2004)
เรื่องย่อ : "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… เด็กๆในหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้หนีออกจากบ้าน และแอบเข้าไปเที่ยวเล่นในปราสาท ซึ่งมีแม่มดใจร้ายอยู่ เด็กๆถูกนางแม่มดใจร้ายสาปให้เป็นสัตว์ต่างๆ พอดีเจ้าชายเดินทางผ่านมา จึงใช้ดาบวิเศษช่วยเด็กๆ เหล่านั้น ให้พ้นคำสาปของแม่มด แม่มดได้เสกยักษ์ตาเดียวขึ้นมาจากหลุมตรงเข้าต่อสู้กับเจ้าชายอย่างดุเดือด" เรื่องที่เล่าเป็นนิทานที่ "ดำรง" เล่าให้ลูกทั้งสามฟังเสมอฯ แต่ชีวิตของเด็กทั้งสาม ได้พบเหตุการณ์ยิ่งกว่านิทาน เมื่อเด็กๆได้ถูกจับตัวไป
หนังเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ในแง่ของบทภาพยนต์ การผูกเรื่อง การนำเสนอ สามารถดึงดูดคนดูให้ต้องติดตามและตามติดไปกับกลุ่มเด็ก ๆ ทั้งหมด
เด็ก ๆ ทุกคนแสดงได้ดี หนังสามารถสะท้อนปัญหาสังคมได้ดี
8.รักออกแบบไม่ได้ (1998)
เรื่องย่อ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเกี่ยวกับความรักระหว่างเพื่อนในกลุ่ม ทั้งแบบความรักแบบเพื่อน และความรักแบบหนุ่มสาว การพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อน ไปเป็นคนรัก
บทดีมาก รักนักแสดงในเรื่องทุกคน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด มันสื่อถึงการให้ได้อย่างหลากหลายมากๆ เพราะการให้มันมีหลากหลายรูปแบบ มิตรภาพระหว่างเพื่อนที่มีค่า และหนังเรียลและสมจริงมาก เป็นหนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดเช่นกัน
9.แผลเก่า (2014)
เรื่องย่อ : ในปี พ.ศ.2479 ณ ท้องทุ่งบางกะปิ เรื่องราวความรักอมตะของ "ขวัญ" (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) และ "เรียม" (ดาวิกา โฮร์เน่) ได้ก่อกำเนิดขึ้น แต่มันกลับต้องเป็นรักต้องห้ามอันเนื่องมาจากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายคือ "ผู้ใหญ่เขียน" (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) พ่อของขวัญและ "กำนันเรือง" (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) พ่อของเรียมที่มีเรื่องบาดหมางไม่ถูกกันมาแต่ครั้งอดีต ทั้งคู่จึงตั้งตนเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด และสั่งห้ามคนในครอบครัวเข้าไปข้องแวะกับแต่ละฝ่ายอย่างเด็ดขาด แม้จะมีข้อห้ามของครอบครัวเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งคู่ลดน้อยลง ขวัญและเรียมยังคงแอบนัดพบกันเสมอ จนได้สาบานรักต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทรว่าจะซื่อสัตย์และเป็นรักเดียวของกันและกันตลอดไป นี่ยิ่งทำให้ความรักของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
