ก่อนอื่นขอสวัสดีทุกคนก่อนนะคะ
นี่เป็นการเชียนรีวิวครั้งแรกของเราหากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยน้า อิอิ^^การไปเที่ยวเกาะบุโหลนในครั้งนี้เรามีข้อมูลแบบงูๆปลาๆมาก เพราะข้อมูลที่หาได้ช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับเกาะชื่อดังอย่างเกาะหลีเป๊ะที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปที่นั่น ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะนำเสนอความสวยงาม ความสงบ และเสน่ห์ ของเกาะบุโหลนให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น ที่จริงเราไปทะเลมาหลายๆที่มากเเล้วแต่คิดว่าที่นี่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก ประทับใจที่นี่มากกก >< หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนชอบเที่ยวเน้อออ
ภาพด้านบนจากเกาะบุโหลนไม้ไผ่คะ ยืมรูปสวยๆมาคะ CR.คู่หูเดินทาง
มาทำความรู้จักกับเกาะบุโหลนกันก่อนนะคะ เกาะบูโหลน หรือ เกาะบุโหลน หรือ หมู่เกาะบูโหลน ห่างจาก ท่าเรือปากบารา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ประมาณ 22 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ 8 เกาะ ได้แก่ เกาะบูโหลนเล เกาะบูโหลนดอน เกาะบูโหลนไม้ไผ่ เกาะตงกู เกาะลามา เกาะอายำผ(หรือเกาะไก่นั่นเอง) เกาะรังนก และ เกาะลูกหิน ส่วนคำว่า บูโหลน เพี้ยนมาจากภาษามลายู "บูโละ" แปลว่า "ไม้ไผ่" เนื่องจากบนเกาะอุดมสมบูรณ์ด้วยไม้ไผ่ จึงเรียกชื่อเกาะตามพันธุ์ไม้
ข้อมูลจากกะปุกดอทคอมคะ (
http://travel.kapook.com/view21239.html)
แผนที่เกาะบุโหลนคะ ห่างจากท่าเรือไม่มาก ด้านล่างก็จะเป็นเกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะแล้วก็เกาะตะรุเตาคะ
อันนี้เป็นภาพของเกาะบุโหลนไม้ไผ่คะ สวยสงบเเละน้ำใสมาก มีจุดดำน้ำตื้นอยู่หน้าหาดเลย แล้วก็มีที่กางเต๊นท์ด้วยคะ
เกาะบุโหลนเลจะเป็นเกาะที่เราไปพัก รวมถึงเกาะนี้ยังเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทต่างๆรวมไปจนถึงที่อยู่อาศัยของชาวเกาะด้วยคะ ส่วนเกาะที่มีคนอาศัยอยู่อีกเกาะก็คือเกาะบุโหลนดอนคะ
รูปนี้เป็นหาดด้านหน้าเกาะบุโหลนเลคะ เรือสปีดโบ๊ทก็จะเทียบท่าบริเวณนี้
วิวสวยมากบอกเลย
มาเริ่มต้นการเดินทางกันเลยนะคะ^^ จะบอกราคาเริ่มตั้งแต่เดินทางเลยคะ นับ 123 ลุยยยยยยยยย
วันแรก 14/01/2560 เราเดินทางออกจากสงขลาด้วยการนั่งรถตู้สงขลา-หาดใหญ่ (30 บาท ) จากนั้นก็ต่อรถสองแถว ( 10 บาท )เพื่อต่อไปยังคิวรถตู้ตลาดเกษตร (คนหาดใหญ่จะเรียกกันเบบนี้ เป็นที่ๆรวมรถตู้ไปหลายๆจังหวัด)
จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถตู้หาดใหญ่-ปากบารา ( 110 บาท ) ซื้อได้ที่ช่องหมายเลข 9 รถจะไปส่งท่าเรือปากบาราเลยจ้าาา
หน้าตาตั๋วจะเป็นแบบนี้เลย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึงท่าเรือปากบารา เมื่อลงรถเสร็จก็ไปซื้อตั๋วเรือที่ บารา รีสอร์ท มองหาป้ายได้เลยคะจะอยู่ทางขวามือของท่าเรืออันที่จริงจะซื้อจากที่ไหนก็ได้เพราะจะมีบริษัททัวร์เต็มไปหมด แต่เค้าก็จะพาทุกคนไปรวมตัวกันที่บารารีสอร์ทคะ ราคาตั๋วเรือจะอยู่ที่ เที่ยวละ 400 บาท จะเป็นเรือสปีดโบ๊ทขนาดกลางใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือปากบาราไปเกาะบุโหลนประมาณ 30 นาที แต่ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วไปกลับเลยนะคะ จะได้สะดวก คือบอกคนขายตั๋วว่าเราจะเดินทางกลับวันไหนเค้าก็จะมีตั๋วโดยสารขากลับให้ซึ่งเราต้องเก็บไว้เพื่อใช้ยืนยันเวลาเดินทางกลับนั่นเองคะ รวมไปกลับก็เป็น 800 บาท
บารารีสอร์ท
ตั๋วเรือขาไป (ท่าเรือปากบารา-เกาะบุโหลน) มีสต๊กเกอให้แปะด้วย^^
ตั๋วเรือขากลับ (เกาะบุโหลน-ท่าเรือปากบารา)
เรือจากปากบาราไปเกาะบุโหลนจะมีเรือวันละ 1 เที่ยวเท่านั้น ออกจากท่าเรือปากบาราประมาณ 13.30 ของทุกๆวัน เพราะฉะนั้นจะต้องมาให้ทัน
เค้าจะมีสติ๊กเกอให้เราแปะด้วยนะเป็นชื่อเรือ ซื้อตั๋วเสร็จก็ไปหาข้าวกินแถวนั้นเพราะ เราไปถึงท่าเรือก็ประมาณ 11 โมง ราคาก็ไม่แพงคะเป็นอาหารตามสั่งทั่วไป (จานละ 50 บาท)จะมีร้านหลายๆร้านไปเลือกทานกันได้ บริเวณท่าเรือจะมีเซเว่น สามารถหาของทานเล่นไปกินที่เกาะได้ เราซื้อพวกขนมปังกับนมแล้วก็น้ำดื่มไปเป็นอาหารเช้าระหว่างที่อยู่บนเกาะ ส่วนมื้ออื่นๆก็ไปกินที่เกาะ
เราค่อนข้างตื่นเต้นนะ 5555 เพราะแทบจะไม่มีคนไทยเลยมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น รวมๆที่นั่งไปบนเรือก็ประมาณ 20 คนได้ คือคนค่อนข้างน้อย สักประมาณ 12.30 เราก็มานั่งรอเช็คอินขึ้นเรือที่ประตู 3 แต่ไปขึ้นเรือที่ประตู 1 พอถึงเวลาก็จะมีคนมาเรียกให้ไปขึนเรือ ก่อนขึ้นเรือก็จะมีคนตรวจตั๋ว จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางได้ Let’go
เมื่อถึงเกาะแล้วก็จะมีเรือหางยาวมารับ เสียค่าเรืออีกคนละ 50 บาท เพราะสปีดโบ๊ทจะจอดเข้าไปเทียบที่หน้าเกาะไม่ได้เพราะน้ำลง
เรือลำนี้เลยที่มารับเราเเล้วก็เป็นเรือที่ไปทริปดำน้ำด้วย (อันนี้ถ่ายตอนเรือจอดที่เกาะบุโหลนไม้ไผ่ตอนไปดำน้ำ)
