*
"KYOTO PLEASE"
*
สวัสดีครับ
ต้องขอเรียนก่อนว่าด้วยความคิดถึงเกียวโต จึงมีกระทู้นี้ขึ้นมา
ฉะนั้นเนื้อหาทั้งหมดหล่อหลอมมาจากความประทับใจและเจือปนด้วยความคิดถึงขั้นรุนแรง
และไม่อาจเรียกว่ารีวิวได้เพราะเราก็ไปตามอารมณ์และเน้นเดินไปเรื่อย
แต่หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับคนที่รักและคิดถึง "เกียวโต"
*
*
รูปทั้งหมดมาจากกล้องฟิล์ม
Contax Aria + Yashica ML 50mm f1.4 x fujifilm pro400h
ล้างและสแกนที่ร้าน AIRLAB BKK
*
เริ่มเรื่องกันเลยแล้วกัน...
เหตุที่คิดถึงเกียวโตหนักมากเนื่องจากช่วงนี้มีพายุหิมะเข้าเกียวโต ทำให้เกียวโตขาวโพลนไปทั้งเมือง
ซึ่งโดยปกติแล้วในสภาพอากาศของโลกเราตอนนี้ทำให้โอกาสที่หิมะจะตกในเกียวโตนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
อย่างเก่งก็ตกแปปๆ และละลายไปในชั่วพริบตา
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะแม้แต่ย่าน Pontochō ก็ขาวมากเช่นเดียวกัน
สำหรับคนรักเกียวโตและอยากเก็บให้ครบทุกฤดูมันน่าโดนจริงๆ
(ที่สำคัญคือวัดทองตอนนี้โดนหิมะคลุมสวยมากๆ เหมือนในโปสเตอร์เลยคุณ)
และเนื้อหาถัดจากนี้จะเป็นส่วนของความประทับใจที่เราไปมาครั้งที่แล้ว
ซึ่งเป็นการไปเกียวโตครั้งที่ 2 โดยเราเลือกไปในช่วงที่คุณนายซากุระบาน
(เพราะครั้งก่อนไปตอนคุณเมเปิ้ล)
จากการที่เฝ้าดูพยากรณ์ซากุระจากปีก่อนๆ
ทำให้เราตัดสินใจเดินทางไปเกียวโตในช่วงวันที่ 28 มีนาคม - 4 เมษายน 2016
ซึ่งวันแรกๆ คุณนายซากุระเค้าก็ยังไม่ฟูลบลูมกัน แต่ก็เริ่มบานกันให้เห็นแล้วแหละ
ส่วนที่กล่าวถึงหิมะนั้นไม่ใช่ไม่มีประโยชน์หรือเราจะกล่าวมาเฉยๆ นะคุณ
เพราะการที่สภาพอากาศไม่ปกติเช่นนี้ก็ย่อมส่งผลกับการบานของดอกซากุระ
ฉะนั้นคนที่จะเดินทางไปดูซากุระที่เกียวโตก็เฝ้าดูพยากรณ์ซากุระกันดีๆ
ว่าจะเริ่มบานเมื่อไหร่จะได้ไม่เสียเที่ยวนะครับ
(แต่เราว่าวีคสุดท้ายของเดือนมีนากับวีคแรกของเดือนเมษามีโอกาสเจอสูงครับ)
ทีนี้เรามาเริ่มลุยเกียวโตผ่านฟิล์มของเราดีกว่าเนอะ
*
Location : Kamo River Delta ( 鴨川デルタ)
"เราได้เจอกับแม่น้ำคาโมะโดยบังเอิญ เพราะเหนื่อยจากการเดินหลายวันติดต่อกัน"
*
*
แม่น้ำคาโมะเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเกียวโต
ตลอดทั้งสายมีทางเดินและเลนส์จักรยานให้ปั่นเลียบริมแม่น้ำ
โดยช่วงที่ได้รับความนิยมคือช่วง Pontochō
แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบแมสๆ วุ่นวายๆ
แนะนำให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Demachiyanagi
ซึ่งเลยขึ้นมาช่วงตอนบนของแม่น้ำที่เรียกว่า Kamo River Delta
ยิ่งช่วงจุดที่แม่น้ำมารวมกันยิ่งจะมีต้นซากุระริ่มฝั่งที่ยื่นกิ่งลงมาเกือบจะถึงทางเดินเยอะมากๆ
เหมาะสำหรับการนั่งพักเหนื่อยจากการไล่ชมโลเคชั่นสุดฮิตมาตลอดทั้งทริป