องค์ประกอบของหนังดีมาก ไล่ตั้งแต่บทหนังที่วางออกมาดีทำให้เรื่องมันสนุกน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง นักแสดงที่คุณภาพคับแก้วกันแทบจะทุกคนเอาอยู่ทั้งเรื่องเลย สถานที่ถ่ายทำที่ทำให้ภาพในเรื่องออกมาสวยทำให้รู้สึกอินไปกับบรรยากาศในเรื่องมากๆ และที่ขาดไม่ได้คือเพลงประกอบในเรื่อง คือเพราะมาก ฉาก แสง สี เสียง ตัวแสดง เพอเฟ็คมาก ถ่ายทอดให้เด็กรุ่นใหม่ได้เห็นการทำนา ปลูกข้าว วิถีชีวิตคนสมัยก่อน
10.ตั้งวง (2013)
เรื่องย่อ : เนื้อเรื่องกล่าวถึงเด็กวัยรุ่น 4 คนที่ประสบปัญหาชีวิต จึงมาบนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจำเป็นต้องมาฝึกฝนรำไทยกับนางรำ เพื่อรำแก้บนตามที่ได้บนบานไว้
ชอบความธรรมดาของตัวละคร ทำให้หนังมันจริงมาก ชอบความจัดเต็มของหนัง ที่ตั้งคำถาม เสียดสี และด่ากันตรงๆ เล่นตั้งแต่ประเด็นเรื่องของรากเหง้าความเป็นไทย รวมถึงประเด็นอื่นๆ อย่างการเมือง ครอบครัว เพศที่3 ค่านิยม อะไรคือความถูกต้อง อะไรคือการเคารพตัวเอง หรือไม่เคารพตัวเอง เป็นหนังที่สะท้อนสังคมและการเมืองได้ดีมากเลยทีเดียว
11.ปู่สมบูรณ์ (2014)
เรื่องย่อ : ปู่สมบูรณ์ เล่าถึงกิจวัตรประจำวันของ คุณปู่สมบูรณ์ ฤกษ์กำยี ที่เฝ้าดูแลย่าละเมียด ภรรยาซึ่งป่วยเป็นโรคไตอย่างไม่ห่าง เรื่องราวได้สะท้อนให้เห็นพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ของสามีต่อภรรยาที่เป็นยิ่งกว่าคู่รัก จนคุณไม่อาจจินตนาการได้
เป็นสารคดีที่ทําได้ดีมากก คือไม่บีบเค้นอารมณ์ดราม่าจนมันกลบประเด็นหลัก เป็นหนังที่ทำให้เราได้ทึ่งกับการกระทำของคนที่ได้สัญญาที่จะเป็นคู่ชีวิตกัน
12.ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (2015)
เรื่องย่อ : ยุ่น (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายวัย 30 คือฟรีแลนซ์มือรีทัชรูปที่งานยุ่งที่สุดในประเทศไทย ความสุขของฟรีแลนซ์อย่างยุ่น นอกจากการได้เห็นงานเต็มปฏิทิน ไม่เว้นวัน เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการแล้ว ก็คืองานเร่ง งานด่วน งานที่ลูกค้าแก้ไม่รู้จบ มันเป็นความท้าทายที่นักรบมืออาชีพแบบเขาต้องทำให้ได้ โดยไม่มัวไปเสียเวลาด่าลูกค้า จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เจ๋ (วิโอเลต วอเทียร์) โปรดิวเซอร์รุ่นน้องจากเอเจนซี่โฆษณา
ถึงจ่ายงานให้เขาทำอย่างสม่ำเสมอ จนเต็มปฏิทินล่วงหน้าไปหลายเดือน ทุกครั้งที่เจ๋โทร.มา ยุ่นจะรู้ว่า ความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
หนังมีการนำเสนอแบบราบเรียบ ดำเนินเรื่องไม่หวือหวา ออกแนวเหงาๆ ภาพรวมเป็นหนังอินเตอร์มากๆ ประสบการณ์ร่วมในบางฉากอาจเชื่อมโยงผู้ชมได้
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นแนวคิดการหาสมดุลของชีวิตที่ คุณสามารถมีความสุขกับการทำงาน ไปพร้อมๆกับมีความสุขในการใช้ชีวิตได้
ต่อกันในคอมเมนท์นะครับ--
ถ้าเพื่อนๆมีหนังไทยดีๆนอกเหนือจากในกระทู้สามารถมาแชร์ได้เลยนะครับ
กระทู้จัดหนัก!!รวมหนังไทยคุณภาพกว่า 35 เรื่อง!!!
