>> วันที่ 5 (ไกด์บอกว่าจะไป ร้านสมุนไพร --> น้ำมันสนแดง --> Duty Free --> พระราชวังถ็อกซูกุง --> ร้านละลายเงินวอน --> สนามบิน)
ร้านสมุนไพรและน้ำมันสนแดง (ไม่มีอะไร แต่ให้เวลานานเว่อร์)
จากนั้นไป Duty Free กลับให้เวลาแค่ 1.5 ชั่วโมง เท่านั้น!! ซึ่งพวกเรามากันเยอะ เป็นครอบครัวใหญ่ ต่างคนก็ต่างมีออเดอร์มา และอยากเดินเลือกของ เทียบราคา ซึ่ง 1.5 ชั่วโมงนี่…ไม่พอออ
และพวกเราก็ไม่ได้อะไรกันเลย…ได้แค่บางอย่าง เพราะไกด์บอกตลอดว่าเดี๋ยวไปดูที่ Duty Free ถูกกว่า และไป Duty Free ไม่ต้องซื้อขนมนะ ถ้าใครจะซื้อขนมให้ซื้อที่ร้านละลายเงินวอน ร้านสุดท้ายเลยถูกกว่า (อ๊ะ…พวกเราก็ไม่ซื้อ)
ถัดไปก็ไปพระราชวังเดินเล่นไป ใช้เวลา 30 นาที และก็ไปร้านละลายเงินวอน ต่างคนตั้งหน้า ตั้งตา ที่จะช็อปปิ้งกันทั้งนั้น
>>แต่ผลสรุปคือ ได้ของน้อยมาก เพราะของบางอย่างราคาแพง และไม่มีขายในร้านนี้ด้วยซ้ำ ขอพูดตามตรงมินิมาร์ทที่อยู่ใต้โรงแรมที่พัก ราคาของยังถูกกว่าร้านละลายเงินวอนเลย แต่ด้วยความที่ไกด์บอกว่าอย่าซื้อนะ ให้มาซื้อที่นี่เอา…แล้วเป็นไงล่ะ ทุกคนอารมณ์เสีย เพราะของแพง ทำให้ไม่ค่อยได้ของอะไร บางอย่างต้องจำใจซื้อ เพราะไม่มีของฝากให้คนอื่นเขา
นี่เหรอความเป็นไกด์??
>> ตอนกินข้าว กับการ (ไม่) มีมารยาทของไกด์
ไกด์ก็มีการเสริ์ฟน้ำจิ้ม (เหมือนจะมาจากเมืองไทย พวกน้ำจิ้มสุกี้ และน้ำจิ้มแจ่ว) มีอยู่ 1 มื้อ ที่พวกเราคนหนึ่งเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดก็คือ ขอน้ำจิ้มเติมจากไกด์ ไกด์ก็เอื้อมมือไปหยิบน้ำจิ้มของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ยังไม่ได้กิน เอามาให้คนนี้แทน แล้วบอกว่าไม่เห็นกิน แบ่งให้เขาไปนะ…(พวกเรามองหน้ากัน อะไรว่ะ เขายังไม่จิ้ม ก็ไม่ได้หมายความเขาจะไม่กินสักหน่อย แต่น้องคนนั้นก็บอกว่าเอาไปเถอะ เพราะคนที่ขอเติมน้ำจิ้มก็คือคนที่มาด้วยกันนี่แหละ แค่งง กับไกด์ว่าทำไมเป็นแบบนี้)
