สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรสรุปว่า...การจะไปสวรรค์ชั้นดุสิตได้เวลาทำทาน
ต้องมีท่าทีในการให้ทานแบบนี้ :
หลักการให้ทานที่จะไปสวรรค์ชั้นดุสิต คือ ในการให้ทานนั้น บุคคล
ไม่มีความหวัง ให้ทาน
ไม่มี
จิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน
ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน
แต่ให้ทานด้วยคิดว่า "เราหุงหากิน แต่สมณะหรือพราหมณ์ไม่ได้หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้
ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ ผู้ไม่หุงหากิน ย่อมเป็นการไม่สมควร"
และไม่ใช่เพียงทำตามประเพณี
เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำ กาลกิริยาตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
แห่งเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นดุสิต
http://board.postjung.com/752369.html
สรุป การไปสวรรค์ชั้นดุสิตได้ กรณีให้ทาน เมื่อเวลาให้ทานขึ้นอยู่กับ
ท่าทีหรือความคิดในการให้ทาน
เป็นสำคัญ ต้องไม่คิดเรื่องอานิสสงฆ์ของทาน ไม่คิดหวังสั่งสมทาน ไม่ได้อยู่ที่ทำบุญมาก ทำบุญน้อย
คือไม่ได้พิจารณาที่
ปริมาณ อยู่ที่ท่าทีเป็นสำคัญ
พระพุทธเจ้าบอกวิธีไปสวรรค์ชั้นดุสิตในกรณีการทำทาน
ต้องมีท่าทีในการให้ทานแบบนี้ :
หลักการให้ทานที่จะไปสวรรค์ชั้นดุสิต คือ ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวัง ให้ทาน
ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน
แต่ให้ทานด้วยคิดว่า "เราหุงหากิน แต่สมณะหรือพราหมณ์ไม่ได้หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้
ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ ผู้ไม่หุงหากิน ย่อมเป็นการไม่สมควร"
และไม่ใช่เพียงทำตามประเพณี
เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำ กาลกิริยาตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
แห่งเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นดุสิต
http://board.postjung.com/752369.html
สรุป การไปสวรรค์ชั้นดุสิตได้ กรณีให้ทาน เมื่อเวลาให้ทานขึ้นอยู่กับท่าทีหรือความคิดในการให้ทาน
เป็นสำคัญ ต้องไม่คิดเรื่องอานิสสงฆ์ของทาน ไม่คิดหวังสั่งสมทาน ไม่ได้อยู่ที่ทำบุญมาก ทำบุญน้อย
คือไม่ได้พิจารณาที่ปริมาณ อยู่ที่ท่าทีเป็นสำคัญ