1.มหา'ลัย เหมืองแร่ (2005)
เรื่องย่อ : สร้างขึ้นจากเรื่องสั้นที่เขียนต่อเนื่องยาวร้อยกว่าตอน ของอาจินต์ ปัญจพรรค์ เค้าโครงเรื่องเขียนขึ้นจากชีวิตจริงของอาจินต์เองสมัยพ้นจากสภาพนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปีสองเพราะเกรดไม่ถึงเกณฑ์ (Retire) การต้องออกจากการศึกษากระทันหันส่งผลให้อาจินต์ถูกส่งไปหางานที่เหมืองในจังหวัดพังงาอันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
เป็นหนังที่โปรดักชั่นดีมาก ถ่ายภาพดีมาก บทหรือการดำเนินเรื่องก็ดี เป็นหนังที่อิ่มเอมใจ เนื้อเรื่องอบอุ่นและน่าประทับใจ ภาพสวย โทนสีสวย เป็นหนังที่องค์ประกอบดีทุกอย่าง หนังมีความเป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา
2.แฟนฉัน (2003)
เรื่องย่อ : เรื่องราวเกี่ยวกับ ความรักวัยเด็ก ในอดีตแห่งความทรงจำ
เป็นหนังที่เรียกอารมณ์และบรรยากาศเก่า ๆ ในวันวานวัยเด็กของใครหลาย ๆ คน
3.โหมโรง (2004)
เรื่องย่อ : เหตุการณ์เริ่มขึ้นราวพุทธศักราช 2429 ในประเทศสยาม ศร เด็กหนุ่มที่มีความผูกพันกับดนตรีไทยมาตั้งแต่เกิด ได้รับการถ่ายทอดฝีมือในการตีระนาดเอกจาก ครูสิน ผู้ซึ่งเป็นทั้งบิดาและครูสอนดนตรีไทย ผู้มีปมในชีวิต หลังการสูญเสียพี่ชายของศรผู้ซึ่งถูกนักเลงระนาดคู่ปรับฆ่า เป็นเหตุให้ครูสินตัดสินใจหยุดการสอนดนตรีไทยลง ด้วยคำเตือนสติจากหลวงพ่อ ทำให้ครูสินกลับมาสอนดนตรีไทยอีกครั้ง เพื่อไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสและการพัฒนาพรสวรรค์ในการตีระนาดของศร ศรจึงได้รับการถ่ายทอดฝีมือตีระนาดจากบิดา และมีทิว เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือมาตลอดเวลา
เป็นภาพยนตร์ไทยที่อึ้งมาก ฉากดวลระนาดระหว่างศรกับขุนอินทร์ทรงพลังมาก ดูแล้วเผลอกลั้นหายใจไปตอนไหนไม่รู้ มันกดดันและระทึกมาก นึกว่าดูหนังแอ๊คชั่นอยู่ หนังเรื่องนี้ทําให้ภูมิใจในความเป็นไทย
4.15คํ่า เดือน11 (2002)
เรื่องย่อ : เรื่องราวของบั้งไฟพญานาค มหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคนไทยในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพไปกว่าแปดชั่วโมง แต่ที่แห่งนี้ กลับมีสิ่งเร้นลับมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นตรงกันทุกปี ในคืนวันออกพรรษา บั้งไฟพญานาค ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลก และยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่า บั้งไฟพญานาค เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเป็นพุทธบูชาของพญานาค จริงตามความเชื่อ และ ศรัทธาของชาวอีสาน ยังคงเป็นปริศนาที่ท้าทาย และรอคอยการพิสูจน์มาจนทุกวันนี้
ชอบคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้มากเลยครับ นำวิถีชีวิต ทัศนคติ และความเชื่อ ของชาวอิสาน มาสอดแทรกในภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว
และถ่ายทอดออกมาได้อย่างแนบเนียน ทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อในบั้งไฟพญานาคสามารถดูได้ และคิดตาม โดยไม่อคติ
