สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 44
หนังไทยมันไม่สุดสักอย่าง
- สาระ หรือพวกหนังอัตชีวประวัติ นี่ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่
- ดราม่า ไม่ซึ้งไม่สุด ไม่ขยี้
- แอ๊คชั่น เงียบหายไปเลยแทบหาไม่ได้
- CG ...........................................
- ตลก ยังคงเป็นคำหยาบบ้าง วนเวียนอยู่กับมุกตลกคาเฟ่ น่าแปลกว่า ตอนดู Civil War ทำไมขำกะมุกตลกหน้านิ่งๆ ที่ไม่มีคำหยาบ แต่ขำมากๆอ่ะหัวเราะแทบเป็นแทบตาย
- ผี/สยองขวัญ อืม......อันเก่าๆ ทำไว้ดีเกินไป พอดูเรื่องใหม่แล้วคอยแต่จะเอาเปรียบเทียบกับเรื่องเดิมๆ
ไม่ได้ทิ้งหนังไทย แต่หนังไม่ได้มีจุดขายที่หนักแน่นมากพอที่จะดึงดูดให้คนเข้าไปดู และตัวหนังเองก็ไม่ได้ดีมากจนต้องออกมาชักชวนให้คนอื่นไปดูครับ
หนังไทยเรื่องสุดท้ายที่ไปดูในโรง คือ ลัดดาแลนด์ (คือออกมาจากโรงนี่ มือสั่นๆโทรบอกเพื่อนให้รีบมาดูเลย)
หนังที่ย้อนเอาแผ่นมาดูไม่รู้เบื่อหลังจากที่ไปดูโรงมาแล้ว(ชอบโดยส่วนตัว)
โหมโรง, ชัตเตอร์, มหาลัยเหมืองแร่(เรื่องนี้พลาดไม่ได้ไปดูในโรง), 2499อันธพาลครองเมือง, 13เกมสยอง(คุณน้อยวงพรู), ลัดดาแลนด์, the letter, แฟนฉัน, รถไฟฟ้าฯ, ATM เออรักเออเร่อ, เนรศวร 1-3
ความรู้สึกส่วนตัวคือ เราอายุก็มากแล้ว ดูหนังมาก็เยอะแยะ แต่กลับมีหนังไทยที่ ชอบมากๆอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง ในขณะที่หนังฝรั่ง ที่ชอบมากๆ นี่มีเยอะแยะ หลายสิบเรื่อง หลายประเภทด้วย
คำถาม หนังไทยสู้หนังฝรั่งไม่ได้หรือ เพราะต้นทุนน้อยกว่าหรือ
- มันคือความไม่หนักแน่นในเนื้อหา หรือไม่หนักแน่นในบท หรือไม่หนักแน่นในจุดขายของหนังไทยแต่ละเรื่องมากกว่า เช่น ทำไม โหมโรงถึงตรึงเราอยู่ติดเก้าอี้จนจบเรื่อง ตอนผีเสื้อบินนี่น้ำตาผมไหลเลย แต่กับหนังบางเรื่อง กลับรู้สึกถึงความกลวง หรืออ่อนยวบในหนัง แม้ว่าจะพยายามยัดเยียดดราม่าลงไปแต่มันก็ไม่สุด
เราหมดใจกับหนังไทยจริงหรือ----ไม่ครับ เพียงแต่เรารอ หนังไทยบางเรื่อง ที่จะทำให้เราชื่นชอบ และกลับไปดูหนังไทยอย่างมีความสุขอีกครั้งครับ
หนัง/ภาพยนต์ สร้างมาเพื่อให้ความสุขผู้ชม
อย่าใช้คำว่า "หนังไทย" แล้วบีบให้คนไทยไปนั่งดู เพื่อรักษามันครับ
ต้องปรับตัว ต้องสร้างสิ่งที่มีคุณภาพ ต้องพัฒนา ถ้าย่ำอยู่กับที่ ถ้าทำไม่ได้แล้วรอแต่จะร้องขอจากผู้ชม หนังไม่ใช่มูลนิธิครับ
หากจะต้องถูกลืมเลือน ลบหายไป คงเหมาะสมครับ
ปล.ผมให้ความเห็นในฐานะผู้ที่ดูหนัง และความรู้สึกที่มีต่อหนังเมื่อได้ดูครับ
ผมไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับการทำหนังเลยครับ(ดังนั้นผมจะไม่เอ่ยถึงคำว่า "คุณภาพหนัง"นะครับ) ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
"ยังคงรอหนังไทยดีๆอยู่เสมอ"
- สาระ หรือพวกหนังอัตชีวประวัติ นี่ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่
- ดราม่า ไม่ซึ้งไม่สุด ไม่ขยี้
- แอ๊คชั่น เงียบหายไปเลยแทบหาไม่ได้
- CG ...........................................