อีกเรื่องในการกินข้าว แบบสั้นๆ เลยนะ คือ พวกเรามีเด็กเล็ก ซึ่งต้องใช้เวลาในการกินมากกว่าคนอื่น เพราะพ่อแม่ก็ต้องป้อนข้าวลูก และก็ต้องกินข้าวของตัวเองอีก แต่ยังอยู่ในเวลาที่คนอื่นๆ เขาก็ยังนั่งกินกันอยู่ มีอยู่ 2 มื้อ ในขณะที่บางส่วนกินอิ่มแล้ว และลุกไปเดินเล่น หรือเข้าห้องน้ำ และยังมีอีกบางส่วนกลุ่มเล็กๆ ที่ยังนั่งกินกันอยู่ พร้อมกับเด็กๆ ไกด์กลับเดินมาบอกว่า “ไปได้แล้ว คนอื่นเขาลุกหมดแล้ว” คืออะไรอะ คุณไม่เข้าใจเหรอ ถ้าเราช้าจะไม่ว่าเลย แต่นี่คนอื่นเขาก็ยังนั่งกินอยู่ และเรามีเด็กเล็ก ทำให้บรรยากาศของมื้อนั้น หมดอารมณ์กินกันไปเลย
เบ็ดเสร็จ “เสียอารมณ์กันทุกคน และทุกอย่าง”
>> ระหว่างเดินทางไปสนามบิน ไกด์บอกว่า อย่าลืมนะคะ ห้ามเอา…(โน้น นี่ นั่น ขึ้นเครื่อง) ประเด็นใจความที่จับได้คือ ตอนแรกไกด์บอกว่าของที่เป็นพวกสเปรย์, น้ำยาทำสีผม ให้เอาติดไปได้คนละ 1 ชิ้นเท่านั้น และต้องโหลดลงกระเป๋า
>> ผ่านไปสักพัก กลับบอกว่าพวกสเปรย์ สิ่งของที่เขย่าแล้วดังก็องแก็งๆ เอาขึ้นเครื่องได้ 1 ชิ้น พวกไฟแช็ค และพาวเวอร์แบงค์ ต้องเอาขึ้นเครื่อง เพื่อนเราคนหนึ่งกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่จับใจความว่าเอาขึ้นเครื่องได้ เพราะเพื่อนเราพึ่งซื้อสเปรย์ใส่ผมมา ก็เลยใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง
**ด้วยความที่สายการบินจำกัดน้ำหนักของกระเป๋ามาก คือ ไม่เกิน 15 กก./ใบ/คน เท่านั้น**
>> สรุป เพื่อนเราคนนี้ก็ไม่ผ่านเครื่องสแกน ต้องทิ้งสเปรย์ใส่ผมที่พึ่งซื้อมาทิ้งไป ด้วยการที่จำไกด์พูดได้ว่าสามารถเอาขึ้นเครื่องได้
>> การสั่งซื้อของกับไกด์บนรถ
นี่ก็มีประเด็นอีก บอกว่าให้สั่งสตอเบอรี่กับไกด์ เพราะลูกใหญ่กว่า สดกว่า ราคาโอเค แต่ถ้าใครจะซื้อตามร้านข้างทางก็ได้ แต่จะได้ลูกเล็กกว่า อาจจะมีช้ำด้วย แต่ราคาก็ถูกกว่านิดหน่อย…พูดแบบนี้ใครๆ ก็ต้องสั่งกับไกด์ไหม แต่จริงๆ พวกเราก็สั่งกับไกด์ทุกครั้งแหละที่เดินทาง เพราะได้ของวันกลับเลย จะได้สดหน่อย ถ้าอยากกินตอนอยู่ที่โน้น ก็จะซื้อกินเองตามร้านข้างทางนั่นแหละ
และแล้ว ก็เช่นเคย มาถึงสนามบิน ไกด์ส่งของพวกขนมต่างๆ ที่สั่งกับไกด์ พร้อมสตอเบอรี่ที่ห่อผ้ามาให้ตอนที่พวกเราจะเขา ตม. พอเดินทางถึงสุวรรณภูมิ พวกเราก็จัดของ แบ่งของกัน จนมาตอนเช้า ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สตอเบอรี่ช้ำมาก ไม่กรอบ ไม่อร่อย และมีสีเขียวเยอะมาก ลูกเล็กกว่าที่ซื้อกินที่เมียงดงอีก…นี่คืออะไร???
