บรรดาผู้หญิงหลากหลายอาชีพและวัยพากันออกมาประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ทั้งในสหรัฐ และอีกหลายเมืองทั่วโลก
ผู้หญิงจำนวนมากพากันหลั่งไหลเข้ามาในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อเดินขบวนประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ในสหรัฐเท่านั้น แต่ในหลายเมืองของยุโรป, แอฟริกา และเอเชียเองพี่น้องสตรีก็พากันลุกขึ้นมาแสดงความเป็นปึกแผ่นครั้งนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ในนครซิดนีย์, กรุงลอนดอน, กรุงโตเกียว หรือกรุงปารีสเป็นต้น
การประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45
บรรดาผู้ประท้วงแสดงความไม่พอใจในหลายเหตุผลที่มีต่อตัวประธานาธิบดีคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการจัดการกับผู้อพยพของทรัมป์, การยกเลิกประกันสุขภาพโอบามา, การเหยียดศาสนา และเชื้อชาติ ตลอดจนการแสดงออกของทรัมป์ที่มีท่าทีดูถูกผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเธอกล่าวว่า การประท้วงครั้งนี้มีขึ้นเพื่อแสดงพลังความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้หญิง เนื่องจากความกังวลว่าสิทธิผู้หญิงอาจถูกริดลอนในอนาคต ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีทรัมป์
ภาพ และวิดีโอของการเดินขบวนประท้วงอย่างสันติถูกเผยแพร่ไปทั่วตามสื่อออนไลน์ ในจำนวนนี้มีคนดังหลายคนเข้าร่วมการประท้วงด้วยเช่น มาดอนน่า, อลิเซีย คีย์, จาแนล์ โมนี่ และเคธี่ แพรรี่ นักร้องชื่อดัง
นอกจากนั้นยังมีผู้ชายจำนวนมากที่สนับสนุนสิทธิของผู้หญิงร่วมการประท้วงด้วยเช่นกัน ซึ่งบรรดาผู้ประท้วงส่วนใหญ่นัดกันใส่หมวกไหมพรมสีชมพู หรือเครื่องแต่งกายอื่นๆที่เป็นสีชมพู เมื่อมองจากระยะไกลจึงเห็นเป็นคลื่นสีชมพูเนืองแน่นบนถนนของกรุงวอชิงตัน ดีซี ด้วยจำนวนผู้ประท้วงหลายหมื่นคน
ด้านทีมผู้จัดการประท้วงระบุว่าจำนวนผู้เข้าร่วมประท้วง เมื่อรวมกับหลายเมืองแล้ว มีจำนวนมากกว่าผู้คนที่มาร่วมชมพิธีสาบานตนของทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเสียอีก
สำนักข่าว ABC และ The Washington Post รายงานขณะนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีคนใหม่ เป็นประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนความนิยมน้อยที่สุดนัยตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานของทรัมป์ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นโต้ตอบเกี่ยวกับการประท้วงครั้งนี้
และนอกเหนือจากหลายเมืองในสหรัฐแล้ว การประท้วงต่องต้านทรัมป์ โดยบรรดาผู้หญิงนี้ยังเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วโลก ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ในสวีเดน ผู้ประท้วงหลายพันคนเดินขบวนไปยังสถานทูตสหรัฐ เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้หญิงและชาย พร้อมถือป้ายข้อความที่แสดงทัศนะหลากหลายไม่ว่าจะเป็น "ความรักต่างหากที่จะทำให้อเมริกาดีขึ้น ไม่ใช่ความเกลียด" หรือ "ด้วยมือเล็กๆสามารถหยุดยั้งนิวเคลียร์ได้" เป็นต้น
การประท้วงในรูปแบบเดียวกันยังสามารถพบได้ในเมืองหลวงของนอร์เวย์, ฟินแลนด์ และเดนมาร์กอีกด้วย หรือแม้กระทั่งในแอฟริกา ผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนพากันชุมนุมใกรุงไนโรบี ของเคนยา พวกเขาร่วมกันสร้างเวฟมนุษย์ และร้องเพลงอเมริกัน
ที่ออสเตรเลีย ในนครซิดนีย์ ผู้คนราว 3,000 คน ทั้งชายและหญิงมาชุมนุมกันที่สวนสาธารณะ Hyde และเดินขบวนไปยังสถานกงศุลสหรัฐ นอกจากนั้นยังมีรายงานผู้ชุมนุมในแบบเดียวกันกว่า 5,000 คน ในเมืองเมลเบิร์น
ส่วนในเอเชีย ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเอง มีผู้ชุมนุมหลายร้อยคน ออกมาแสดงจุดยืนของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เป็นชาวอเมริกันที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่น
http://m.posttoday.com/world/news/477046?refer=https%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F