หนังตีความได้สุดยอดมากเลยครับ ขอชื่นชมตอนจบน้ำตาแตกกันทีเดียว กับความเชื่อและแรงศรัทธาของชาวบ้าน
5.รักแห่งสยาม (2007)
เรื่องย่อ : เล่าเรื่องของหลายคู่รักที่โยงใยกัน เริ่มจาก โต้ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) เด็กชาย ม. 6 หน้าตาดี มีแฟนสวยมากจนเพื่อน ๆ และผู้ชายทั้งสยามต้องอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าความสดใสและน่ารักของ "โดนัท" (อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) สำหรับโต้ง เริ่มจะกินไม่ได้เสียแล้ว ในขณะที่ "มิว" (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล)เด็กชายวัยเดียวกันผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานตั้งแต่อาม่าตายจากไป ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับโจทย์ "เพลงรัก" ที่มิวต้องแต่งให้กับ "วงออกัส"วงดนตรีของตัวเองเพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลง ในเวลาเดียวกับที่ "หญิง" (กัญญา รัตนเพชร์) เพื่อนบ้านของมิวก็คอยเป็นกำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่าง ๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย และแล้ววันหนึ่ง สยาม ก็เป็นที่ที่ทำโต้งและมิวก็ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานานตั้งแต่โต้งย้ายบ้านไปตอนเด็กมิวแนะนำโต้งให้รู้จักกับจูน (พลอย เฌอมาลย์) คนดูแลวงดนตรีของมิวที่หน้าตาเหมือนกับ แตง พี่สาวของโต้งที่หายตัวไปสมัยที่เขายังเด็ก โต้งจึงคิดแผนให้แม่ "สุนีย์" (สินจัย เปล่งพานิช) จ้างจูนปลอมตัวเป็นแตงเพื่อมารักษาอาการติดเหล้าให้กับพ่อ "กร" (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) การเข้ามาของจูนทำให้ครอบครัวโต้งดีขึ้น ในขณะที่เพลงรักของมิวก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
เป็นหนังเกี่ยวกับความรักที่หลายรูปแบบ เรื่องนี้มีทั้งคนที่ชอบก็ชอบไปเลย และคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบไปเลย แต่สําหรับผมถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
6.Snap แค่...ได้คิดถึง (2015)
เรื่องย่อ : Snap บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายมาด้วยกัน โดยทั้งหมดกลับมาเจอกันอีกครั้งในงานเเต่งงานของเพื่อนสองคน ! ที่จัดงานที่โรงเรียนมัธยมของพวกเขา โดยมีบรรยากาศคล้ายวันคืนสู่เหย้า ! ในงานเเต่งงานนี้เองทำให้ ผึ้ง (วรันธร เปานิล) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ้าสาว และ บอย (โทนี่ รากแก่น) ช่างภาพซึ่งจะมาถ่ายภาพงานเเต่งงาน ! ได้กลับมาพบกัน บรรยากาศเก่า ๆ ของโรงเรียน เพลงประจำตัว เเละสิ่งที่ต่าง ๆ ที่ทั้ง ผึ้ง เเละ บอย เคยทำด้วยกันสมัยยังเด็กได้หวนคืนมาอีกครั้ง