จากนั้นให้บอกคนชับเรือหางยาวว่าจะไปที่ไหนบอกที่พักไป เราบอกว่าพักที่บังกะโลโรงเรียนบ้านเกาะบุโหลนก็ลงเรือตรงหน้าหาด จะอยู่หน้าหาดเลยถือเป็นทำเลที่ดี อิอิ ที่พักคืนละ 500 บาท พัก 2 คืน ก็รวมเป็น 1000 บาท เราหารกับเพื่อนก็ออกค่าห้องคนละ 500 บาท ไปถึงที่พักก็เอาของไว้ ที่พักไม่ถึงกับสบายมาก แต่ก็อยู่ได้สมราคา 500 บาท ที่นี่จะบังกะโลมีทั้งหมด 6 หลังเป็นของโรงเรียน ข้างๆก็จะมีแพนแซนด์รีสอร์ท และบูโหลนเน่รีสอร์ท ซึ่งราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ด้านหลังโรงเรียนจะเป็นมารีน่ารีสอร์ท ตั้งอยู่บนเชิงเขา ที่พักพวกนี้จะเริ่มต้นที่หลักพันขึ้นไป แต่หากใครอยากหาที่พักราคาถูกก็สามารถเดินเข้าไปด้านหลังเกาะได้ไม่ติดหาด ราคาอยู่ที่ 250 บาทต่อคืน ชื่อที่พักว่า จังเกิ้ลฮัท ที่นี่ค่อนข้างสบายแต่เสียอย่างเดียวที่ต้องเดินไกล
บังกะโลของโรงเรียน อยู่ด้านหน้าสนามฟุตบอลของโรงเรียน
ป้ายด้านหน้าโรงเรียนจ้า
หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มเดินสำรวจเกาะ อาศัยถามทางจากคนที่โรงเรียน เกาะนี้ค่อนข้างเล็กเดินวันเดียวก็ทั่วเกาะแล้ว รอบๆเกาะก็จะมีทางเดินให้ไม่หลงแน่นอนจ้า
แผนที่บนเกาะคะ ให้ความรู้ไปในตัว
แถมอีกอันจ้า
แต่เราเดินไม่ทั่วหรอกนะ หิวข้าวซะก่อน
ก็เลยหาร้านข้าวกินเป็นร้านที่เราเคยอ่านเจอในพันทิปว่าราคาไม่แพงและอร่อยด้วย เราก็เลยตัดสินใจที่จะกินที่นี่ ให้เลี้ยวซ้ายตรงอ่าวพังกาน้อย ก็จะเจอร้านอาหารต่างๆ และก็มีร้านขายของเล็กๆของชาวบ้านที่นั่น ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน ปิ่น & มูดา อยู่ติดหาดเลย บรรยากาศดีสุดๆกินข้าวเย็นริมหาด ราคาหลักร้อย เราสั่งอาหารตามสั่งอยู่ที่จานละ 100 บาท
สั่งกระเพราไก่ไปหน้าตาแบบนี้เลย รสชาติโอเคเลยค่า
คะน้าไก่ผัดน้ำมันหอย ปริมาณเยอะใช้ได้อยู่คะ เราสั่งน้ำอัดลมมากินอีกกระป๋อง (30 บาท)
บนเกาะไม่มีหมูนะ เพราะคนบนเกาะจะนับถือศาสนาอิสลาม จะมีพวกไก่ เนื้อ อาหารทะเล บอกเลยว่าสดมากกกกกและอร่อยด้วย ฟินสุดๆ >< ที่นี่ยังขายโรตี กับน้ำผลไม้ด้วย ข้างๆก็จะเป็นพวกบาร์ต่างๆน่านั่งมาก ร้านสวย บรรยากาศดีโคตร
ร้านนี้เลยที่เราไปกิน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝรั่งที่ไปกิน
เป็นร้านธรรมดาแต่ว่าอยู่ติดหาดเลย ระหว่างรออาหารก็ไปเดินเล่มชมวิวกันได้
ระหว่างทางเดินบนเกาะ ก็ไปเจอโคโคนัทบาร์ บาร์แนวเร้กเก้ เจ้าของร้านน่ารักมาก ใจดีสุดๆ แนะนำเลยคะ
