สวัสดิการสังคมยุโรป vs America

จริงๆแล้วระหว่างสวัสดิการสังคมของอเมริกา กับของทางยุโรปโซน เยอรมัน ฝรั่งเศส ที่ไหนดีกว่ากันคะ ด้านการรักษาพยาบาล การศึกษา pension

เราเคยคิดว่าอเมริกาดีกว่า แต่วันก่อนมีฝรั่งค้านมาว่าไม่จริง ยุโรปน่าอยู่กว่าถ้ามองในด้านสวัสดิการรัฐ

ขอความเห็นทุกท่านค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ที่คุณ nikiss บอกว่า สวัสดิการในยุโรปและอเมริกาคงเหมือนๆ กัน  นั้นเป็นการเดาเพราะคุณไม่ได้เปรียบเทียบออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม  เหมือนจะเคยเห็นว่าคุณอยู่ในอังกฤษ  ซึ่งให้เผอิญเหลือเกินว่าสวัสดิการในเรื่องที่สำคัญที่สุด คือเรื่องการศึกษาฟรี   ไม่มีทั้งในอังกฤษและอเมริกา  ในขณะที่ เยอรมนี  ฝรั่งเศส ประเทศกลุ่มสแกนดินาเวีย   และอีกบางประเทศยุโรป  มีสวัสดิการพื้นฐานนี้ให้แก่ประชาชน  

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องสวัสดิการการรักษาพยาบาล  ในขณะที่อมเริกาเป็นประเทศอุตสาหกรรมเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีสวัสดิการประกันสุขภาพให้กับประชาชนทุกคน  นั่นคือมีคนอเมริกันกว่า 30-40  ล้านคนที่ไม่มีประกันสุขภาพจนโอบามาต้องออกมาตรการโอบามาแคร์ออกมาใช้  ซึ่งทำให้คนอเมริกันที่ไม่เคยมีประกันสุขภาพได้มีสวัสดืการนี้ขึ้นมาแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้คนอเมริกันทุกคนมีประกันสุขภาพได้อยู่ดี  มาตรการนี้กำลังจะถูกยกเลิกโดยทรัมป์

ในขณะที่ประเทศอุตสาหกรรมยุโรปสำคัญๆ ทุกประเทศมีประกันคุ้มครองแก่ประชาชนทุกคนหมด  แม้แต่คนที่ไม่มีรายได้และรับเงินสวิสดิการเงินสงเคราะห์คนจนอยู่ก็ตาม  ซึ่งนั่นหมายความว่ารัฐบาลนำภาษีประชาชนโดยรวมมาจ่ายให้นั่นเอง

เอามายกตัวอย่างแค่เพียง 2 หัวข้อสำคัญนี้ที่อเมริกาประเทศที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก  แต่มีช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยไม่ต่างจากประเทศกำลังพัฒนาและมีประชากรมากกว่าพันล้านคนอย่างจีน  ยังไม่ต้องเปรียบเทียบเรื่องสวัสดิการหรือสภาพเงื่อนไขการจ้างงานที่ยังแตกต่างกันอีกมาก

เหตุผลเดียวที่ทำให้สวัสดิการแก่ประชาชนของประเทศอุตสาหกรรมยิ่งใหญ่อย่างอเมริกาแตกต่างจากประเทศอุตสาหกรรมยุโรปคือ  ปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน

นั่นคือในขณะที่อเมริกาเป็นประเทศที่บริหารด้วยระบบทุนนิยมอย่างเต็มรูปแบบ  มาตรการทุกอย่างจะเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจป็นอันดับแรกสวัสดิการสังคมเป็นเรื่องรอง  ใครที่มีมันสมองดี  สุขภาพแข็งแรง ขยันขันแข็ง  จึงจะสามารถมีความสำเร็จและมีเงินทองซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวงได้  คนที่ด้อยโอกาสจะด้วยเพราะอ่อนแอทางสติปัญญาหรือร่างกายก็หมดโอกาส

ในขณะที่ยุโรปมีแนวความคิดที่ว่า  มนุษย์เกิดมาตามธรรมชาติไม่เท่าเทียมกัน  ฉะนั้นความสำคัญในเรื่องเบื้องต้นปัจจัยสี่จะต้องได้รับเท่าเทียมกันเสียก่อนเป็นอย่างน้อย  ที่เหลือจึงจะต้องไปต่อสู้ฝ่าฟันกันเอาเองเพื่อความสำเร็จ

ต้องไม่ลืมว่า ความคิดแนวสังคมนิคมหรือคอมมิวนิสต์ถูกก่อกำเนิดขึ้นในยุโรป

ความแตกต่างทางด้านพื้นฐานความคิดนี้เองที่ทำให้แม้แต่ระบบการเมืองของอเมริกาและยุโรปแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด  นั่นคือในขณะที่พรรคการเมืองอเมริกามีระบบ 2 พรรคใหญ่คือรีพับลิกันและเดโมแครต  พรรคการเมืองเล็กๆ นอกจากนี้ไม่มีความหมายในการปกครองบ้านเมืองอเมริกา

ในขณะที่ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่จะมีพรรคการเมืองสังคมนิยมหรือแม้แต่พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็ยพรรคการเมืองที่เน้นสวัสดิการให้แกคนจนโดยเฉพาะ  พรรคการเมืองนี้มีส่วนร่วมในบทบาทการปกครองประเทศสม่ำเสมอ  อาจจะไม่ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลปกครองประเทศเด็ดขาด  แต่ก็ได้เป็นพรรคร่วมหรือแม้แต่มีส่วนทำให้พรรครัฐบาลต้องรับฟังและหาทางมาช่วยเหลือคนจนอยู่ดี

มาตรการหนึ่งที่เป็นข้อบ่งชี้ถึงความแตกต่างระหว่างนโยบายสวัสดิการระหว่างอเมริกาและยุโรปอย่างชัดเจนก็คือนโยบายการเก็บภาษีรายได้จากประช่าชน  ในขณะที่อเมริกาเก็บภาษีรายได้ต่ำ  ซึ่งไม่เฉพาะแต่กับประชาชนธรรมดา  แม้แต้ผู้มีรายได้สูงในอเมริกาก็เสียภาษีในอัตราต่ำ  ซึ่งทรัมป์ยังประกาศจะลดอัตราภาษีให้แก่ธรุกิจเพิ่มขึ้นไปอีก

กระนั้นก็ตาม อเมริกาก็ยังทำรายได้แก่ประเทศสูง  เพียงแต่นโยบายการใช้จ่ายไปให้ความสำคัญด้านลงทุนเรื่องการทหารเป็นอันดับแรกๆ มากกว่าจะนำมาใช้เพื่อสวัสดิการแก่ประชาชน

สำหรับนโยบายการเก็บภาษีในประเทศในยุโรปนั้น  คงไม่ต้องกล่าวถึงกันอีกก็ย่อมเป็นที่รู้ดีกันอยู่โดนทั่วไปแล้วว่า  รายได้ทั้งหมดที่หาได้นั้น  49% ก็ถูกหักไปเสียแล้วสำหรับภาษีและสวัสดิการต่างๆ ที่รัฐต้องนำกลับคืนมาสู่ประชาชนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ใกล้เคียงกันเท่าที่สามารถจะทำได้

ฉะนั้นจึงเป็นความจริงที่ว่า ในแง่การเป็นรัฐสวัสดิการแล้วจึงมีอยู่ในยุโรปเท่านั้น  อเมริกาไม่สามารถเทียบได้ในเรื่องนี้

แต่เป็นความพอใจของชาวอเมริกันเองที่ต้องการเลือกวิถีการเมืองการปกครองแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่