ตอนเช็คอินที่สนามบิน (ขากลับ) ก็เหมือนกัน พวกเราก็ชั่งน้ำหนักกระเป๋า และจัดกระเป๋ากันใหม่ เพื่อไม่ให้เกินคนละ 15 กก. (แต่สายการบินบวกให้ได้ไม่เกิน 2 กก.) พวกเราจึงจัดการภายในกรุ๊ปของเราว่าใครควรจะเช็คอินกับใคร เพื่อถั่วเฉลี่ยกระเป๋าไม่ให้เกิน…แต่ทันใดนั้น กับการกระทำของไกด์อีกเช่นเคย ก็ดันกระเป๋าที่พวกเราจัดกันไว้ไปเช็คอิน ยกขึ้นให้เรียบร้อย…สรุปผลออกมาคือ เหลือกระเป๋าอีก 1 ใบ ที่ไม่สามารถโหลดขึ้นได้ เพราะน้ำหนักเกิน จากการที่ถั่วเฉลี่ยของพาสปอร์ตตอนที่เช็คอิน
>> อยากถามว่าเพื่ออะไร??
เขาจัดของเขากันอยู่ดีๆ ว่าจะต้องเช็คอินกันแบบไหน ไกด์ก็เป็นคนบอกเองว่าให้เข้าไปเช็คอินคู่กัน จะได้ถั่วเฉลี่ยน้ำหนักกัน แต่นี่คืออะไร เอาพาสปอร์ตไป 5 คน กับกระเป๋าทั้งหมด ทำเองอะไรเอง แล้วไง…พวกเราก็ต้องแบกขึ้นเครื่องกันเพิ่มอีก 1 กระเป๋า
วันหลังๆ ที่พวกเราอยู่ที่โน้น ก็ทำให้พวกเราได้รู้จักกับเพื่อนๆ ที่มาจอยกรุ๊ป และอยู่บัสเดียวกับเรา ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ว่าไม่โอเคตั้งแต่ที่สนามบินล่ะ ต้องแยกไฟล์กันมา และแยกไฟล์กันกลับ แล้วยังต้องไปต่อเครื่องอีก ทางพวกเราเลยถามว่าเขาจองทัวร์มาจากที่ไหน สรุปได้ว่าทริปนี้มาจาก
www.thaifly.com และ www.nexttripholiday.com
>> พวกเราหาข้อมูลมาได้ว่า Thaifly และ Next Trip Holiday เป็น Agent ที่ขายทัวร์ แต่คนที่จัดการทุกอย่างเป็นบริษัท True World หรือ True World Travel (www.trueworldbooking.com และ www.facebook.com/TrueWorldTravelFanpage)
ทีนี้ใครล่ะ จะเป็นคนรับผิดชอบ และใครคือคนที่ผิด เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าความผิดในเรื่องของตั๋วเครื่องบินเกิดมาจากที่ไหน แต่ จนท. ที่รอส่งกรุ๊ปที่สุวรรณภูมิ ก็ควรจะสอบถาม และแจ้งกลับไปทาง Agent รึป่าว ว่าสื่อสารกันมาแบบไหน...
