IG : nickynattanun
FB : https://www.facebook.com/4lchemistist (inbox มาบอกกันนิดนึงนะครับบางทีมันไม่ขึ้นว่า Add มา)







เจอกันอีกแล้วก่อนอื่นนิคเองคงต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่ารีวิวครั้งนี้ถามว่าท่องเที่ยวมั้ยก็ท่องเที่ยวแหละมั้ง 555+ แนวออฟโรด แต่ที่เขียนขึ้นครั้งนี้ เพราะนิคได้มีโอกาสไปบริจาคของให้น้องๆในพื้นที่เขตทุรกันดารกับพี่ๆกลุ่มออฟโรด เรียกได้ว่าเกือบติดชายแดนกันเลยทีเดียวและพื้นที่ที่ว่าไม่ใช่ลูกรังนะครับ คำว่าลูกรังมันน้อยไปมากๆ ซึ่งผมได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสถึงวิถีชีวิตของน้องๆในชุมชนนี้จึงอยากจะนำมาเขียนเพื่อสะท้อน ความคิด มุมมอง ทัศนคติ และวิถีชีวิตที่อยู่ในมุมเล็กๆที่ใครหลายคนไม่เคยเห็นและอีกหลายๆคนที่ไม่เคยรู้ว่ามีมุมเล็กๆ มุมนี้อยู่ที่พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เพียงแค่ต้องการของกินที่อิ่มท้องและความสุขเล็กๆน้อยๆให้แก่กัน…
(ก่อนไปทริปนี้ผมรู้จักอยู่แค่อีกสองคนเองนะครับ)









First of all, I would like to say that this Traveling Review is an off-road travel.
This topic occurred because I had a chance to go to donating at backcountry with Off Road Group, we could say that it is nearby Burma-Thailand border and it’s more than the dirt road!
I had experienced with local children’s life therefore I would like to share its reflection of society, perception, attitude, and small local life that many people haven’t notice before. They don’t want so many thing, but anything that fulfill their stomach and happiness for each other…..
(bofore going this trip, I known only two person)








นิคมีโอกาสได้ไปช่วยแจกของงานวันเด็กที่ บ้านสาละวะ เขตรักษาพันธ์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี เนื่องจากมีพี่คนนึงได้มาชวนไปช่วยกันครับ เรานัดเจอกันบริเวรใต้ BTS สถานีอนุเสาวรีย์ และได้ออกเดินทางกันเวลาประมาณ 3ทุ่มครึ่งครับ ของวันพฤหัสที่ 12 มกราคม

I have had a chance to go for donation on Thai Children’s Day at Baan Salawa, Thungyai Naresuan Wildlife Sanctuary, Kanchanaburi. According to, one of my senior friend invited me to join the trip, so we agreed to meet at Victory Monument BTS station on 9 pm. January 12th.


ซึ่งอุปกรณ์ที่เตรียมไปชักภาพในคราวนี้ไม่ได้มีอะไรมากมีแค่กล้องมือถือ iPhone5s, กล้อง Digital Sony, และ GoPro เพียงแค่นั้นครับไม่ได้เตรียมอะไรไปเยอะแยะมากมายเพราะของบริจาคค่อนข้างเยอะต้องแบกของกันจำนวนมากแรงไม่มีครับ 555+

This trip, I brought only iPhone5s, Sony Digital Camera, and GoPro4 as my equipment because there are many donations to carried along the way.


ซึ่งระยะทางในการเดินทางครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ 380km. ครับ ขึ้นรถปุ๊บไม่มีอะไรมากครับนั่งคุยกันระหว่างทางไปเรื่องเปื่อย เกี่ยวกับสถานที่ ที่พวกเรากำลังจะไป ผมก็ไม่มีอะไรมากพยายามนอนเพราะรู้ว่าต้องเหนื่อยแน่นอน พวกเราขับรถมาสักพักก็มาถึงปั้ม ปตท. ตรงไทรโยค เวลาประมาณตีสองครับ

The distance of this trip is around 380 km.
After we hopped into the car, we had some chitchat about the place we are going to, then I tried to get some sleep. Around 2 am., we’d arrived Saiyok PTT gas station.