เรื่องนี้มีจุดเด่น คือการเล่าเรื่องด้วยภาพที่สวยแบบเรียบๆ ใช้สีที่ให้ภาพดูสว่าง และการจัดองค์ประกอบภาพแนวฮิปเตอร์ โดยเฉพาะในภาพที่ผึ้งถ่าย แถมยังมีข้อความโดนๆ มันเลยยิ่งได้อารมณ์ไปอีกแบบ ซึ่งก็เข้ากับยุคสมัยนี้อย่างพอดิบพอดีที่ทุกคนใช้โซเชียลอยู่ตลอดเวลา เป็นหนังที่ดูง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความหมายต่างๆมากมายที่สามารถเก็บขึ้นไปคิดได้ตลอดทาง
7.กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ (2004)
เรื่องย่อ : "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… เด็กๆในหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้หนีออกจากบ้าน และแอบเข้าไปเที่ยวเล่นในปราสาท ซึ่งมีแม่มดใจร้ายอยู่ เด็กๆถูกนางแม่มดใจร้ายสาปให้เป็นสัตว์ต่างๆ พอดีเจ้าชายเดินทางผ่านมา จึงใช้ดาบวิเศษช่วยเด็กๆ เหล่านั้น ให้พ้นคำสาปของแม่มด แม่มดได้เสกยักษ์ตาเดียวขึ้นมาจากหลุมตรงเข้าต่อสู้กับเจ้าชายอย่างดุเดือด" เรื่องที่เล่าเป็นนิทานที่ "ดำรง" เล่าให้ลูกทั้งสามฟังเสมอฯ แต่ชีวิตของเด็กทั้งสาม ได้พบเหตุการณ์ยิ่งกว่านิทาน เมื่อเด็กๆได้ถูกจับตัวไป
หนังเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ในแง่ของบทภาพยนต์ การผูกเรื่อง การนำเสนอ สามารถดึงดูดคนดูให้ต้องติดตามและตามติดไปกับกลุ่มเด็ก ๆ ทั้งหมด
เด็ก ๆ ทุกคนแสดงได้ดี หนังสามารถสะท้อนปัญหาสังคมได้ดี
8.รักออกแบบไม่ได้ (1998)
เรื่องย่อ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเกี่ยวกับความรักระหว่างเพื่อนในกลุ่ม ทั้งแบบความรักแบบเพื่อน และความรักแบบหนุ่มสาว การพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อน ไปเป็นคนรัก
บทดีมาก รักนักแสดงในเรื่องทุกคน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด มันสื่อถึงการให้ได้อย่างหลากหลายมากๆ เพราะการให้มันมีหลากหลายรูปแบบ มิตรภาพระหว่างเพื่อนที่มีค่า และหนังเรียลและสมจริงมาก เป็นหนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดเช่นกัน
9.แผลเก่า (2014)
เรื่องย่อ : ในปี พ.ศ.2479 ณ ท้องทุ่งบางกะปิ เรื่องราวความรักอมตะของ "ขวัญ" (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) และ "เรียม" (ดาวิกา โฮร์เน่) ได้ก่อกำเนิดขึ้น แต่มันกลับต้องเป็นรักต้องห้ามอันเนื่องมาจากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายคือ "ผู้ใหญ่เขียน" (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) พ่อของขวัญและ "กำนันเรือง" (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) พ่อของเรียมที่มีเรื่องบาดหมางไม่ถูกกันมาแต่ครั้งอดีต ทั้งคู่จึงตั้งตนเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด และสั่งห้ามคนในครอบครัวเข้าไปข้องแวะกับแต่ละฝ่ายอย่างเด็ดขาด แม้จะมีข้อห้ามของครอบครัวเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งคู่ลดน้อยลง ขวัญและเรียมยังคงแอบนัดพบกันเสมอ จนได้สาบานรักต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทรว่าจะซื่อสัตย์และเป็นรักเดียวของกันและกันตลอดไป นี่ยิ่งทำให้ความรักของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