สิ่งที่เสียความรู้สึก และแย่ กับทริปนี้
1. การเปลี่ยนไฟล์บิน โดยที่ไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงรายละเอียด ทำให้ทุกคนต้องเดินทางมารอกันนานมากกว่าจะได้บิน แล้วเรายังมีคนที่ต้องรีบเดินทางมาจากต่างจังหวัด, ผู้สูงอายุ กับเด็กเล็ก ที่ส่งผลในเรื่องการกิน และการนอนของเขา
2. การบินแยกไฟล์กัน โดยที่ไม่แจ้งและไม่สอบถามความยินยอมจากลูกค้าก่อนว่าโอเค หรือไม่ และควรให้ใครบินไปกับใคร ไม่ใช่ว่าจะมาจับแยกเอง แล้วบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน (คุณก็ควรไปถาม Agent ที่ส่งรายละเอียดมาให้ก่อนไหม หรือไม่ก็โทรสอบถามกับลูกค้าโดยตรงก่อนทำการออกตั๋ว)
3. ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย (นอกจากที่ซื้อตั๋วใหม่ให้แม่กับลูกไปไฟล์เดียวกัน เท่านั้น) แล้วก็โยนความผิดกันไปมา ไม่มีใครรับผิดชอบ
4. ไกด์ที่จัดมาให้ก็พูดไม่รู้เรื่อง พูดวกไปวนมา แนะนำอะไรที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการซื้อของตามจุดต่างๆ และราคา
5. ไกด์ไม่จัดตารางให้ดี และไม่มีอะไรแน่นอนในการเดินทาง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาต่อเกือบทุกชั่วโมง
6. ไกด์มารยาทไม่ดี ไม่รู้จักกาลเทศะ
**ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลย ถือว่าเป็นทริปที่แย่มาก ทุกคนในทริปรู้สึกเหมือนกัน กับการเดินทางในครั้งนี้…ใครล่ะ คือคนผิด และผิดที่ตรงไหน**
พวกคุณจะไม่ซื้อใจลูกค้ากันเลยเหรอ การไปเที่ยวทุกครั้ง เราก็ได้เพื่อนใหม่กลับมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทริป หรือไกด์ในแต่ละทริป และพวกเรายังแนะนำคนอื่นๆ ทั้งเพื่อน และญาติพี่น้อง อีกมากมายให้ไปซื้อทัวร์ หรือซื้อแพคเกจ กับบริษัทฯ ที่เราเคยเดินทางด้วย แล้วประทับใจ…
แต่นี่ถือว่าแย่มาก และแย่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา…ตั้งแต่ต้น จน จบทริป กันเลยทีเดียว ขอฝากเพื่อนๆ คนอื่นด้วยนะ คนที่ชอบเดินทางและไปเป็นแบบแพคเกจทัวร์ ต้องระวังให้มาก
ขอบคุณทุกท่านที่สนใจอ่าน และขออภัยที่เนื้อหายาวไปหน่อย เพราะต้องการแชร์ในทุกรายละเอียด และความรู้สึกที่ได้รับมา
**เอกสารอ้างอิง**














[CR] (ต่อ) ใคร “ผิด” และใครที่ต้อง “รับผิดชอบ” แชร์ (และแฉ) ประสบการณ์ตรงในการซื้อทัวร์ไป…เกาหลีใต้ (ภาค 2)
ร้านสมุนไพรและน้ำมันสนแดง (ไม่มีอะไร แต่ให้เวลานานเว่อร์)
จากนั้นไป Duty Free กลับให้เวลาแค่ 1.5 ชั่วโมง เท่านั้น!! ซึ่งพวกเรามากันเยอะ เป็นครอบครัวใหญ่ ต่างคนก็ต่างมีออเดอร์มา และอยากเดินเลือกของ เทียบราคา ซึ่ง 1.5 ชั่วโมงนี่…ไม่พอออ
และพวกเราก็ไม่ได้อะไรกันเลย…ได้แค่บางอย่าง เพราะไกด์บอกตลอดว่าเดี๋ยวไปดูที่ Duty Free ถูกกว่า และไป Duty Free ไม่ต้องซื้อขนมนะ ถ้าใครจะซื้อขนมให้ซื้อที่ร้านละลายเงินวอน ร้านสุดท้ายเลยถูกกว่า (อ๊ะ…พวกเราก็ไม่ซื้อ)
ถัดไปก็ไปพระราชวังเดินเล่นไป ใช้เวลา 30 นาที และก็ไปร้านละลายเงินวอน ต่างคนตั้งหน้า ตั้งตา ที่จะช็อปปิ้งกันทั้งนั้น
>>แต่ผลสรุปคือ ได้ของน้อยมาก เพราะของบางอย่างราคาแพง และไม่มีขายในร้านนี้ด้วยซ้ำ ขอพูดตามตรงมินิมาร์ทที่อยู่ใต้โรงแรมที่พัก ราคาของยังถูกกว่าร้านละลายเงินวอนเลย แต่ด้วยความที่ไกด์บอกว่าอย่าซื้อนะ ให้มาซื้อที่นี่เอา…แล้วเป็นไงล่ะ ทุกคนอารมณ์เสีย เพราะของแพง ทำให้ไม่ค่อยได้ของอะไร บางอย่างต้องจำใจซื้อ เพราะไม่มีของฝากให้คนอื่นเขา นี่เหรอความเป็นไกด์??