พวกเราแวะพักกันที่ปั้ม ปตท.ไทรโยค เพื่อเข้าห้องน้ำ พักรถ หาอะไรกินรองท้องกันเล็กน้อย  สักพักก็ได้มีกลุ่มออฟโรดอีกกลุ่มมาแวะพักครับ

We were parking here to find something to eat and go to wash room. Shortly, there were another Off Road group parking there as well.


พวกเราใช้เวลานั่งคุยกับพวกพี่ๆเขาอยู่ที่ปั้มนี้ประมาณ 1 ชม.แล้วพวกเราก็ออกเดินทางต่อเพื่อไปยังปั้ม ปตท. ตรงทองผาภูมิเพื่อไปแวะนอนสักครึ่ง ชม. และเพื่อเจอพรรคพวกอีกประมาณ 2-3 คัน (พวกเราไปกันทั้งหมด 11คันครับ)

We talked with them around 1 hr. then continue traveled to PTT gas station at Thong Phaphum to meet our friends. (our group has 11 cars traveling together)

ระหว่างทางไปปั้ม ปตท. ทองผาภูมิจุดนัดพบจุดที่ 1 นั้น หมอกหนามากครับใช้ความเร็วไม่ได้เลย

There were many fog along the way to the first meeting point, Thong Phaphum PTT gas station so we couldn’t accelerated.


พวกเราได้หาที่จอดข้างทางเพื่อลงมาถ่ายรูปความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกันสักพักประมาณ 10นาที ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดนัดพบ

We parked aside the road around 10 mins to took photos of nature’s marvelous.


ขับมาตามทางเรื่อยๆใช้เวลาไม่นานเราก็ถึง จุดนัดพบกันประมาณ ตี4ครึ่งและได้นอนพักเพือที่จะออกรถต่อไปยังจุดนัดพบที่สองครับ (ช่วงนี้ไม่มีภาพนะครับเนื่องจากเหนื่อยล้ามากๆจากการเดินทางหลับไปครับ T_T)

พวกเราตื่นกันตี 5 เพื่อออกรถต่อไปยังจุดนัดพบที่สอง ที่ตลาดทองผาภูมิเพื่อที่จะไปเจอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆส่วนที่เหลือครับ เราใช้เวลาเดินทางกันสักพักก็ถึงตลาดทองผาภูมิเวลาประมาณ 6โมงเช้า


We arrived the first meeting point at 4.30 am. and took some rest before travel to second meeting point.
(I didn’t take pictur because I was so tired T_T)

We woke up at 5 am. and continue traveled to second meeting point, Thong Phaphum Market to meet more of our friends, which we took only 1 hr. to reach there.


เราจอดเพื่อพักทานอาหารเช้ากันที่นี่ รอพรรคพวก และเตรียมของเพิ่มเติมก่อนเดินทางเพื่อเข้าสู่เขตรักษาพันธ์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรครับ

We parked here to take breakfast, waited for our friends and prepared stuff before traveled to Thungyai Naresuan Wildlife Sanctuary.


เดียวนิคพาเดินชม บรรยากาศบริเวณตลาดกันครับ

And here are some pictures of the market’s atmosphere.


เราเดินเล่นกันอยู่สักพัก กลุ่มที่เหลือก็มาถึงครับ

We took a walk shortly then our friends had arrived.


ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยก่อนระหว่างรอกัน

More pictures while waiting...


พวกเราออกเดินทางกันต่อเวลาประมาณ 8โมงเช้าครับ

We leaved the market at 8 am.


ชมภาพระหว่างการเดินทางกันนะครับ

Among traveling


และแล้วระหว่างเดินทางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อรถของพี่คนนึงในกลุ่มเกิดเสีย ความร้อนขึ้นเลยจ้าาาาา

And there was accident happened, our friend’s car was over heat.