องค์ประกอบของหนังดีมาก ไล่ตั้งแต่บทหนังที่วางออกมาดีทำให้เรื่องมันสนุกน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง นักแสดงที่คุณภาพคับแก้วกันแทบจะทุกคนเอาอยู่ทั้งเรื่องเลย สถานที่ถ่ายทำที่ทำให้ภาพในเรื่องออกมาสวยทำให้รู้สึกอินไปกับบรรยากาศในเรื่องมากๆ และที่ขาดไม่ได้คือเพลงประกอบในเรื่อง คือเพราะมาก ฉาก แสง สี เสียง ตัวแสดง เพอเฟ็คมาก ถ่ายทอดให้เด็กรุ่นใหม่ได้เห็นการทำนา ปลูกข้าว วิถีชีวิตคนสมัยก่อน
10.ตั้งวง (2013)
เรื่องย่อ : เนื้อเรื่องกล่าวถึงเด็กวัยรุ่น 4 คนที่ประสบปัญหาชีวิต จึงมาบนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจำเป็นต้องมาฝึกฝนรำไทยกับนางรำ เพื่อรำแก้บนตามที่ได้บนบานไว้
ชอบความธรรมดาของตัวละคร ทำให้หนังมันจริงมาก ชอบความจัดเต็มของหนัง ที่ตั้งคำถาม เสียดสี และด่ากันตรงๆ เล่นตั้งแต่ประเด็นเรื่องของรากเหง้าความเป็นไทย รวมถึงประเด็นอื่นๆ อย่างการเมือง ครอบครัว เพศที่3 ค่านิยม อะไรคือความถูกต้อง อะไรคือการเคารพตัวเอง หรือไม่เคารพตัวเอง เป็นหนังที่สะท้อนสังคมและการเมืองได้ดีมากเลยทีเดียว
11.ปู่สมบูรณ์ (2014)
เรื่องย่อ : ปู่สมบูรณ์ เล่าถึงกิจวัตรประจำวันของ คุณปู่สมบูรณ์ ฤกษ์กำยี ที่เฝ้าดูแลย่าละเมียด ภรรยาซึ่งป่วยเป็นโรคไตอย่างไม่ห่าง เรื่องราวได้สะท้อนให้เห็นพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ของสามีต่อภรรยาที่เป็นยิ่งกว่าคู่รัก จนคุณไม่อาจจินตนาการได้
เป็นสารคดีที่ทําได้ดีมากก คือไม่บีบเค้นอารมณ์ดราม่าจนมันกลบประเด็นหลัก เป็นหนังที่ทำให้เราได้ทึ่งกับการกระทำของคนที่ได้สัญญาที่จะเป็นคู่ชีวิตกัน
12.ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (2015)
เรื่องย่อ : ยุ่น (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายวัย 30 คือฟรีแลนซ์มือรีทัชรูปที่งานยุ่งที่สุดในประเทศไทย ความสุขของฟรีแลนซ์อย่างยุ่น นอกจากการได้เห็นงานเต็มปฏิทิน ไม่เว้นวัน เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการแล้ว ก็คืองานเร่ง งานด่วน งานที่ลูกค้าแก้ไม่รู้จบ มันเป็นความท้าทายที่นักรบมืออาชีพแบบเขาต้องทำให้ได้ โดยไม่มัวไปเสียเวลาด่าลูกค้า จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เจ๋ (วิโอเลต วอเทียร์) โปรดิวเซอร์รุ่นน้องจากเอเจนซี่โฆษณา
ถึงจ่ายงานให้เขาทำอย่างสม่ำเสมอ จนเต็มปฏิทินล่วงหน้าไปหลายเดือน ทุกครั้งที่เจ๋โทร.มา ยุ่นจะรู้ว่า ความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
หนังมีการนำเสนอแบบราบเรียบ ดำเนินเรื่องไม่หวือหวา ออกแนวเหงาๆ ภาพรวมเป็นหนังอินเตอร์มากๆ ประสบการณ์ร่วมในบางฉากอาจเชื่อมโยงผู้ชมได้
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นแนวคิดการหาสมดุลของชีวิตที่ คุณสามารถมีความสุขกับการทำงาน ไปพร้อมๆกับมีความสุขในการใช้ชีวิตได้
ต่อกันในคอมเมนท์นะครับ--
ถ้าเพื่อนๆมีหนังไทยดีๆนอกเหนือจากในกระทู้สามารถมาแชร์ได้เลยนะครับ