และถ้าเอาเสื่อไปปูนอนพร้อมจิบเบียร์ก็จะดีมากเช่นกัน
ส่วนมากเราก็เห็นคนเกียวโตเขานอนปูเสื่อพลางจิบเบียร์ดูซากุระกันแบบนั้น
*
*
อันที่จริงเราเจอที่ตรงนี้เพราะหลงทางตั้งแต่ครั้งแรกที่ไป
เพราะรอบนั้นไปคนเดียวและไม่ใช้เน็ต (งก)
เน้นดูแผนที่เอาก็ปรากฏว่าหลงเพราะตั้งใจจะนั่งรถไปวัดทอง (Kinkakuji)
แต่ดันไปสายที่ไปวัดเงิน (Ginkakuji)
พอเห็นแม่น้ำก็รู้เลยว่าหลงแต่ก็ไม่ยอมลง นั่งไปเรื่อยๆ
นั่งจนเลยวัดเงินไปจนถึง KICL (Kyoto Institute of Culture and Language)
พอเดินเล่นแถวนั้นเสร็จก็ตัดสินใจเดินไปวัดเงิน
เพราะไม่กล้าขึ้นรถบัสเพราะแอบกลัวและงก (ตอนนั้นใช้ JR pass)
เลยพยายามหลอกตัวเองว่าเราชอบเดินนี่นาเอาเข้าจริงคือเหนื่อยมาก
ตอนกลับเลยนั่งบัสย้อนกลับไปที่ Kamo River Delta นี่แหละ
เพราะตอนนั้นพระอาทิตย์ตกพอดีสวยมากๆ
และด้วยความเหนื่อยก็เลยเลือกลงมานั่งพักเอาแรง
พอได้มองรอบๆ และสัมผัสบรรยากาศตอนนั้นคือประทับใจมากจนต้องกลับไปอีก
*
*
*
Location : Kiyomizu-Dera (清水寺) & Yasaka no To Pagoda (八坂の塔)
"เกียวโตจากมุมสูง และ เจดีย์แสนโดดเดี่ยว"
*
*
เคยมีหลายคนกล่าวว่า "ไปเกียวโตไม่ไปวัดคิโยสึก็เหมือนไปไม่ถึง"
แน่นอนว่าคำโปรยเช่นนี้มักเรียกผู้คนได้ดีเสมอ
แต่ด้วยเหตุที่เราไม่ชอบความแออัดวุ่นวายของผู้คน
วัดนี้เลยไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่อยากไปด้วยซ้ำ
แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยและเห็นรูปที่ล้างมาเรียบร้อยแล้ว
ต้องยอมรับเลยว่ารูปที่ออกมานั้นดูเป็นเกียวโตที่เราเห็นๆ กันตามแอดมากๆ
เพราะนอกจากเราจะได้เห็นวัดที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกแล้ว
เรายังสามารถมองเห็นเมืองเกียวโตจากมุมสูงได้อีกด้วย (ซีนนี้แหละที่เราประทับใจ)
ฉะนั้นหากได้ไปเกียวโตก็อย่าลืมแวะไปวัดคิโยมิสึแห่งนี้สักครั้งนะครับ
รับรองได้เลยว่าวิวเมืองเกียวโตจากระเบียงวัดนั้นจะติดใจและลืมเรื่องคนเยอะไปแน่นอน
(เที่ยวแบบแมสๆ ก็ไม่เสียหายนะคุณ)
*
*
สถานที่ต่อไปนั้นถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ได้เจอ
หลังจากที่เดินลงจากวัดคิโยมิสึแล้วเดินออกไปทางขวามือเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที
ก็จะเจอเจดีย์ 5 ชั้นที่เรียกว่า
Yasaka no To Pagoda (八坂の塔)
ซึ่งหากมองกันด้วยตาเปล่าแล้วเจดีย์ลักษณะนี้ก็กระจายตัวอยู่หลายแห่งทั่ว
ทั้งญี่ปุ่นนั่นแหละ หากแต่เราได้อ่านเจอประโยคที่กล่าวถึงเจดีย์แห่งนี้ไว้ว่า
*
*
"While most pagodas come complete with temples,
Yasaka-no-to Pagoda stands mostly alone,
the buildings of the temple of which it once belonged (Hokan-ji Temple) having been destroyed by fires,
earthquakes and wars over the years."