ช่วยกันซ่อมไปจ้าาาาา

Let’s fix it!


และแล้วรถก็หายเป็นปกติและออกเดินทางต่อไปปปป

เราจอดแวะปั้ม ปตท. ก่อนเข้าเขตรักษาพันธ์ป่าเพื่อเติมน้ำมันและซื้อน้ำมันเป็นครั้งสุดท้ายเผื่อกรณีฉุกเฉิน พวกเราจอดแวะพักที่นี่กันได้ไม่นานครับแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ

After the car got back to normal, we parked again at PTT gas station to fill and buy extra fuel before get into Thungyai Naresuan Wildlife Sanctuary.


เราเดินทางต่อมาไม่นานก็เดินทางมาถึงบริเวณปากทางเข้าเขตรักษาพันธ์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เวลาประมาณ 9โมงครึ่ง

Shortly, we arrived the entrance of Thungyai Naresuan Wildlife Sanctuary.



บริเวณนี้เราต้องจอดรถเพื่อทำการกรอกเอกสารที่ทำเรื่องขออนุญาติเข้าพื้นที่ก่อนนะครับและบริเวณนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจขนาดของยางอยู่เนื่องจาก มีกฏในการใช้ขนาดของยางและจะปล่อยรถให้เข้าเป็นชุด ชุดละ 5-6 คันเท่านั้นครับ

In this area, we had to complete the entry approval documents, and officers will check wheel size then leave 5-6 cars group by group regarding to the rules.



และแล้วพวกเราก็กรอกเอกสารกันเสร็จและพร้อมออกเดินทางของจริงกับระยะทางแค่ประมาณ 20 กิโล พวกเราเริ่มเดินทางเข้าสู่เส้นทางเขตรักษาพันธ์ป่ากันเวลาประมาณ 10โมงครึ่งได้

เอาหล่ะเริ่มเดินทางเข้าสู่เส้นทางของจริงกันกับ 20 กิโลเมตรที่แสนหดหู่

After we’d completed all documents, we had entered to Thungyai Naresuan Wildlife Sanctuary area around 10 am. with 20 km. distance.

And here is pictures of the dismal 20 km. distance.


เอาหล่ะเมื่อเข้ามาเราก็จะต้องเจอกับเนินแรกในรูปแต่ละเนินอาจจะดูไม่ชันนะครับแต่ผมบอกเลยว่าของจริงชันมากกก เอาหล่ะมาดูเนินแรกกันพวกผมเรียกมันว่าเนินรับแขก จะไปต่อได้ไม่ได้ก็อยู่ที่เนินนี้ ลองของกันไปเลย


แค่เนินแรกก็ต้องลากกันแล้วนะครับ เนื่องจากรถคันหน้า ระบบขับ 4ล้อมีปัญหา กลายเป็นรถขับเคลื่อน 2ล้อ ยางก็ยางธรรมดาไม่ใช่ยาง Mud แต่พวกเราใจสู้เกินร้อยเพื่อความสุขของน้องๆ


ตลอดทางพวกเราทุลักทุเลทั้งลากทั้งวินซ์ (Winch) ทั้งต๋ง (ขย่มท้ายรถ) ทำทุกวิถีทางให้รถไปต่อได้และแล้วเราก็เดินทางมาถึงครึ่งทาง เราได้จอดแวะพักล้างหน้าล้างตัวกันที่จุดพักรถป่าไม้


ทริปนี้เละสุดน่าจะเป็นคนนี้เลยครับสำคัญมากๆและทุ่มเทสุดตัวก่อนล้างตัวภาพที่ผมเห็นคือโคลนตั้งแต่หัวยันปลายนิ้วโป้งเท้าาา!!! (โฉมหน้าผู้วินซ์ ต๋ง และลาก ทำทุกอย่างให้รถทุกคันในทีมไปต่อได้)


เราจอดพักกันไม่นานแล้วออกลุยต่อกับเส้นทางที่โหดกว่าครึ่งแรก

(แก้คำผิดครับ)