โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์
by เกษตร
รัสเซียตกเป็นจำเลยของอเมริกามาพักใหญ่เรื่องการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะ และกำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้
จำเลยใหญ่ที่ถูกกล่าวหาจากหน่วยข่าวกรองของอเมริกา คือ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียถูกอ้างว่า ถึงขนาดลงมาสั่งการด้วยตนเอง
ความที่ท่านปูตินเคยเป็นสายลับเคจีบีมาก่อน ข้อกล่าวหานี้คงทำให้ผู้ฟังหวั่นไหวกันพอสมควร
แต่รัฐบาลรัสเซียเองก็เข้าใจโต้กลับว่า ข้อสรุปนี้ช่างเป็น “นิยายเล่มละบาท” เสียจริงๆ เพราะไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย
เรื่องนี้ทำท่าว่าคงจะต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนกันอีกนาน หรืออาจจะเป็นปริศนาไปตลอดว่า ฝ่ายใดพูดจริงกันแน่
แต่สิ่งที่สะท้อนจากเหตุการณ์นี้ก็คือ ภัยจากแฮกเกอร์นั้นไม่ธรรมดา
ยิ่งโลกออนไลน์ขยายอิทธิพลมากเท่าใด แฮกเกอร์ก็พร้อมจะสำแดงเดชมากเท่านั้น
อย่างรัสเซียเองก็ใช่ว่าจะไม่โดน
เมื่อไม่กี่วันก่อน มีรายงานจากเอเอฟพีว่า ผู้จัดรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 1 หรือแชนแนลวัน ของรัสเซีย พากันเซ็งที่ตอนจบของซีรีส์ดราม่าเรื่องดังของอังกฤษ Sherlock (เชอร์ล็อก) ในซีซั่น 4 ถูกแฮกออกมาแพร่ก่อนถึงเวลาออกอากาศจริง
ตามกำหนดเดิม ผู้ชมในรัสเซียจะได้ชมตอนจบของเรื่องในคืนวันจันทร์ที่ 16 ม.ค. พร้อมๆ กับชาวอังกฤษ ปรากฏว่าวันเสาร์ที่ 14 ม.ค. ซีรีส์นักสืบผู้ชาญฉลาดเรื่องดังก็สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์แล้ว
การแฮกตอนจบของเชอร์ล็อกกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจไปทั่ว หลังจากคนรัสเซียชอบเชอร์ล็อก โฮล์มส์ มาตั้งแต่ยุค 80 สมัยยังเป็นสหภาพโซเวียต เคยมีเวอร์ชั่นที่เล่นโดยนักแสดงโซเวียตออกอากาศทางโทรทัศน์
ส่วนเชอร์ล็อกยุคนี้ดัดแปลงให้เป็นนักสืบในยุคปัจจุบัน เขียนบทเข้มข้นน่าติดตามมาตั้งแต่ซีซั่นแรก
ทางสถานีช่องวันของรัสเซียแถลงว่า ตอนจบของละครหลุดออกไปได้เพราะแฮกเกอร์ จึงรีบแจ้งบีบีซีของอังกฤษ ในฐานะเจ้าของซีรีส์ เพื่อร่วมกันสืบหาต้นตอ
ขณะที่ทางบีบีซี อังกฤษ สันนิษฐานว่า งานนี้คงไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ คงจะมีใครทำอะไรบางอย่าง ทางโปรดิวเซอร์จึงออกแถลงการณ์ขอร้องแฟนๆ อย่าไปอัพโหลดตอนจบเจ้าปัญหาที่เป็นเวอร์ชั่นรัสเซีย
ระหว่างนี้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รัสเซียส่งข้อความปล่อยมุขมาเย้ยชาวอังกฤษว่า “คนรัสเซียได้ดูละครของคุณก่อนคุณซะอีก”
แม้ว่ากรณีนี้จะไม่เกี่ยวกับศึกแฮกเลือกตั้งอเมริกา แต่ก็ตอกย้ำอิทธิฤทธิ์ของแฮกเกอร์ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน
http://www.matichon.co.th/news/431904