- ตลก ยังคงเป็นคำหยาบบ้าง วนเวียนอยู่กับมุกตลกคาเฟ่ น่าแปลกว่า ตอนดู Civil War ทำไมขำกะมุกตลกหน้านิ่งๆ ที่ไม่มีคำหยาบ แต่ขำมากๆอ่ะหัวเราะแทบเป็นแทบตาย
- ผี/สยองขวัญ อืม......อันเก่าๆ ทำไว้ดีเกินไป พอดูเรื่องใหม่แล้วคอยแต่จะเอาเปรียบเทียบกับเรื่องเดิมๆ
ไม่ได้ทิ้งหนังไทย แต่หนังไม่ได้มีจุดขายที่หนักแน่นมากพอที่จะดึงดูดให้คนเข้าไปดู และตัวหนังเองก็ไม่ได้ดีมากจนต้องออกมาชักชวนให้คนอื่นไปดูครับ
หนังไทยเรื่องสุดท้ายที่ไปดูในโรง คือ ลัดดาแลนด์ (คือออกมาจากโรงนี่ มือสั่นๆโทรบอกเพื่อนให้รีบมาดูเลย)
หนังที่ย้อนเอาแผ่นมาดูไม่รู้เบื่อหลังจากที่ไปดูโรงมาแล้ว(ชอบโดยส่วนตัว)
โหมโรง, ชัตเตอร์, มหาลัยเหมืองแร่(เรื่องนี้พลาดไม่ได้ไปดูในโรง), 2499อันธพาลครองเมือง, 13เกมสยอง(คุณน้อยวงพรู), ลัดดาแลนด์, the letter, แฟนฉัน, รถไฟฟ้าฯ, ATM เออรักเออเร่อ, เนรศวร 1-3
ความรู้สึกส่วนตัวคือ เราอายุก็มากแล้ว ดูหนังมาก็เยอะแยะ แต่กลับมีหนังไทยที่ ชอบมากๆอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง ในขณะที่หนังฝรั่ง ที่ชอบมากๆ นี่มีเยอะแยะ หลายสิบเรื่อง หลายประเภทด้วย
คำถาม หนังไทยสู้หนังฝรั่งไม่ได้หรือ เพราะต้นทุนน้อยกว่าหรือ
- มันคือความไม่หนักแน่นในเนื้อหา หรือไม่หนักแน่นในบท หรือไม่หนักแน่นในจุดขายของหนังไทยแต่ละเรื่องมากกว่า เช่น ทำไม โหมโรงถึงตรึงเราอยู่ติดเก้าอี้จนจบเรื่อง ตอนผีเสื้อบินนี่น้ำตาผมไหลเลย แต่กับหนังบางเรื่อง กลับรู้สึกถึงความกลวง หรืออ่อนยวบในหนัง แม้ว่าจะพยายามยัดเยียดดราม่าลงไปแต่มันก็ไม่สุด
เราหมดใจกับหนังไทยจริงหรือ----ไม่ครับ เพียงแต่เรารอ หนังไทยบางเรื่อง ที่จะทำให้เราชื่นชอบ และกลับไปดูหนังไทยอย่างมีความสุขอีกครั้งครับ
หนัง/ภาพยนต์ สร้างมาเพื่อให้ความสุขผู้ชม
อย่าใช้คำว่า "หนังไทย" แล้วบีบให้คนไทยไปนั่งดู เพื่อรักษามันครับ
ต้องปรับตัว ต้องสร้างสิ่งที่มีคุณภาพ ต้องพัฒนา ถ้าย่ำอยู่กับที่ ถ้าทำไม่ได้แล้วรอแต่จะร้องขอจากผู้ชม หนังไม่ใช่มูลนิธิครับ
หากจะต้องถูกลืมเลือน ลบหายไป คงเหมาะสมครับ
ปล.ผมให้ความเห็นในฐานะผู้ที่ดูหนัง และความรู้สึกที่มีต่อหนังเมื่อได้ดูครับ
ผมไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับการทำหนังเลยครับ(ดังนั้นผมจะไม่เอ่ยถึงคำว่า "คุณภาพหนัง"นะครับ) ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
"ยังคงรอหนังไทยดีๆอยู่เสมอ"
แสดงความคิดเห็น
หนังไทยหมดมุก หรือคนไทยหมดใจ?
