สวัสดีครับเพื่อนๆ หลังจากลองทำขนมได้สักพักแล้ว ก็คิดว่าควรจริงจังกับการทำขนมได้สักที จึงถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนจากการใช้เตาอบไฟฟ้าขนาด 42 ลิตร มาเป็นเตาอบแก๊สขนาดใหญ่ได้แล้ว ก็มองๆดูหลายตัว จริงๆแล้วสนใจเตาอบแก๊สคุมด้วยไฟฟ้าเป็นพิเศษ มองหาหลายตัว แต่มาจบที่เตาอบแก๊สเก่า เนื่องจากเพื่อนมีอยู่สามตัวมีตัวนึงไม่ได้ใช้แล้ว และจะขายให้ในราคาเพียง 3,000 บาท ก็เลยคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้หัดใช้ และเริ่มลงมือทำโดยมีต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก
แต่สภาพของมันไม่พร้อมใช้งานสักเท่าไหร่ 5555 จริงๆแล้วระบบทุกอย่างยังทำงานได้ แต่ด้วยความที่เก็บไว้นาน จึงมีทั้งสนิมและคราบเลอะเทอะต่างๆที่จับตัวจนแข็งมาก เอาละไปยกมาทำกันเถอะ
อาการที่เพื่อนเล่าให้ฟังคือ เตาตัวนี้ แก๊สออกครบหมดทุกหัว แต่ไฟไม่เต็ม ซึ่งฟังแล้วไม่น่าจะยากอะไรในการทำ ดูจากตัวเตา มีคราบสนิมเกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งในใจแวบแรก อยากทำสีชมพูสดใสขึ้นมาทันที จึงได้ยกกลับมาที่บ้าน แต่เนื่องด้วยเวลาที่ยกกลับมานั้นค่อนข้างเย็นแล้ว จึงได้แค่ทำการล้างเตาด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งวิธีนี้แน่นอนว่าช่วยในการล้างคราบเลอะเทอะต่างๆได้ค่อนข้างดี แต่แน่นอนว่า จะต้องมีน้ำเข้าไปในตัวเตา และทำให้เยื่อใยแก้งใยหินที่เป็นฉนวนกันความร้อนเปียกไปด้วย ดังนั้นจึงเหมาะกับการล้างเพื่อซ่อมอย่างหนักหน่วง ไม่เหมาะกับการล้างในการใช้งานประจำ ถอดทุกชิ้นส่วนที่ถอดออกด้วยมือได้ แช่บ่อน้ำทิ้งไว้ก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน
ตื่นมาตอนเช้าถอดชุดแก๊สออกมาแช่น้ำมันโซล่าทิ้งไว้ก่อน แล้วเริ่มลงมือล้างโดยการผสมโซดาไฟ ทำการล้างภายในตู้ก่อนเลย เชื่อว่าหลายๆคนจะเหมือนเพื่อนผม คือทำแต่ไม่ล้าง 555 ภายในมีครบแข็งเกาะติดมีคราบสนิมมากมาย ตอนแรกล้างโดยไม่ได้สวมถุงมือ เพราะหาไม่เจอ ผลคือมันกัดซะนิ้วเป็นรูพรุน สุดท้ายทนไม่ไหว ต้องออกไปซื้อถุงมือมาใส่ห้ามลอกเลียนแบบครับ ด้านในเตาที่ทำการล้างถึงสอง-สามวัน เพราะส่วนตัวเป็นคนที่คิดว่าเรื่องอาหารควรสะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ชอบอุปกรณ์ทำอาหารที่สะอาด มองไปไม่เห็นคราบ พวกกระทะก้นดำๆ ผมเองไม่ชอบใช้เลยจริงๆ ลงมือล้างภายในสลับกับการล้างภายนอก ถอดกระจกนิรภัยออก ต้องระวังนิดนึงเพราะผมอยู่ต่างจังหวัด