ผู้หญิงทั่วโลกลุกขึ้นประท้วง ต้านประธานาธิบดีทรัมป์
บรรดาผู้หญิงหลากหลายอาชีพและวัยพากันออกมาประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ทั้งในสหรัฐ และอีกหลายเมืองทั่วโลก
ผู้หญิงจำนวนมากพากันหลั่งไหลเข้ามาในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อเดินขบวนประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ในสหรัฐเท่านั้น แต่ในหลายเมืองของยุโรป, แอฟริกา และเอเชียเองพี่น้องสตรีก็พากันลุกขึ้นมาแสดงความเป็นปึกแผ่นครั้งนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ในนครซิดนีย์, กรุงลอนดอน, กรุงโตเกียว หรือกรุงปารีสเป็นต้น
การประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45
บรรดาผู้ประท้วงแสดงความไม่พอใจในหลายเหตุผลที่มีต่อตัวประธานาธิบดีคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการจัดการกับผู้อพยพของทรัมป์, การยกเลิกประกันสุขภาพโอบามา, การเหยียดศาสนา และเชื้อชาติ ตลอดจนการแสดงออกของทรัมป์ที่มีท่าทีดูถูกผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเธอกล่าวว่า การประท้วงครั้งนี้มีขึ้นเพื่อแสดงพลังความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้หญิง เนื่องจากความกังวลว่าสิทธิผู้หญิงอาจถูกริดลอนในอนาคต ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีทรัมป์
ภาพ และวิดีโอของการเดินขบวนประท้วงอย่างสันติถูกเผยแพร่ไปทั่วตามสื่อออนไลน์ ในจำนวนนี้มีคนดังหลายคนเข้าร่วมการประท้วงด้วยเช่น มาดอนน่า, อลิเซีย คีย์, จาแนล์ โมนี่ และเคธี่ แพรรี่ นักร้องชื่อดัง
นอกจากนั้นยังมีผู้ชายจำนวนมากที่สนับสนุนสิทธิของผู้หญิงร่วมการประท้วงด้วยเช่นกัน ซึ่งบรรดาผู้ประท้วงส่วนใหญ่นัดกันใส่หมวกไหมพรมสีชมพู หรือเครื่องแต่งกายอื่นๆที่เป็นสีชมพู เมื่อมองจากระยะไกลจึงเห็นเป็นคลื่นสีชมพูเนืองแน่นบนถนนของกรุงวอชิงตัน ดีซี ด้วยจำนวนผู้ประท้วงหลายหมื่นคน
ด้านทีมผู้จัดการประท้วงระบุว่าจำนวนผู้เข้าร่วมประท้วง เมื่อรวมกับหลายเมืองแล้ว มีจำนวนมากกว่าผู้คนที่มาร่วมชมพิธีสาบานตนของทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเสียอีก
สำนักข่าว ABC และ The Washington Post รายงานขณะนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีคนใหม่ เป็นประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนความนิยมน้อยที่สุดนัยตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานของทรัมป์ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นโต้ตอบเกี่ยวกับการประท้วงครั้งนี้
และนอกเหนือจากหลายเมืองในสหรัฐแล้ว การประท้วงต่องต้านทรัมป์ โดยบรรดาผู้หญิงนี้ยังเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วโลก ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ในสวีเดน ผู้ประท้วงหลายพันคนเดินขบวนไปยังสถานทูตสหรัฐ เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้หญิงและชาย พร้อมถือป้ายข้อความที่แสดงทัศนะหลากหลายไม่ว่าจะเป็น "ความรักต่างหากที่จะทำให้อเมริกาดีขึ้น ไม่ใช่ความเกลียด" หรือ "ด้วยมือเล็กๆสามารถหยุดยั้งนิวเคลียร์ได้" เป็นต้น
การประท้วงในรูปแบบเดียวกันยังสามารถพบได้ในเมืองหลวงของนอร์เวย์, ฟินแลนด์ และเดนมาร์กอีกด้วย หรือแม้กระทั่งในแอฟริกา ผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนพากันชุมนุมใกรุงไนโรบี ของเคนยา พวกเขาร่วมกันสร้างเวฟมนุษย์ และร้องเพลงอเมริกัน
ที่ออสเตรเลีย ในนครซิดนีย์ ผู้คนราว 3,000 คน ทั้งชายและหญิงมาชุมนุมกันที่สวนสาธารณะ Hyde และเดินขบวนไปยังสถานกงศุลสหรัฐ นอกจากนั้นยังมีรายงานผู้ชุมนุมในแบบเดียวกันกว่า 5,000 คน ในเมืองเมลเบิร์น
ส่วนในเอเชีย ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเอง มีผู้ชุมนุมหลายร้อยคน ออกมาแสดงจุดยืนของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เป็นชาวอเมริกันที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่น
http://m.posttoday.com/world/news/477046?refer=https%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F