นี่คงเป็นคำถามที่หลายๆ คนที่วนเวียนอยู่กับโรงภาพยนตร์คงเคยคิดหาคำตอบมากันทั้งนั้น
เพราะเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์ไทยทั้งดีและไม่ดีหลายเรื่อง วนเวียนเข้าโรงกันไม่ขาดสาย
นับตั้งแต่ช่วงต้นปี "หลวงพี่แจ๊ส 4 จี" สร้างปรากฏการณ์หนังโดนด่าแต่ทำเงินมหาศาลอีกครั้ง นายทุนออกจะไว้ให้ พจน์ อานนท์ สร้างผลงานต่อเนื่องอย่างไม่แคร์สื่อ แม้ว่าเรื่องต่อมาอย่าง "ป๊าด888" จะโดนกระแสซัดหนักหน่วงอยู่ไม่น้อย
กลางปีมีหนังรักฟรุ้งฟริ้งสดใสดีต่อใจวัยรุ่นอย่าง "แฟนเดย์" ค่ายใหม่แต่ชำนาญเกมอย่าง GDH 559 ก็ไปถึงฝั่งฝันได้แบบชิวๆ เพราะได้มิว-เต๋อ มาเป็นแม่เหล็กดูดผู้ชมได้อย่างดี พร้อมกับพล็อตเรื่องชวนติดตาม
แต่พอมาปลายปีเท่านั้นแหละ เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด (ฮ่าๆ)
เพราะหนังที่ฟอร์มดี เสียงวิจารณ์ดีเว่อร์ๆ อย่าง 20 ใหม่ ยูเทิร์นวัยหัวใจรีเทิร์น กลับก้าวขาไม่ออก ทำรายได้รวมไปแค่ 23 ล้านนิดๆ สวนทางกับตัวเลขการลงทุนและลงโฆษณาที่มหาศาล
ยิ่งมาเข้าเดือนสุดท้ายของปี ทั้งค่ายหลักและค่ายทางเลือกก็พากันปล่อยของออกมาใหญ่
"พรจากฟ้า" เอาเรื่องของเพลงพระราชนิพนธ์มาใช้เป็นแกนโปรโมท แต่ผลสะท้อนออกมาให้เห็นเป็นรายได้วันแรกว่าทางนี้ไม่ได้ผล
เลยต้องกลับลำ ตัด Trailer ใหม่ เรียงลำดับการเล่าเรื่องใหม่ออกมาแก้เกมแทบไม่ทัน
สุดท้ายก็ยื้อเอาไว้ได้จนจบที่เลขเกิอบๆ 50 ล้าน
ตรงกันข้ามกับหนังทางเลือกอย่าง "ปั๊มน้ำมัน" ที่เสียงวิจารณ์จากเพจชื่อดังทั้งหลายบอกว่าดีและน่าติดตามสุด แต่จนถึงวันนี้ รายได้รวมยังอยู่แค่ประมาณ 2 แสนบาทเท่านั้น
ส่วนเรื่องสุดท้ายปลายปีต้องบอกว่าไม่ผิดความคาดหวังมากนัก "จำเนียรวิเวียนโตมร" แป้กตามที่หลายๆ สำนักคาดการณ์ไว้ น่าจะปิดได้ไม่เกิน 20 ล้าน ทั้งที่มี 3 ดาราแม่เหล็กมารวมตัวกันในเรื่อง
มาจนถึงตรงนี้ คำถามของผมก็คือ "ที่ผ่านมาหนังไทยเดินไม่ไปไหน หรือ คนไทยไม่มีแก่ใจจะไปชมหนังฝีมือคนบ้านเดียวกันอีกแล้ว?"
เพราะเท่าที่ดูสถิติมา ไม่ว่าจะปิดยอดรายได้ที่เท่าไหร่ สิ่งที่หนังไทยทุกเรื่องเผชิญเหมือนกันก็คือ รายได้วันแรกแทบไม่กระดิก
นั่นกำลังแสดงให้เราเห็นกันหรือเปล่าว่า คนไทยหมดใจ ไม่เปิดโอกาสที่จะเข้าไปชมด้วยซ้ำ บางคนยังไม่เคยดูหนังตัวอย่างก็อาจจะตัดสินไปแล้ว
"ไม่ดูหนังไทย"
ในปี 2560 นี้ ต่อเนื่องจาก School Tales หรือ "เรื่องผีมีอยู่ว่า" ที่ไม่ประสบความสำเร็จในแง่รายได้มากนัก ก็เห็นจะมี "มิสเตอร์เฮิร์ท" ที่ได้เจ้าเก่าอย่างเฮียซันนี่มาดึงกระแส / "the moment" ที่ดูแล้วก็ยังเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวามากมายให้ตื่นเต้น / "ทองดีฟันขาว" ที่ดูตัวอย่างแล้วน่าดูอยู่ไม่น้อย / "มือปราบสัมภเวสี" ที่เปิดตัวมาดูน่าสนใจ กับจุดเด่นการเป็นหนังผีไทยที่ถ่ายทำแบบ found footage เรื่องแรก ที่เรียงคิวกันมาให้ผู้ชมตัดสินใจเลือกว่าจะไปดูกันมั้ย? หรือจะปล่อยให้คนทำหนังหมดใจไปด้วยเลยดี?
ปล. ผมไม่ได้มาตัดสินอะไร แค่ลองประมวลสถานการณ์คร่าวๆ แล้วฝากคำถามในใจไว้ให้เพื่อนๆ คิดหาคำตอบกัน