กินข้าวเสร็จเราก็มาเล่นน้ำที่หาดหน้าโรงเรียน จิบเบียร์นุ่มๆ 555 ที่จริงไม่ได้กินเบียร์นะ กินสไมนอฟ 555 แล้วก็มาถ่ายรูปเล่นเพลินๆ ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะก็ได้เซย์ฮัลโหลฝรั่งตลอด ใช้ภาษามือคู่กับภาอังกฤษ อิอิ มาจากหลายๆที่จริงๆนะ ทั้งอังกฤษ เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ อ้อ เราลืมบอกไปเราอยากจะไปดำน้ำด้วยในวันถัดไป
โชคดีมากที่พี่คนขายตั๋วเรือที่ปากบาราพาเพื่อนๆมาเที่ยวที่เกาะด้วยก็เลยมาจอยค่าทัวร์ดำน้ำกัน ( หากใครอยากจะดำน้ำก็ไปติดต่อ Boat trip ที่ร้านข้าวได้ หรือ ที่บุโหลนเน่รีสอร์ทได้ ราคาตกอยู่ที่วันละ 1500 บาทเท่านั้น ) ซึ่งเป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้ไปเจอกันบนเกาะ โชคดีจริงๆที่ได้มาหารค่าทัวร์ดำน้ำกันตกคนละ 250 บาท ค่าอาหารกล่องมื้อเที่ยงอีก 100 บาทเป็นอาหารตามสั่ง สั่งไปกินบนเรือตอนไปดำน้ำ สามารถสั่งได้ที่ร้านอาหารเลย >< แต่หากใครไม่อยากดำน้ำก็สามารเหมาเรือไปตกปลาได้เช่นกัน
บรรยากาศหน้าอ่าวพังกาน้อย
นักท่องเที่ยวกลับจากตกปลากัน ตัวโตมากกกก
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับมาอาบน้ำ พักผ่อนตามอัธยาสัย บนเกาะจะใช้โซล่าเซลล์เป็นพลังงานไฟฟ้า ที่โรงเรียนจะมีไฟใช้ทั้งวันทั้งคืน เพราะช่วงที่เราไปแดดค่อนข้างดีทีเดียว แต่หากช่วงไหนแดดไม่ดีก็จะจำกัดการจ่ายไฟแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น พอกลางคืนที่นี่ค่อนข้างเงียบ สงบ แต่หากใครอยากไปนั่งที่บาร์ก็ได้เหมือนกัน ใช้ถนนบนเกาะที่เชื่อมสถานที่ต่างๆทั่วเกาะได้ กลางคืนก็อาจต้องใช้ไฟฉายเวลาเดิน อย่าลืมเตรียมยากันยุงหรือยาทากันยุงมาด้วย เพราะบนเกาะยุงเยอะมากแต่ก็จะเยอะเฉพาะช่วง 5-6 โมง พอค่ำๆก็ไม่มีแล้ว ที่พักที่เราอยู่ก็จะมีมุ้งให้ไม่งั้นคงโดนยุงกัดเต็มๆ พักที่นี่ก็ลุ้นตลอด เจอทั้งจิ้งจก ยุง แมงสาบ ปาดก็เจอ อาบน้ำไปก็เสียวสันหลัง ชวนลุ้นระลึกตลอด 5555
แถมๆอีกรูปจ้า หน้าโคโคนัทบาร์ช่วงกลางวัน กลางคืนสวยคะ เปิดเพลงคลอเบาๆด้วย บรรยากาศดีทีเดียวคะ
ปล.ที่พักเราติดต่อผ่านทางเพจ TYC ชุมชนเกาะบุโหลน ซึ่งหากใครมีอะไรสงสัยหรืออยากจะสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเพจนี้ในเฟซบุ๊คได้ค่า
https://www.facebook.com/tycbulon/?fref=ts
วันแรกก็ขอเล่าเท่านี้ก่อนน้า เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะคะ มีภาพสวยๆกับความสนุกอีกเพียบฝากติดตามด้วยนะคะ เล่าไม่เก่งแต่จากใจเลยค