>> ตอนกินข้าว กับการ (ไม่) มีมารยาทของไกด์
ไกด์ก็มีการเสริ์ฟน้ำจิ้ม (เหมือนจะมาจากเมืองไทย พวกน้ำจิ้มสุกี้ และน้ำจิ้มแจ่ว) มีอยู่ 1 มื้อ ที่พวกเราคนหนึ่งเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดก็คือ ขอน้ำจิ้มเติมจากไกด์ ไกด์ก็เอื้อมมือไปหยิบน้ำจิ้มของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ยังไม่ได้กิน เอามาให้คนนี้แทน แล้วบอกว่าไม่เห็นกิน แบ่งให้เขาไปนะ…(พวกเรามองหน้ากัน อะไรว่ะ เขายังไม่จิ้ม ก็ไม่ได้หมายความเขาจะไม่กินสักหน่อย แต่น้องคนนั้นก็บอกว่าเอาไปเถอะ เพราะคนที่ขอเติมน้ำจิ้มก็คือคนที่มาด้วยกันนี่แหละ แค่งง กับไกด์ว่าทำไมเป็นแบบนี้)
อีกเรื่องในการกินข้าว แบบสั้นๆ เลยนะ คือ พวกเรามีเด็กเล็ก ซึ่งต้องใช้เวลาในการกินมากกว่าคนอื่น เพราะพ่อแม่ก็ต้องป้อนข้าวลูก และก็ต้องกินข้าวของตัวเองอีก แต่ยังอยู่ในเวลาที่คนอื่นๆ เขาก็ยังนั่งกินกันอยู่ มีอยู่ 2 มื้อ ในขณะที่บางส่วนกินอิ่มแล้ว และลุกไปเดินเล่น หรือเข้าห้องน้ำ และยังมีอีกบางส่วนกลุ่มเล็กๆ ที่ยังนั่งกินกันอยู่ พร้อมกับเด็กๆ ไกด์กลับเดินมาบอกว่า “ไปได้แล้ว คนอื่นเขาลุกหมดแล้ว” คืออะไรอะ คุณไม่เข้าใจเหรอ ถ้าเราช้าจะไม่ว่าเลย แต่นี่คนอื่นเขาก็ยังนั่งกินอยู่ และเรามีเด็กเล็ก ทำให้บรรยากาศของมื้อนั้น หมดอารมณ์กินกันไปเลย
เบ็ดเสร็จ “เสียอารมณ์กันทุกคน และทุกอย่าง”
>> ระหว่างเดินทางไปสนามบิน ไกด์บอกว่า อย่าลืมนะคะ ห้ามเอา…(โน้น นี่ นั่น ขึ้นเครื่อง) ประเด็นใจความที่จับได้คือ ตอนแรกไกด์บอกว่าของที่เป็นพวกสเปรย์, น้ำยาทำสีผม ให้เอาติดไปได้คนละ 1 ชิ้นเท่านั้น และต้องโหลดลงกระเป๋า
>> ผ่านไปสักพัก กลับบอกว่าพวกสเปรย์ สิ่งของที่เขย่าแล้วดังก็องแก็งๆ เอาขึ้นเครื่องได้ 1 ชิ้น พวกไฟแช็ค และพาวเวอร์แบงค์ ต้องเอาขึ้นเครื่อง เพื่อนเราคนหนึ่งกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่จับใจความว่าเอาขึ้นเครื่องได้ เพราะเพื่อนเราพึ่งซื้อสเปรย์ใส่ผมมา ก็เลยใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง
**ด้วยความที่สายการบินจำกัดน้ำหนักของกระเป๋ามาก คือ ไม่เกิน 15 กก./ใบ/คน เท่านั้น**
>> สรุป เพื่อนเราคนนี้ก็ไม่ผ่านเครื่องสแกน ต้องทิ้งสเปรย์ใส่ผมที่พึ่งซื้อมาทิ้งไป ด้วยการที่จำไกด์พูดได้ว่าสามารถเอาขึ้นเครื่องได้
>> การสั่งซื้อของกับไกด์บนรถ
