เรากับหุ้นส่วน (ผญ) เป็นเพื่อนกันมาประมาณ 7 ปี ทำธุรกิจด้วยกันคือ ร้านเพ้นท์เล็บ&สปา รวม 2 ร้าน ทุนร้านแรก คนละ 4 แสน ร้านที่ 2 คนละ 3 แสน ร้านทุกเดือนมีกำไรพอประมาณเลี้ยงดูตัวเองได้ค่ะ ต่อมาประมาณ 1 ปีที่แล้ว เราลงทุนด้วยกันเพิ่มคือเปิดร้านชาโดยซื้อเฟรนไชน์ ลงทุนอีกคนละ 2 แสน
และเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว เราต้องการทำร้านชาอีก 1 ร้านเป็นแบรนด์ของเราเอง และไม่ได้ร่วมหุ้น ใบชาและสูตรชาเป็นคนละสูตรกันนะคะ ของเราทำเป็นขาออร์แกนิค และชาสมุนไพร โดยเรามีการเดินทางไปจังหวัดต่างๆเพื่อศึกษาเรื่องใบชา และทดลองชิมชาของที่ต่างๆรวมทั้งสูตรใหม่ด้วย เป็นสูตรใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาลที่เราพยายามลองชงและลองชิม
โดยก่อนหน้าที่เราจะลงทุนทำร้านใหม่เราก็คุยตกลงกันด้วยปากเปล่า ว่าถ้าสูตรใหม่ของเราขายได้จะแบ่งค่าเฟรนไชน์ให้เขาคนละครึ่งเป็นจำนวน 10 ครั้ง เป็นค่าตอบแทนสำหรับการที่เราเติบโตเรียนรู้มาจากร้านชาร้านแรกมาด้วยกัน เขาก็ตกลง และเขาช่วยในเรื่องการหาทำเลตั้งร้านใหม่นี้ ห่างจากร้านเก่าประมาณ 15 กิโลเมตร
หลังจากนั้นเมื่อสูตรลงตัวร้านใหม่ทำเรียบร้อย เรามีกำหนดเปิด เราก็เริ่มประชาสัมพันธ์ร้านใหม่ตามเพจขายของต่างๆ เจ้าของเฟรนไชน์ร้านชาแรกก็คงเห็นก็เลยมีการโทรเข้ามาสอบถามว่าใช้สูตรของเฟรนไชน์หรือเปล่า ถ้าใช่ก็คือผิดกฏ เราก็อธิบายไปพร้อมส่งหลักฐานต่างๆไปให้เจ้าของเฟรนไชน์ดูว่าเป็นคนละสูตร ชาคนละชนิด เจ้าของเฟรนไชน์ตอบกลับว่าโอเค ไม่ติดใจอะไร (แต่ในใจคงไม่พอใจเราเช่นกัน)
หลังจากนั้น หุ้นส่วนเราก็มีอาการจิตตกขั้นรุนแรง ด่าเราสารพัด หาว่าเราประชาสัมพันธ์ร้านมากเกินไป ทำให้เจ้าของเฟรนไชน์รู้ จะแทงเขาข้างหลังเหรอ ด่าเรารุนแรงมากหลายๆอย่างค่ะ เราก็เลยขอถอนหุ้นจากร้านชาร้านแรก และขนของส่วนตัวของเราออกมา
ตอนนี้อยากถอนหุ้นจากร้านเล็บด้วย โดยแบ่งไปคนละร้าน เท่ากับทั้งหมดเขาต้องคืนให้เราทั้งหมด 3 แสน แต่ยังไม่ได้มีการตกลงกันเรื่องร้านเล็บและเงินตรงนี้ เนื่องจากเขาไม่รับฟังอะไรเลย ด่าอย่างเดียว
ร่วมงานกันมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องอะไรเลยค่ะ ไม่ว่าเรื่องเงินหรือเรื่องการทำงาน เพราะเป็นคนนิสัยแฟร์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ทีนี้ที่อยากปรึกษาหรือเรียกว่าระบายก็ได้ค่ะ เราควรถอนหุ้นจากร้านเล็บหรือเปล่าคะ กลัวว่าจะเป็นการทำลายมิตรภาพความเป็นเพื่อน และการที่เขาโกรธมากนี่ปัญหาน่าจะมาจากเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ เขาน่าจะเคลียร์กับเราแต่แรกก่อนทำร้านใหม่ แต่นี่เขายอมรับและช่วยเหลือด้วย แต่พอมีปัญหาที่เจ้าของเฟรนไชน์สอบถามมา เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย เรางงจริงๆและรู้สึกเครียดมากค่ะ