[CR] รีวิวเที่ยวเกาะบุโหลน จ.สตูล 3 วัน 2 คืน ด้วยงบ 2500 บาท
นี่เป็นการเชียนรีวิวครั้งแรกของเราหากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยน้า อิอิ^^การไปเที่ยวเกาะบุโหลนในครั้งนี้เรามีข้อมูลแบบงูๆปลาๆมาก เพราะข้อมูลที่หาได้ช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับเกาะชื่อดังอย่างเกาะหลีเป๊ะที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปที่นั่น ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะนำเสนอความสวยงาม ความสงบ และเสน่ห์ ของเกาะบุโหลนให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น ที่จริงเราไปทะเลมาหลายๆที่มากเเล้วแต่คิดว่าที่นี่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก ประทับใจที่นี่มากกก >< หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนชอบเที่ยวเน้อออ
ภาพด้านบนจากเกาะบุโหลนไม้ไผ่คะ ยืมรูปสวยๆมาคะ CR.คู่หูเดินทาง
มาทำความรู้จักกับเกาะบุโหลนกันก่อนนะคะ เกาะบูโหลน หรือ เกาะบุโหลน หรือ หมู่เกาะบูโหลน ห่างจาก ท่าเรือปากบารา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ประมาณ 22 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ 8 เกาะ ได้แก่ เกาะบูโหลนเล เกาะบูโหลนดอน เกาะบูโหลนไม้ไผ่ เกาะตงกู เกาะลามา เกาะอายำผ(หรือเกาะไก่นั่นเอง) เกาะรังนก และ เกาะลูกหิน ส่วนคำว่า บูโหลน เพี้ยนมาจากภาษามลายู "บูโละ" แปลว่า "ไม้ไผ่" เนื่องจากบนเกาะอุดมสมบูรณ์ด้วยไม้ไผ่ จึงเรียกชื่อเกาะตามพันธุ์ไม้
ข้อมูลจากกะปุกดอทคอมคะ (http://travel.kapook.com/view21239.html)
แผนที่เกาะบุโหลนคะ ห่างจากท่าเรือไม่มาก ด้านล่างก็จะเป็นเกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะแล้วก็เกาะตะรุเตาคะ
อันนี้เป็นภาพของเกาะบุโหลนไม้ไผ่คะ สวยสงบเเละน้ำใสมาก มีจุดดำน้ำตื้นอยู่หน้าหาดเลย แล้วก็มีที่กางเต๊นท์ด้วยคะ
เกาะบุโหลนเลจะเป็นเกาะที่เราไปพัก รวมถึงเกาะนี้ยังเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทต่างๆรวมไปจนถึงที่อยู่อาศัยของชาวเกาะด้วยคะ ส่วนเกาะที่มีคนอาศัยอยู่อีกเกาะก็คือเกาะบุโหลนดอนคะ
รูปนี้เป็นหาดด้านหน้าเกาะบุโหลนเลคะ เรือสปีดโบ๊ทก็จะเทียบท่าบริเวณนี้ วิวสวยมากบอกเลย
มาเริ่มต้นการเดินทางกันเลยนะคะ^^ จะบอกราคาเริ่มตั้งแต่เดินทางเลยคะ นับ 123 ลุยยยยยยยยย
วันแรก 14/01/2560 เราเดินทางออกจากสงขลาด้วยการนั่งรถตู้สงขลา-หาดใหญ่ (30 บาท ) จากนั้นก็ต่อรถสองแถว ( 10 บาท )เพื่อต่อไปยังคิวรถตู้ตลาดเกษตร (คนหาดใหญ่จะเรียกกันเบบนี้ เป็นที่ๆรวมรถตู้ไปหลายๆจังหวัด)
จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถตู้หาดใหญ่-ปากบารา ( 110 บาท ) ซื้อได้ที่ช่องหมายเลข 9 รถจะไปส่งท่าเรือปากบาราเลยจ้าาา
หน้าตาตั๋วจะเป็นแบบนี้เลย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึงท่าเรือปากบารา เมื่อลงรถเสร็จก็ไปซื้อตั๋วเรือที่ บารา รีสอร์ท มองหาป้ายได้เลยคะจะอยู่ทางขวามือของท่าเรืออันที่จริงจะซื้อจากที่ไหนก็ได้เพราะจะมีบริษัททัวร์เต็มไปหมด แต่เค้าก็จะพาทุกคนไปรวมตัวกันที่บารารีสอร์ทคะ ราคาตั๋วเรือจะอยู่ที่ เที่ยวละ 400 บาท จะเป็นเรือสปีดโบ๊ทขนาดกลางใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือปากบาราไปเกาะบุโหลนประมาณ 30 นาที แต่ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วไปกลับเลยนะคะ จะได้สะดวก คือบอกคนขายตั๋วว่าเราจะเดินทางกลับวันไหนเค้าก็จะมีตั๋วโดยสารขากลับให้ซึ่งเราต้องเก็บไว้เพื่อใช้ยืนยันเวลาเดินทางกลับนั่นเองคะ รวมไปกลับก็เป็น 800 บาท
บารารีสอร์ท
ตั๋วเรือขาไป (ท่าเรือปากบารา-เกาะบุโหลน) มีสต๊กเกอให้แปะด้วย^^
ตั๋วเรือขากลับ (เกาะบุโหลน-ท่าเรือปากบารา)
เรือจากปากบาราไปเกาะบุโหลนจะมีเรือวันละ 1 เที่ยวเท่านั้น ออกจากท่าเรือปากบาราประมาณ 13.30 ของทุกๆวัน เพราะฉะนั้นจะต้องมาให้ทัน เค้าจะมีสติ๊กเกอให้เราแปะด้วยนะเป็นชื่อเรือ ซื้อตั๋วเสร็จก็ไปหาข้าวกินแถวนั้นเพราะ เราไปถึงท่าเรือก็ประมาณ 11 โมง ราคาก็ไม่แพงคะเป็นอาหารตามสั่งทั่วไป (จานละ 50 บาท)จะมีร้านหลายๆร้านไปเลือกทานกันได้ บริเวณท่าเรือจะมีเซเว่น สามารถหาของทานเล่นไปกินที่เกาะได้ เราซื้อพวกขนมปังกับนมแล้วก็น้ำดื่มไปเป็นอาหารเช้าระหว่างที่อยู่บนเกาะ ส่วนมื้ออื่นๆก็ไปกินที่เกาะ
เราค่อนข้างตื่นเต้นนะ 5555 เพราะแทบจะไม่มีคนไทยเลยมีแต่ฝรั่งทั้งนั้น รวมๆที่นั่งไปบนเรือก็ประมาณ 20 คนได้ คือคนค่อนข้างน้อย สักประมาณ 12.30 เราก็มานั่งรอเช็คอินขึ้นเรือที่ประตู 3 แต่ไปขึ้นเรือที่ประตู 1 พอถึงเวลาก็จะมีคนมาเรียกให้ไปขึนเรือ ก่อนขึ้นเรือก็จะมีคนตรวจตั๋ว จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางได้ Let’go
เมื่อถึงเกาะแล้วก็จะมีเรือหางยาวมารับ เสียค่าเรืออีกคนละ 50 บาท เพราะสปีดโบ๊ทจะจอดเข้าไปเทียบที่หน้าเกาะไม่ได้เพราะน้ำลง
เรือลำนี้เลยที่มารับเราเเล้วก็เป็นเรือที่ไปทริปดำน้ำด้วย (อันนี้ถ่ายตอนเรือจอดที่เกาะบุโหลนไม้ไผ่ตอนไปดำน้ำ)