ฤทธิ์แฮกเกอร์
โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์
by เกษตร
รัสเซียตกเป็นจำเลยของอเมริกามาพักใหญ่เรื่องการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะ และกำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้
จำเลยใหญ่ที่ถูกกล่าวหาจากหน่วยข่าวกรองของอเมริกา คือ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียถูกอ้างว่า ถึงขนาดลงมาสั่งการด้วยตนเอง
ความที่ท่านปูตินเคยเป็นสายลับเคจีบีมาก่อน ข้อกล่าวหานี้คงทำให้ผู้ฟังหวั่นไหวกันพอสมควร
แต่รัฐบาลรัสเซียเองก็เข้าใจโต้กลับว่า ข้อสรุปนี้ช่างเป็น “นิยายเล่มละบาท” เสียจริงๆ เพราะไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย
เรื่องนี้ทำท่าว่าคงจะต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนกันอีกนาน หรืออาจจะเป็นปริศนาไปตลอดว่า ฝ่ายใดพูดจริงกันแน่
แต่สิ่งที่สะท้อนจากเหตุการณ์นี้ก็คือ ภัยจากแฮกเกอร์นั้นไม่ธรรมดา
ยิ่งโลกออนไลน์ขยายอิทธิพลมากเท่าใด แฮกเกอร์ก็พร้อมจะสำแดงเดชมากเท่านั้น
อย่างรัสเซียเองก็ใช่ว่าจะไม่โดน
เมื่อไม่กี่วันก่อน มีรายงานจากเอเอฟพีว่า ผู้จัดรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 1 หรือแชนแนลวัน ของรัสเซีย พากันเซ็งที่ตอนจบของซีรีส์ดราม่าเรื่องดังของอังกฤษ Sherlock (เชอร์ล็อก) ในซีซั่น 4 ถูกแฮกออกมาแพร่ก่อนถึงเวลาออกอากาศจริง
ตามกำหนดเดิม ผู้ชมในรัสเซียจะได้ชมตอนจบของเรื่องในคืนวันจันทร์ที่ 16 ม.ค. พร้อมๆ กับชาวอังกฤษ ปรากฏว่าวันเสาร์ที่ 14 ม.ค. ซีรีส์นักสืบผู้ชาญฉลาดเรื่องดังก็สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์แล้ว
การแฮกตอนจบของเชอร์ล็อกกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจไปทั่ว หลังจากคนรัสเซียชอบเชอร์ล็อก โฮล์มส์ มาตั้งแต่ยุค 80 สมัยยังเป็นสหภาพโซเวียต เคยมีเวอร์ชั่นที่เล่นโดยนักแสดงโซเวียตออกอากาศทางโทรทัศน์
ส่วนเชอร์ล็อกยุคนี้ดัดแปลงให้เป็นนักสืบในยุคปัจจุบัน เขียนบทเข้มข้นน่าติดตามมาตั้งแต่ซีซั่นแรก
ทางสถานีช่องวันของรัสเซียแถลงว่า ตอนจบของละครหลุดออกไปได้เพราะแฮกเกอร์ จึงรีบแจ้งบีบีซีของอังกฤษ ในฐานะเจ้าของซีรีส์ เพื่อร่วมกันสืบหาต้นตอ
ขณะที่ทางบีบีซี อังกฤษ สันนิษฐานว่า งานนี้คงไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ คงจะมีใครทำอะไรบางอย่าง ทางโปรดิวเซอร์จึงออกแถลงการณ์ขอร้องแฟนๆ อย่าไปอัพโหลดตอนจบเจ้าปัญหาที่เป็นเวอร์ชั่นรัสเซีย
ระหว่างนี้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รัสเซียส่งข้อความปล่อยมุขมาเย้ยชาวอังกฤษว่า “คนรัสเซียได้ดูละครของคุณก่อนคุณซะอีก”
แม้ว่ากรณีนี้จะไม่เกี่ยวกับศึกแฮกเลือกตั้งอเมริกา แต่ก็ตอกย้ำอิทธิฤทธิ์ของแฮกเกอร์ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน
http://www.matichon.co.th/news/431904