มีปัญหากับหุ้นส่วน ควรตัดสินใจอย่างไรดี
และเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว เราต้องการทำร้านชาอีก 1 ร้านเป็นแบรนด์ของเราเอง และไม่ได้ร่วมหุ้น ใบชาและสูตรชาเป็นคนละสูตรกันนะคะ ของเราทำเป็นขาออร์แกนิค และชาสมุนไพร โดยเรามีการเดินทางไปจังหวัดต่างๆเพื่อศึกษาเรื่องใบชา และทดลองชิมชาของที่ต่างๆรวมทั้งสูตรใหม่ด้วย เป็นสูตรใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาลที่เราพยายามลองชงและลองชิม
โดยก่อนหน้าที่เราจะลงทุนทำร้านใหม่เราก็คุยตกลงกันด้วยปากเปล่า ว่าถ้าสูตรใหม่ของเราขายได้จะแบ่งค่าเฟรนไชน์ให้เขาคนละครึ่งเป็นจำนวน 10 ครั้ง เป็นค่าตอบแทนสำหรับการที่เราเติบโตเรียนรู้มาจากร้านชาร้านแรกมาด้วยกัน เขาก็ตกลง และเขาช่วยในเรื่องการหาทำเลตั้งร้านใหม่นี้ ห่างจากร้านเก่าประมาณ 15 กิโลเมตร
หลังจากนั้นเมื่อสูตรลงตัวร้านใหม่ทำเรียบร้อย เรามีกำหนดเปิด เราก็เริ่มประชาสัมพันธ์ร้านใหม่ตามเพจขายของต่างๆ เจ้าของเฟรนไชน์ร้านชาแรกก็คงเห็นก็เลยมีการโทรเข้ามาสอบถามว่าใช้สูตรของเฟรนไชน์หรือเปล่า ถ้าใช่ก็คือผิดกฏ เราก็อธิบายไปพร้อมส่งหลักฐานต่างๆไปให้เจ้าของเฟรนไชน์ดูว่าเป็นคนละสูตร ชาคนละชนิด เจ้าของเฟรนไชน์ตอบกลับว่าโอเค ไม่ติดใจอะไร (แต่ในใจคงไม่พอใจเราเช่นกัน)
หลังจากนั้น หุ้นส่วนเราก็มีอาการจิตตกขั้นรุนแรง ด่าเราสารพัด หาว่าเราประชาสัมพันธ์ร้านมากเกินไป ทำให้เจ้าของเฟรนไชน์รู้ จะแทงเขาข้างหลังเหรอ ด่าเรารุนแรงมากหลายๆอย่างค่ะ เราก็เลยขอถอนหุ้นจากร้านชาร้านแรก และขนของส่วนตัวของเราออกมา
ตอนนี้อยากถอนหุ้นจากร้านเล็บด้วย โดยแบ่งไปคนละร้าน เท่ากับทั้งหมดเขาต้องคืนให้เราทั้งหมด 3 แสน แต่ยังไม่ได้มีการตกลงกันเรื่องร้านเล็บและเงินตรงนี้ เนื่องจากเขาไม่รับฟังอะไรเลย ด่าอย่างเดียว
ร่วมงานกันมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องอะไรเลยค่ะ ไม่ว่าเรื่องเงินหรือเรื่องการทำงาน เพราะเป็นคนนิสัยแฟร์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ทีนี้ที่อยากปรึกษาหรือเรียกว่าระบายก็ได้ค่ะ เราควรถอนหุ้นจากร้านเล็บหรือเปล่าคะ กลัวว่าจะเป็นการทำลายมิตรภาพความเป็นเพื่อน และการที่เขาโกรธมากนี่ปัญหาน่าจะมาจากเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ เขาน่าจะเคลียร์กับเราแต่แรกก่อนทำร้านใหม่ แต่นี่เขายอมรับและช่วยเหลือด้วย แต่พอมีปัญหาที่เจ้าของเฟรนไชน์สอบถามมา เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย เรางงจริงๆและรู้สึกเครียดมากค่ะ