*
เพียงคำว่า stands mostly alone นั้นก็ฟังดูเหงาจับใจแล้ว
เช่นนั้นหากใครผ่านไปวัดคิโยมิสึก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมเยือน
Yasaka no To Pagoda ด้วยนะครับ
ถือว่าเป็นทางผ่านไปย่าน Gion เสียแล้วกัน
จะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปนั่งรถเมล์หน้าวัดคิโยมิสึให้เสียเวลา
ทั้งยังได้สัมผัสบรรยากาศและชมสถาปัตยกรรมแถวนั้นด้วย
(เห็นไหมว่าเราชอบเดิน)
*
"Kyoto Please" ความคิดถึงผ่านฟิล์ม
*
"KYOTO PLEASE"
*
สวัสดีครับ
ต้องขอเรียนก่อนว่าด้วยความคิดถึงเกียวโต จึงมีกระทู้นี้ขึ้นมา
ฉะนั้นเนื้อหาทั้งหมดหล่อหลอมมาจากความประทับใจและเจือปนด้วยความคิดถึงขั้นรุนแรง
และไม่อาจเรียกว่ารีวิวได้เพราะเราก็ไปตามอารมณ์และเน้นเดินไปเรื่อย
แต่หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับคนที่รักและคิดถึง "เกียวโต"
*
*
รูปทั้งหมดมาจากกล้องฟิล์ม
Contax Aria + Yashica ML 50mm f1.4 x fujifilm pro400h
ล้างและสแกนที่ร้าน AIRLAB BKK
*
เริ่มเรื่องกันเลยแล้วกัน...
เหตุที่คิดถึงเกียวโตหนักมากเนื่องจากช่วงนี้มีพายุหิมะเข้าเกียวโต ทำให้เกียวโตขาวโพลนไปทั้งเมือง
ซึ่งโดยปกติแล้วในสภาพอากาศของโลกเราตอนนี้ทำให้โอกาสที่หิมะจะตกในเกียวโตนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
อย่างเก่งก็ตกแปปๆ และละลายไปในชั่วพริบตา
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะแม้แต่ย่าน Pontochō ก็ขาวมากเช่นเดียวกัน
สำหรับคนรักเกียวโตและอยากเก็บให้ครบทุกฤดูมันน่าโดนจริงๆ
(ที่สำคัญคือวัดทองตอนนี้โดนหิมะคลุมสวยมากๆ เหมือนในโปสเตอร์เลยคุณ)
และเนื้อหาถัดจากนี้จะเป็นส่วนของความประทับใจที่เราไปมาครั้งที่แล้ว
ซึ่งเป็นการไปเกียวโตครั้งที่ 2 โดยเราเลือกไปในช่วงที่คุณนายซากุระบาน
(เพราะครั้งก่อนไปตอนคุณเมเปิ้ล)
จากการที่เฝ้าดูพยากรณ์ซากุระจากปีก่อนๆ
ทำให้เราตัดสินใจเดินทางไปเกียวโตในช่วงวันที่ 28 มีนาคม - 4 เมษายน 2016
ซึ่งวันแรกๆ คุณนายซากุระเค้าก็ยังไม่ฟูลบลูมกัน แต่ก็เริ่มบานกันให้เห็นแล้วแหละ
ส่วนที่กล่าวถึงหิมะนั้นไม่ใช่ไม่มีประโยชน์หรือเราจะกล่าวมาเฉยๆ นะคุณ
เพราะการที่สภาพอากาศไม่ปกติเช่นนี้ก็ย่อมส่งผลกับการบานของดอกซากุระ
ฉะนั้นคนที่จะเดินทางไปดูซากุระที่เกียวโตก็เฝ้าดูพยากรณ์ซากุระกันดีๆ
ว่าจะเริ่มบานเมื่อไหร่จะได้ไม่เสียเที่ยวนะครับ
(แต่เราว่าวีคสุดท้ายของเดือนมีนากับวีคแรกของเดือนเมษามีโอกาสเจอสูงครับ)
ทีนี้เรามาเริ่มลุยเกียวโตผ่านฟิล์มของเราดีกว่าเนอะ
*
Location : Kamo River Delta ( 鴨川デルタ)
"เราได้เจอกับแม่น้ำคาโมะโดยบังเอิญ เพราะเหนื่อยจากการเดินหลายวันติดต่อกัน"
*
*
แม่น้ำคาโมะเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเกียวโต
ตลอดทั้งสายมีทางเดินและเลนส์จักรยานให้ปั่นเลียบริมแม่น้ำ
โดยช่วงที่ได้รับความนิยมคือช่วง Pontochō
แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบแมสๆ วุ่นวายๆ
แนะนำให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Demachiyanagi
ซึ่งเลยขึ้นมาช่วงตอนบนของแม่น้ำที่เรียกว่า Kamo River Delta
ยิ่งช่วงจุดที่แม่น้ำมารวมกันยิ่งจะมีต้นซากุระริ่มฝั่งที่ยื่นกิ่งลงมาเกือบจะถึงทางเดินเยอะมากๆ
เหมาะสำหรับการนั่งพักเหนื่อยจากการไล่ชมโลเคชั่นสุดฮิตมาตลอดทั้งทริป