ถ้าทำแตกนี่คงหาซื้อลำบากแน่ๆ ลงมือขัดจุดนั้นจุดนี้ไปเรื่อยๆ เรื่องตลกของเหล็กคือ เมื่อขัดด้วยน้ำ ต่อให้ขัดได้สะอาดแค่ไหน สักพักสนิมก็จะมาแน่นอน ดังนั้นจึงขัดเอาเฉพาะคราบสกปรก และเนื้อเหล็กที่ถูกสนิมเกาะกินไปแล้วออก สักพักคราบสนิมจะเริ่มเกาะใหม่เอง ทำใจทิ้งมันไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาจัดการ
เมื่อทำการล้างไปสักระยะ หยุดพักดูความเสียหายต่างๆที่ต้องหาอะไหล่ โชคดีที่ส่วนใหญ่ใช้งานได้ดี นอกจากพื้นตู้ ที่ผุกร่อนไปแล้ว สนิมเพียบ ทะลุไปแล้วบางส่วน ไม่อาจทำใจใช้งานต่อไปได้ จึงโทรหาตามร้านต่างๆเพื่อหาอะไหล่ โชคร้ายที่หาไม่ได้เลย อาจเพราะผมอยู่ต่างจังหวัด ไม่เป็นไร คิดทดไว้ในใจ เดี๋ยวจ้างเค้าพับเอาก็ได้
ล้างตะแกรงรองอบโดยใช้เกรียงแซะ และแปรงลวดขัด ผมเลือกเอาสนิมที่เหลือออกด้วย electrolyte คือการจ่ายไฟขั้วลบให้ชิ้นงาน แล้วจุ่มแช่ในบ่อน้ำ แล้วจ่ายไฟขั้วบวกลงในน้ำ โดยใช้ไฟกระแสตรงนะครับ จริงๆชิ้นงานผมค่อนข้างใหญ่ น่าจขะใช้ 24-36 โวลต์ แต่ไม่มี ใช้ 12 โวลต์ไป คงต้องแช่ไว้หลายคืน 5555
กลับมาเรื่องชุดแก๊สหลังจากแช่มานาน ถึงเวลาเอาออกมาเคาะ เริ่มจากท่อแก๊สส่งไฟภายในตู้ ค่อยๆเคาะด้านข้าง เพื่อให้คราบต่างๆรวมทั้งสนิมที่อยุ่ภายในกระเทาะออก แล้วจึงตอกท่อแก๊สลงกับพื้นเบาๆ เพื่อให้สนิมหลุดออกมา ทำอย่างนี้หลายๆรอบ จนครบทั้ง 7 แท่ง จากนั้นแหย่ทะลวงรูจ่ายแก๊สที่อยู่บนท่อด้วยเศษลวด เพื่อให้จ่ายแก๊สให้สะดวก เสร็จแล้วทำน้ำมันหมู แล้วใช้ไฟจากหัวพ่นแก๊สเผา ทำความสะอาดพวกนมหนู วาล์ว ถอดลูกบิดวาล์ว มาทำความสะอาด ผมเลือกพ่นสีดำด้านที่ลูกบิด เพราะตอนนี้ความคิดในใจเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่คิดจะทำสีชมพูสดใส แต่เนื่องจากตอนล้างเห็นคราบต่างๆที่เกิดจากการใช้งาน จึงเปลี่ยนใจ ไหนๆได้เตาเก่ามาแล้ว ก็ทำสีให้มันดูเก่าๆเลยก็แล้วกัน
เริ่มขัดสีและสนิมภายนอกตัวตู้ ทาน้ำยาลอกสี รอให้สีพองแล้วขูดออก จากนั้นลงกระดาษทรายหยาบ ขัดสนิมที่ปูดบวมให้เรียบ ในใจตอนนั้นอยากได้ลูกหมูมาขัดจังเลย 555 จะซื้อก็ 1,500 ไม่เอาดีกว่าไม่ค่อยได้ใช้ ขัดมือมันต่อไป ขัดจนเรียบพอประมาณ ปะผุหน้าเตาด้วยพุตตี้นิดหน่อย ขัดสนิมที่ควรจะออกได้ให้ได้เยอะที่สุด เพื่อให้มันไม่กลับมาหลอกหลอนโดยการบวมทีหลัง เมื่อเรียบร้อยผมฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดสิ่งสกปรกตกค้างออกอีกรอบ ตากแดดทิ้งไว้ แล้วใช้ปั๊มลมเป่าไล่น้ำตกค้างตามจุดต่างๆ ทิ้งไว้อีก 1 คืนเพื่อให้น้ำที่เข้าไปโดนใยแก้วไหลออกมาให้มากที่สุด ถ้าขยันอยากต่อชุดแก๊สแล้วอุ่นเตาไล่ความชื้น แต่ขี้เกียจ เดี๋ยวทาเส็ดแล้วค่อยอุ่นเตาแล้วเช็ดเอาดีกว่า 5555 แล้วเริ่มทาสีรองพื้นกันสนิม ในใจอยากได้สีรองพื้นกันสนิมประเภทที่ทาทับสนิมได้เลย เพื่อความมั่นใจ แต่เสียดายจังหวัดที่ผมอยู่หาซื้อไม่ได้เลย จริงใช้สีน้ำมันรองพื้นกันสนิมธรรมดาๆนี่แหละ หึๆ ที่เลือกทาเอาไม่พ่นเพราะตอนนี้อาจได้อารมณ์โบราณๆ (เป็นข้ออ้าง) จริงๆแล้วถ้าพ่นควรขัดเรียบกว่านี้ แต่ผมไม่ไหวแล้ว มือระบบ ยอมแพ้ อิอิ ทาสีรองพื้นสองรอบ โดยรอบแรกทาบางมากๆ จากนั้นทาทับอีกรอบโดยให้สีข้นขึ้นมา ผมเลือกผสมน้ำมันสน เพราะอยากได้สีออกมาด้านๆหน่อย เมื่อทารองพื้นเสร็จทิ้งไว้ 6 ชม. เพื่อทาสีจริงทับ ผมเลือกสีดำด้าน ไม่พูดมากลงมือทาเลย เริ่มยาวมากแล้วกระทู้นี้ ขอรวบรัด ทาสีจริงเสร็จ ก็จะได้เตาอบสีดำทมิฬ อารมณ์เหมือนๆเตาเผาขยะตามใต้อพาร์ทเม้นท์ 555 ไม่สิเราไม่เอาสีนี้ ผมทำการลงสีเพิ่ม โดยการใช้ฟองน้ำตบๆเอา โดยใช้สีน้ำมันสีทอง (จริงๆอยากได้สีทองแดง แต่ก็อีกนั่นแหละหาซื้อไม่ได้เลย) ผมเลือกการทำสีให้มีเทกเจอร์แบบนี้เพื่อหลอกตาเราไม่ให้เห็นรอยสีที่ไม่เรียบ และได้อารมณ์เตาเก่าๆตามที่อยากได้ เมื่อลงสีเสร็จ เก็บงานสีตามจุดต่างๆ ประกอบกระจก ก่อนประกอบผมทากาวปะเก็นทนความร้อนสูง ที่ใช้กับเครื่องยนต์ ประกอบมือจับ ชุดแก๊สกลับเข้าที่ เช็ดทำความสะอาดภายในเตาโดยการใช้น้ำมันพืชทา ขัดคราบสนิมที่เหลือออกให้มากที่สุด แล้วใช้หัวแก๊สพ่นไฟเผาให้ทั่ว
ไปสั่งพับพื้นเตา เลือกเอาเป็นสแตนเลส เพื่อความง่ายในการทำความสะอาด ได้ราคามาไม่แพงคือ 1,000 บาท จริงๆแพงนะ แต่แถวๆนี้ถามหลายๆร้าน 2,500++ ทั้งนั้น แต่ร้านนี้พับมือมีร่องรอยการพับด้วยมือนิดหน่อย ช่างมันใช้งานได้ก็พอแล้ว
เรียบร้อยแล้ว สั่งแก๊สสิครับ รออะไร ผมสั่งแก๊ส ปตท. ขนาด 15 ก.ก. ราคา 2,400 เมื่อก่อนตอนไปอยู่หอพักซื้อถังละ 600 เอง T_T พร้อมซื้อหัวแก๊สแรงดันสูง เลือกเอาที่มีระบบนิรภัยนะครับ เพื่อความสบายใจ รวมสายเบ็ดเสร็จที่ 3,260 อ่า แพงกว่าตัวตู้ที่ซื้อมาอีก 5555 ประกอบเสร็จ ถึงเวลาลอง ปรับแต่งทำความเข้าใจนิดหน่อยเพราะไม่เคยใช้ แต่บอกเลยว่าโลกปัจจุบัน ทำให้คนโง่ๆอย่างผม กลายเป็นคนฉลาดได้ ข้อมูลมีใน Internet ทั้งนั้น อุ่นเตาทิ้งไว้ เพื่อไล่ความชื้นในฉนวนกันความร้อน มันออกมาเป็นไอน้ำเลยล่ะคุณๆ คอยเช็ดเพื่อไม่ให้เป็นคราบที่ตัวตู้ เปิดเตาด้วยความร้อนสูงสุด เพื่อกำจัดสารเคมีตกค้างในตัวตู้ด้วย โอยๆๆ เตาแก๊สนี่มันร้อนได้ร้อนดีจริงๆ เอาเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิภายในตู้ ผลคือเท่ากับหน้าเตา โล่งใจ ทุกอย่างทำงานได้ตามปกติ ไฟออกดี
