[หนังโรงเรื่องที่ 173] Live by Night - เกือบ หลับ ใส่ ; (Ben Affleck, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B+ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวการไต่เต้าในวงการมาเฟียอเมริกันของคนหนุ่มไฟแรง "โจ คัฟลิน" (Ben Affleck) ที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของรัฐฟลอริด้า และในขณะเดียวกันเขาก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจาก 'เกมชิงอำนาจ' ของบรรดาเจ้าพ่อที่ต้องจ่ายเป็นราคาชีวิตเช่นกัน
ต้องยอมรับจริงๆว่าตาเบ็นนี่เขาก็มีสไตล์หนังของตัวเองที่ชัดเจนจริงๆ ตั้งแต่ผลงานสร้างชื่อทั้งสองเรื่องอย่าง The Town และ Argo นั้นก็จะมีจุดร่วมที่คล้ายๆกัน ก็คือ 'ความเอื่อย' ในสไตล์การเล่าเรื่องที่จะไม่ค่อยหวือหวาหรือมีไคลแม็กซ์อะไรเท่าไหร่ แต่จะเน้นไปที่ไดอะล็อกและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ดูใกล้ตัวจนสัมผัสได้ (โดยเฉพาะ The Town) ซึ่งมาในผลงานล่าสุดที่ถ่ายทอดถึงยุค "อเมริกัน แก๊งสเตอร์" ในยุคที่เกิดการ "แบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" (Prohibition) ในช่วงปี 1920-1933 ซึ่งเพื่อที่คนดูจะได้เข้าใจบริบทสังคมในหนังได้เต็มที่ ผู้เขียนจะขอขยายความให้ทราบคร่าวๆดังนี้
"การแบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" (Prohibition) มีจุดเริ่มต้นจากการณรงค์ให้สุราเป็นสิ่งผิดกฏหมายโดยเชื่อมโยงกับประเด็นทางศาสนา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือศาสนาคริสต์โปรเตสแตนท์อันมีสถานะทางเศรษฐกิจสังคมดียุคนั้น ประเด็นรณรงค์ล้วนคุ้นหู เช่น กำจัดความรุนแรงในครอบครัว ปกป้องผู้หญิง ลดอาชญากรรม ลดความยากจน บลาๆๆ โดยไม่สนใจว่าไปจำกัดสิทธิของคริสต์นิกายอื่นที่อพยพเข้ามาในอเมริกา เช่นอิตาเลียน ไอร์ริช เยอรมัน ... ตลอดเวลา 13 ปีธุรกิจใต้ดินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งเบ่งบาน เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลต่างผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดจากธุรกิจใต้ดินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการทุจริตคอรัปชั่นทุกหย่อมหญ้า รวมไปถึงการติดสินบนเจ้าหน้าที่ แม้แต่เจ้าพ่อชื่อดังตลอดกาลอย่าง "อัล คาโปน" ก็ลุสู่อำนาจจากธุรกิจนี้เช่นกัน
.
..
ส่วนตัวคิดว่าหนังมันยังไม่ให้กลิ่นของความเป็น "หนังเจ้าพ่อ" มากซักเท่าไหร่ ทั้งการเฉือนคมหรือการประชันอำนาจกันต่างก็ถูกออกแบบมาในลักษณะ 'ขำๆ' เสียมากกว่า โดยหนังเหมือนจะเน้นโฟกัสไปทุกจุดทั้งความรู้สึกของตัวละคร, ศีลธรรม, ความรัก, แวดวงชีวิตเจ้าพ่อ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้มันไปไม่ค่อยสุดซักทางเท่าไหร่
หนังมีสอดแทรกประเด็นการเหยียดชาติพันธุ์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้นด้วย ทั้งกลุ่ม Ku Klux Kan และการเหยียดเหล่าคริสเตียนคาโธลิคเข้ามาเป็นท็อปปิ้งเติมแต่งรสชาดบ้าง
ฉากดวลปืนก็มีบ้างประปราย แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังสไตล์เจ้าพ่อมันจะเน้นไปที่ "การเจรจา" มากกว่า (ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ยิงโป้งเดียวจบ) ซึ่งก็น่าเสียดายถ้ามันวางโทนออกมาให้ตึงเครียด-หนักกว่านี้ ฉากเผชิญหน้าหลายๆอันมันจะน่าสนใจขึ้นเยอะ
เบ็น เอ็ฟเฟลคก็ยังคงเป็นเบ็นคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มาพร้อมหน้าบึ้งบูดเป็นเอกลักษณ์ ก็นับว่าเป็นบทที่เข้าทางเขาแล้วล่ะกับการเป็น 'ผู้มีอิทธิพลผู้เคร่งขรึม' ถ้าไม่นับในแง่ตัวละครที่มันแบนราบไปหน่อยก็นะ
เอลล์ แฟนนิ่งแย่งซีนได้อย่างทรงพลังในฐานะตัวละครเสริม นี่ถ้าไม่บอกนี่จะไม่รู้เลยว่าเรื่องราวของเธอเป็นแค่ sub-story ของเรื่องเฉยๆนะเนี่ย คือต้องยอมจริงๆว่านางเอาซีนของตัวเองอยู่มาก
... นี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งรีวิวที่ไม่รู้จะเขียนอะไร คือหนังมันมีความเนิบนาบในตัวเองสูงมาก แล้วก็เป็นการเล่าเรื่องกว้างๆที่ไม่ได้โฟกัสไปที่ส่วนไหนเป็นพิเศษ มันเลยออกมาเป็นความรู้สึก "เฉยๆ" ที่ไม่รู้จะบรรยายยังไง สรุปแล้วทั้งเรื่องชอบอยู่ไอเดียเดียวคือวลีของเมียพระเอกที่ว่า "ท้ายที่สุดแล้ว จะเป็นเบี้ยหรือขุน ก็ต้องจบลงที่กล่องเดียวกันอยู่ดี" .. ซึ่งนั่นอาจจะเป็นหลักใหญ่ใจความทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เลยมั้ง?