นี่ก็มีประเด็นอีก บอกว่าให้สั่งสตอเบอรี่กับไกด์ เพราะลูกใหญ่กว่า สดกว่า ราคาโอเค แต่ถ้าใครจะซื้อตามร้านข้างทางก็ได้ แต่จะได้ลูกเล็กกว่า อาจจะมีช้ำด้วย แต่ราคาก็ถูกกว่านิดหน่อย…พูดแบบนี้ใครๆ ก็ต้องสั่งกับไกด์ไหม แต่จริงๆ พวกเราก็สั่งกับไกด์ทุกครั้งแหละที่เดินทาง เพราะได้ของวันกลับเลย จะได้สดหน่อย ถ้าอยากกินตอนอยู่ที่โน้น ก็จะซื้อกินเองตามร้านข้างทางนั่นแหละ
และแล้ว ก็เช่นเคย มาถึงสนามบิน ไกด์ส่งของพวกขนมต่างๆ ที่สั่งกับไกด์ พร้อมสตอเบอรี่ที่ห่อผ้ามาให้ตอนที่พวกเราจะเขา ตม. พอเดินทางถึงสุวรรณภูมิ พวกเราก็จัดของ แบ่งของกัน จนมาตอนเช้า ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สตอเบอรี่ช้ำมาก ไม่กรอบ ไม่อร่อย และมีสีเขียวเยอะมาก ลูกเล็กกว่าที่ซื้อกินที่เมียงดงอีก…นี่คืออะไร???
ตอนเช็คอินที่สนามบิน (ขากลับ) ก็เหมือนกัน พวกเราก็ชั่งน้ำหนักกระเป๋า และจัดกระเป๋ากันใหม่ เพื่อไม่ให้เกินคนละ 15 กก. (แต่สายการบินบวกให้ได้ไม่เกิน 2 กก.) พวกเราจึงจัดการภายในกรุ๊ปของเราว่าใครควรจะเช็คอินกับใคร เพื่อถั่วเฉลี่ยกระเป๋าไม่ให้เกิน…แต่ทันใดนั้น กับการกระทำของไกด์อีกเช่นเคย ก็ดันกระเป๋าที่พวกเราจัดกันไว้ไปเช็คอิน ยกขึ้นให้เรียบร้อย…สรุปผลออกมาคือ เหลือกระเป๋าอีก 1 ใบ ที่ไม่สามารถโหลดขึ้นได้ เพราะน้ำหนักเกิน จากการที่ถั่วเฉลี่ยของพาสปอร์ตตอนที่เช็คอิน
>> อยากถามว่าเพื่ออะไร??
เขาจัดของเขากันอยู่ดีๆ ว่าจะต้องเช็คอินกันแบบไหน ไกด์ก็เป็นคนบอกเองว่าให้เข้าไปเช็คอินคู่กัน จะได้ถั่วเฉลี่ยน้ำหนักกัน แต่นี่คืออะไร เอาพาสปอร์ตไป 5 คน กับกระเป๋าทั้งหมด ทำเองอะไรเอง แล้วไง…พวกเราก็ต้องแบกขึ้นเครื่องกันเพิ่มอีก 1 กระเป๋า
วันหลังๆ ที่พวกเราอยู่ที่โน้น ก็ทำให้พวกเราได้รู้จักกับเพื่อนๆ ที่มาจอยกรุ๊ป และอยู่บัสเดียวกับเรา ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ว่าไม่โอเคตั้งแต่ที่สนามบินล่ะ ต้องแยกไฟล์กันมา และแยกไฟล์กันกลับ แล้วยังต้องไปต่อเครื่องอีก ทางพวกเราเลยถามว่าเขาจองทัวร์มาจากที่ไหน สรุปได้ว่าทริปนี้มาจาก
www.thaifly.com และ www.nexttripholiday.com
>> พวกเราหาข้อมูลมาได้ว่า Thaifly และ Next Trip Holiday เป็น Agent ที่ขายทัวร์ แต่คนที่จัดการทุกอย่างเป็นบริษัท True World หรือ True World Travel (www.trueworldbooking.com และ www.facebook.com/TrueWorldTravelFanpage)
ทีนี้ใครล่ะ จะเป็นคนรับผิดชอบ และใครคือคนที่ผิด เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าความผิดในเรื่องของตั๋วเครื่องบินเกิดมาจากที่ไหน แต่ จนท. ที่รอส่งกรุ๊ปที่สุวรรณภูมิ ก็ควรจะสอบถาม และแจ้งกลับไปทาง Agent รึป่าว ว่าสื่อสารกันมาแบบไหน...