และถ้าเอาเสื่อไปปูนอนพร้อมจิบเบียร์ก็จะดีมากเช่นกัน
ส่วนมากเราก็เห็นคนเกียวโตเขานอนปูเสื่อพลางจิบเบียร์ดูซากุระกันแบบนั้น
*
*
อันที่จริงเราเจอที่ตรงนี้เพราะหลงทางตั้งแต่ครั้งแรกที่ไป
เพราะรอบนั้นไปคนเดียวและไม่ใช้เน็ต (งก)
เน้นดูแผนที่เอาก็ปรากฏว่าหลงเพราะตั้งใจจะนั่งรถไปวัดทอง (Kinkakuji)
แต่ดันไปสายที่ไปวัดเงิน (Ginkakuji)
พอเห็นแม่น้ำก็รู้เลยว่าหลงแต่ก็ไม่ยอมลง นั่งไปเรื่อยๆ
นั่งจนเลยวัดเงินไปจนถึง KICL (Kyoto Institute of Culture and Language)
พอเดินเล่นแถวนั้นเสร็จก็ตัดสินใจเดินไปวัดเงิน
เพราะไม่กล้าขึ้นรถบัสเพราะแอบกลัวและงก (ตอนนั้นใช้ JR pass)
เลยพยายามหลอกตัวเองว่าเราชอบเดินนี่นาเอาเข้าจริงคือเหนื่อยมาก
ตอนกลับเลยนั่งบัสย้อนกลับไปที่ Kamo River Delta นี่แหละ
เพราะตอนนั้นพระอาทิตย์ตกพอดีสวยมากๆ
และด้วยความเหนื่อยก็เลยเลือกลงมานั่งพักเอาแรง
พอได้มองรอบๆ และสัมผัสบรรยากาศตอนนั้นคือประทับใจมากจนต้องกลับไปอีก
*
*
*
Location : Kiyomizu-Dera (清水寺) & Yasaka no To Pagoda (八坂の塔)
"เกียวโตจากมุมสูง และ เจดีย์แสนโดดเดี่ยว"
*
*
เคยมีหลายคนกล่าวว่า "ไปเกียวโตไม่ไปวัดคิโยสึก็เหมือนไปไม่ถึง"
แน่นอนว่าคำโปรยเช่นนี้มักเรียกผู้คนได้ดีเสมอ
แต่ด้วยเหตุที่เราไม่ชอบความแออัดวุ่นวายของผู้คน
วัดนี้เลยไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่อยากไปด้วยซ้ำ
แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยและเห็นรูปที่ล้างมาเรียบร้อยแล้ว
ต้องยอมรับเลยว่ารูปที่ออกมานั้นดูเป็นเกียวโตที่เราเห็นๆ กันตามแอดมากๆ
เพราะนอกจากเราจะได้เห็นวัดที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกแล้ว
เรายังสามารถมองเห็นเมืองเกียวโตจากมุมสูงได้อีกด้วย (ซีนนี้แหละที่เราประทับใจ)
ฉะนั้นหากได้ไปเกียวโตก็อย่าลืมแวะไปวัดคิโยมิสึแห่งนี้สักครั้งนะครับ
รับรองได้เลยว่าวิวเมืองเกียวโตจากระเบียงวัดนั้นจะติดใจและลืมเรื่องคนเยอะไปแน่นอน
(เที่ยวแบบแมสๆ ก็ไม่เสียหายนะคุณ)
*
*
สถานที่ต่อไปนั้นถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ได้เจอ
หลังจากที่เดินลงจากวัดคิโยมิสึแล้วเดินออกไปทางขวามือเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที
ก็จะเจอเจดีย์ 5 ชั้นที่เรียกว่า Yasaka no To Pagoda (八坂の塔)
ซึ่งหากมองกันด้วยตาเปล่าแล้วเจดีย์ลักษณะนี้ก็กระจายตัวอยู่หลายแห่งทั่ว
ทั้งญี่ปุ่นนั่นแหละ หากแต่เราได้อ่านเจอประโยคที่กล่าวถึงเจดีย์แห่งนี้ไว้ว่า
*
*
"While most pagodas come complete with temples,
Yasaka-no-to Pagoda stands mostly alone,
the buildings of the temple of which it once belonged (Hokan-ji Temple) having been destroyed by fires,
earthquakes and wars over the years."
*
เพียงคำว่า stands mostly alone นั้นก็ฟังดูเหงาจับใจแล้ว
เช่นนั้นหากใครผ่านไปวัดคิโยมิสึก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมเยือน
Yasaka no To Pagoda ด้วยนะครับ
ถือว่าเป็นทางผ่านไปย่าน Gion เสียแล้วกัน
จะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปนั่งรถเมล์หน้าวัดคิโยมิสึให้เสียเวลา
ทั้งยังได้สัมผัสบรรยากาศและชมสถาปัตยกรรมแถวนั้นด้วย
(เห็นไหมว่าเราชอบเดิน)
*