จากนั้นให้บอกคนชับเรือหางยาวว่าจะไปที่ไหนบอกที่พักไป เราบอกว่าพักที่บังกะโลโรงเรียนบ้านเกาะบุโหลนก็ลงเรือตรงหน้าหาด จะอยู่หน้าหาดเลยถือเป็นทำเลที่ดี อิอิ ที่พักคืนละ 500 บาท พัก 2 คืน ก็รวมเป็น 1000 บาท เราหารกับเพื่อนก็ออกค่าห้องคนละ 500 บาท ไปถึงที่พักก็เอาของไว้ ที่พักไม่ถึงกับสบายมาก แต่ก็อยู่ได้สมราคา 500 บาท ที่นี่จะบังกะโลมีทั้งหมด 6 หลังเป็นของโรงเรียน ข้างๆก็จะมีแพนแซนด์รีสอร์ท และบูโหลนเน่รีสอร์ท ซึ่งราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ด้านหลังโรงเรียนจะเป็นมารีน่ารีสอร์ท ตั้งอยู่บนเชิงเขา ที่พักพวกนี้จะเริ่มต้นที่หลักพันขึ้นไป แต่หากใครอยากหาที่พักราคาถูกก็สามารถเดินเข้าไปด้านหลังเกาะได้ไม่ติดหาด ราคาอยู่ที่ 250 บาทต่อคืน ชื่อที่พักว่า จังเกิ้ลฮัท ที่นี่ค่อนข้างสบายแต่เสียอย่างเดียวที่ต้องเดินไกล
บังกะโลของโรงเรียน อยู่ด้านหน้าสนามฟุตบอลของโรงเรียน
ป้ายด้านหน้าโรงเรียนจ้า
หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มเดินสำรวจเกาะ อาศัยถามทางจากคนที่โรงเรียน เกาะนี้ค่อนข้างเล็กเดินวันเดียวก็ทั่วเกาะแล้ว รอบๆเกาะก็จะมีทางเดินให้ไม่หลงแน่นอนจ้า
แผนที่บนเกาะคะ ให้ความรู้ไปในตัว
แถมอีกอันจ้า
แต่เราเดินไม่ทั่วหรอกนะ หิวข้าวซะก่อน ก็เลยหาร้านข้าวกินเป็นร้านที่เราเคยอ่านเจอในพันทิปว่าราคาไม่แพงและอร่อยด้วย เราก็เลยตัดสินใจที่จะกินที่นี่ ให้เลี้ยวซ้ายตรงอ่าวพังกาน้อย ก็จะเจอร้านอาหารต่างๆ และก็มีร้านขายของเล็กๆของชาวบ้านที่นั่น ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน ปิ่น & มูดา อยู่ติดหาดเลย บรรยากาศดีสุดๆกินข้าวเย็นริมหาด ราคาหลักร้อย เราสั่งอาหารตามสั่งอยู่ที่จานละ 100 บาท
สั่งกระเพราไก่ไปหน้าตาแบบนี้เลย รสชาติโอเคเลยค่า
คะน้าไก่ผัดน้ำมันหอย ปริมาณเยอะใช้ได้อยู่คะ เราสั่งน้ำอัดลมมากินอีกกระป๋อง (30 บาท)
บนเกาะไม่มีหมูนะ เพราะคนบนเกาะจะนับถือศาสนาอิสลาม จะมีพวกไก่ เนื้อ อาหารทะเล บอกเลยว่าสดมากกกกกและอร่อยด้วย ฟินสุดๆ >< ที่นี่ยังขายโรตี กับน้ำผลไม้ด้วย ข้างๆก็จะเป็นพวกบาร์ต่างๆน่านั่งมาก ร้านสวย บรรยากาศดีโคตร
ร้านนี้เลยที่เราไปกิน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝรั่งที่ไปกิน
เป็นร้านธรรมดาแต่ว่าอยู่ติดหาดเลย ระหว่างรออาหารก็ไปเดินเล่มชมวิวกันได้
ระหว่างทางเดินบนเกาะ ก็ไปเจอโคโคนัทบาร์ บาร์แนวเร้กเก้ เจ้าของร้านน่ารักมาก ใจดีสุดๆ แนะนำเลยคะ