สิ่งที่เสียความรู้สึก และแย่ กับทริปนี้
1. การเปลี่ยนไฟล์บิน โดยที่ไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงรายละเอียด ทำให้ทุกคนต้องเดินทางมารอกันนานมากกว่าจะได้บิน แล้วเรายังมีคนที่ต้องรีบเดินทางมาจากต่างจังหวัด, ผู้สูงอายุ กับเด็กเล็ก ที่ส่งผลในเรื่องการกิน และการนอนของเขา
2. การบินแยกไฟล์กัน โดยที่ไม่แจ้งและไม่สอบถามความยินยอมจากลูกค้าก่อนว่าโอเค หรือไม่ และควรให้ใครบินไปกับใคร ไม่ใช่ว่าจะมาจับแยกเอง แล้วบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน (คุณก็ควรไปถาม Agent ที่ส่งรายละเอียดมาให้ก่อนไหม หรือไม่ก็โทรสอบถามกับลูกค้าโดยตรงก่อนทำการออกตั๋ว)
3. ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย (นอกจากที่ซื้อตั๋วใหม่ให้แม่กับลูกไปไฟล์เดียวกัน เท่านั้น) แล้วก็โยนความผิดกันไปมา ไม่มีใครรับผิดชอบ
4. ไกด์ที่จัดมาให้ก็พูดไม่รู้เรื่อง พูดวกไปวนมา แนะนำอะไรที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการซื้อของตามจุดต่างๆ และราคา
5. ไกด์ไม่จัดตารางให้ดี และไม่มีอะไรแน่นอนในการเดินทาง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาต่อเกือบทุกชั่วโมง
6. ไกด์มารยาทไม่ดี ไม่รู้จักกาลเทศะ
**ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลย ถือว่าเป็นทริปที่แย่มาก ทุกคนในทริปรู้สึกเหมือนกัน กับการเดินทางในครั้งนี้…ใครล่ะ คือคนผิด และผิดที่ตรงไหน**
พวกคุณจะไม่ซื้อใจลูกค้ากันเลยเหรอ การไปเที่ยวทุกครั้ง เราก็ได้เพื่อนใหม่กลับมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทริป หรือไกด์ในแต่ละทริป และพวกเรายังแนะนำคนอื่นๆ ทั้งเพื่อน และญาติพี่น้อง อีกมากมายให้ไปซื้อทัวร์ หรือซื้อแพคเกจ กับบริษัทฯ ที่เราเคยเดินทางด้วย แล้วประทับใจ…
แต่นี่ถือว่าแย่มาก และแย่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา…ตั้งแต่ต้น จน จบทริป กันเลยทีเดียว ขอฝากเพื่อนๆ คนอื่นด้วยนะ คนที่ชอบเดินทางและไปเป็นแบบแพคเกจทัวร์ ต้องระวังให้มาก
ขอบคุณทุกท่านที่สนใจอ่าน และขออภัยที่เนื้อหายาวไปหน่อย เพราะต้องการแชร์ในทุกรายละเอียด และความรู้สึกที่ได้รับมา
**เอกสารอ้างอิง**