เอาเป็นว่าถ้าใครไม่อยากดูทริปเปิ้ลเอ็กซ์ก็มาอุดหนุนเฮียเบ็นได้ละกัน
ตั๋วหนังเกือบจะแพงแล้วเนี่ย.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[Movie Review] Live by Night - เกือบ หลับ ใส่ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 173] Live by Night - เกือบ หลับ ใส่ ; (Ben Affleck, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B+ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวการไต่เต้าในวงการมาเฟียอเมริกันของคนหนุ่มไฟแรง "โจ คัฟลิน" (Ben Affleck) ที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของรัฐฟลอริด้า และในขณะเดียวกันเขาก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจาก 'เกมชิงอำนาจ' ของบรรดาเจ้าพ่อที่ต้องจ่ายเป็นราคาชีวิตเช่นกัน
ต้องยอมรับจริงๆว่าตาเบ็นนี่เขาก็มีสไตล์หนังของตัวเองที่ชัดเจนจริงๆ ตั้งแต่ผลงานสร้างชื่อทั้งสองเรื่องอย่าง The Town และ Argo นั้นก็จะมีจุดร่วมที่คล้ายๆกัน ก็คือ 'ความเอื่อย' ในสไตล์การเล่าเรื่องที่จะไม่ค่อยหวือหวาหรือมีไคลแม็กซ์อะไรเท่าไหร่ แต่จะเน้นไปที่ไดอะล็อกและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ดูใกล้ตัวจนสัมผัสได้ (โดยเฉพาะ The Town) ซึ่งมาในผลงานล่าสุดที่ถ่ายทอดถึงยุค "อเมริกัน แก๊งสเตอร์" ในยุคที่เกิดการ "แบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" (Prohibition) ในช่วงปี 1920-1933 ซึ่งเพื่อที่คนดูจะได้เข้าใจบริบทสังคมในหนังได้เต็มที่ ผู้เขียนจะขอขยายความให้ทราบคร่าวๆดังนี้
..
ส่วนตัวคิดว่าหนังมันยังไม่ให้กลิ่นของความเป็น "หนังเจ้าพ่อ" มากซักเท่าไหร่ ทั้งการเฉือนคมหรือการประชันอำนาจกันต่างก็ถูกออกแบบมาในลักษณะ 'ขำๆ' เสียมากกว่า โดยหนังเหมือนจะเน้นโฟกัสไปทุกจุดทั้งความรู้สึกของตัวละคร, ศีลธรรม, ความรัก, แวดวงชีวิตเจ้าพ่อ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้มันไปไม่ค่อยสุดซักทางเท่าไหร่
หนังมีสอดแทรกประเด็นการเหยียดชาติพันธุ์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้นด้วย ทั้งกลุ่ม Ku Klux Kan และการเหยียดเหล่าคริสเตียนคาโธลิคเข้ามาเป็นท็อปปิ้งเติมแต่งรสชาดบ้าง
ฉากดวลปืนก็มีบ้างประปราย แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังสไตล์เจ้าพ่อมันจะเน้นไปที่ "การเจรจา" มากกว่า (ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ยิงโป้งเดียวจบ) ซึ่งก็น่าเสียดายถ้ามันวางโทนออกมาให้ตึงเครียด-หนักกว่านี้ ฉากเผชิญหน้าหลายๆอันมันจะน่าสนใจขึ้นเยอะ
เบ็น เอ็ฟเฟลคก็ยังคงเป็นเบ็นคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มาพร้อมหน้าบึ้งบูดเป็นเอกลักษณ์ ก็นับว่าเป็นบทที่เข้าทางเขาแล้วล่ะกับการเป็น 'ผู้มีอิทธิพลผู้เคร่งขรึม' ถ้าไม่นับในแง่ตัวละครที่มันแบนราบไปหน่อยก็นะ
เอลล์ แฟนนิ่งแย่งซีนได้อย่างทรงพลังในฐานะตัวละครเสริม นี่ถ้าไม่บอกนี่จะไม่รู้เลยว่าเรื่องราวของเธอเป็นแค่ sub-story ของเรื่องเฉยๆนะเนี่ย คือต้องยอมจริงๆว่านางเอาซีนของตัวเองอยู่มาก
... นี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งรีวิวที่ไม่รู้จะเขียนอะไร คือหนังมันมีความเนิบนาบในตัวเองสูงมาก แล้วก็เป็นการเล่าเรื่องกว้างๆที่ไม่ได้โฟกัสไปที่ส่วนไหนเป็นพิเศษ มันเลยออกมาเป็นความรู้สึก "เฉยๆ" ที่ไม่รู้จะบรรยายยังไง สรุปแล้วทั้งเรื่องชอบอยู่ไอเดียเดียวคือวลีของเมียพระเอกที่ว่า "ท้ายที่สุดแล้ว จะเป็นเบี้ยหรือขุน ก็ต้องจบลงที่กล่องเดียวกันอยู่ดี" .. ซึ่งนั่นอาจจะเป็นหลักใหญ่ใจความทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เลยมั้ง?
เอาเป็นว่าถ้าใครไม่อยากดูทริปเปิ้ลเอ็กซ์ก็มาอุดหนุนเฮียเบ็นได้ละกัน
ตั๋วหนังเกือบจะแพงแล้วเนี่ย.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้