กินข้าวเสร็จเราก็มาเล่นน้ำที่หาดหน้าโรงเรียน จิบเบียร์นุ่มๆ 555 ที่จริงไม่ได้กินเบียร์นะ กินสไมนอฟ 555 แล้วก็มาถ่ายรูปเล่นเพลินๆ ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะก็ได้เซย์ฮัลโหลฝรั่งตลอด ใช้ภาษามือคู่กับภาอังกฤษ อิอิ มาจากหลายๆที่จริงๆนะ ทั้งอังกฤษ เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ อ้อ เราลืมบอกไปเราอยากจะไปดำน้ำด้วยในวันถัดไป โชคดีมากที่พี่คนขายตั๋วเรือที่ปากบาราพาเพื่อนๆมาเที่ยวที่เกาะด้วยก็เลยมาจอยค่าทัวร์ดำน้ำกัน ( หากใครอยากจะดำน้ำก็ไปติดต่อ Boat trip ที่ร้านข้าวได้ หรือ ที่บุโหลนเน่รีสอร์ทได้ ราคาตกอยู่ที่วันละ 1500 บาทเท่านั้น ) ซึ่งเป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้ไปเจอกันบนเกาะ โชคดีจริงๆที่ได้มาหารค่าทัวร์ดำน้ำกันตกคนละ 250 บาท ค่าอาหารกล่องมื้อเที่ยงอีก 100 บาทเป็นอาหารตามสั่ง สั่งไปกินบนเรือตอนไปดำน้ำ สามารถสั่งได้ที่ร้านอาหารเลย >< แต่หากใครไม่อยากดำน้ำก็สามารเหมาเรือไปตกปลาได้เช่นกัน
บรรยากาศหน้าอ่าวพังกาน้อย
นักท่องเที่ยวกลับจากตกปลากัน ตัวโตมากกกก
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับมาอาบน้ำ พักผ่อนตามอัธยาสัย บนเกาะจะใช้โซล่าเซลล์เป็นพลังงานไฟฟ้า ที่โรงเรียนจะมีไฟใช้ทั้งวันทั้งคืน เพราะช่วงที่เราไปแดดค่อนข้างดีทีเดียว แต่หากช่วงไหนแดดไม่ดีก็จะจำกัดการจ่ายไฟแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น พอกลางคืนที่นี่ค่อนข้างเงียบ สงบ แต่หากใครอยากไปนั่งที่บาร์ก็ได้เหมือนกัน ใช้ถนนบนเกาะที่เชื่อมสถานที่ต่างๆทั่วเกาะได้ กลางคืนก็อาจต้องใช้ไฟฉายเวลาเดิน อย่าลืมเตรียมยากันยุงหรือยาทากันยุงมาด้วย เพราะบนเกาะยุงเยอะมากแต่ก็จะเยอะเฉพาะช่วง 5-6 โมง พอค่ำๆก็ไม่มีแล้ว ที่พักที่เราอยู่ก็จะมีมุ้งให้ไม่งั้นคงโดนยุงกัดเต็มๆ พักที่นี่ก็ลุ้นตลอด เจอทั้งจิ้งจก ยุง แมงสาบ ปาดก็เจอ อาบน้ำไปก็เสียวสันหลัง ชวนลุ้นระลึกตลอด 5555
แถมๆอีกรูปจ้า หน้าโคโคนัทบาร์ช่วงกลางวัน กลางคืนสวยคะ เปิดเพลงคลอเบาๆด้วย บรรยากาศดีทีเดียวคะ
ปล.ที่พักเราติดต่อผ่านทางเพจ TYC ชุมชนเกาะบุโหลน ซึ่งหากใครมีอะไรสงสัยหรืออยากจะสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเพจนี้ในเฟซบุ๊คได้ค่า https://www.facebook.com/tycbulon/?fref=ts
วันแรกก็ขอเล่าเท่านี้ก่อนน้า เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะคะ มีภาพสวยๆกับความสนุกอีกเพียบฝากติดตามด้วยนะคะ เล่าไม่เก่งแต่จากใจเลยค
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น