สิริรวมราคาตู้ที่ได้มา ราวเจ็ดพันกว่าๆ รวมถังแก๊สแล้ว ก็พอใจเป็นอย่างมาก ทิ้งท้ายด้วยการขออภัย รูปอาจไม่ชัดเจน เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะเขียนเป็นบทความ และจริงๆเวลาทำมือเลอะมาก ไม่ค่อยมีโอกาสหยิบมือถือมาถ่ายรูปเท่าไหร่ แต่เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็อยากจะอวด เอ๊ย ไม่ใช่ๆ จะให้ฟังดูดีคือ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แก่เพื่อนๆได้บ้าง จีงเขียนทิ้งไว้
พบกันใหม่โอกาสหน้า
สวัสดีครับ
Repair Oven @ First time ~ ครั้งแรกกับการซ่อมเตา
แต่สภาพของมันไม่พร้อมใช้งานสักเท่าไหร่ 5555 จริงๆแล้วระบบทุกอย่างยังทำงานได้ แต่ด้วยความที่เก็บไว้นาน จึงมีทั้งสนิมและคราบเลอะเทอะต่างๆที่จับตัวจนแข็งมาก เอาละไปยกมาทำกันเถอะ
อาการที่เพื่อนเล่าให้ฟังคือ เตาตัวนี้ แก๊สออกครบหมดทุกหัว แต่ไฟไม่เต็ม ซึ่งฟังแล้วไม่น่าจะยากอะไรในการทำ ดูจากตัวเตา มีคราบสนิมเกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งในใจแวบแรก อยากทำสีชมพูสดใสขึ้นมาทันที จึงได้ยกกลับมาที่บ้าน แต่เนื่องด้วยเวลาที่ยกกลับมานั้นค่อนข้างเย็นแล้ว จึงได้แค่ทำการล้างเตาด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งวิธีนี้แน่นอนว่าช่วยในการล้างคราบเลอะเทอะต่างๆได้ค่อนข้างดี แต่แน่นอนว่า จะต้องมีน้ำเข้าไปในตัวเตา และทำให้เยื่อใยแก้งใยหินที่เป็นฉนวนกันความร้อนเปียกไปด้วย ดังนั้นจึงเหมาะกับการล้างเพื่อซ่อมอย่างหนักหน่วง ไม่เหมาะกับการล้างในการใช้งานประจำ ถอดทุกชิ้นส่วนที่ถอดออกด้วยมือได้ แช่บ่อน้ำทิ้งไว้ก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน
ตื่นมาตอนเช้าถอดชุดแก๊สออกมาแช่น้ำมันโซล่าทิ้งไว้ก่อน แล้วเริ่มลงมือล้างโดยการผสมโซดาไฟ ทำการล้างภายในตู้ก่อนเลย เชื่อว่าหลายๆคนจะเหมือนเพื่อนผม คือทำแต่ไม่ล้าง 555 ภายในมีครบแข็งเกาะติดมีคราบสนิมมากมาย ตอนแรกล้างโดยไม่ได้สวมถุงมือ เพราะหาไม่เจอ ผลคือมันกัดซะนิ้วเป็นรูพรุน สุดท้ายทนไม่ไหว ต้องออกไปซื้อถุงมือมาใส่ห้ามลอกเลียนแบบครับ ด้านในเตาที่ทำการล้างถึงสอง-สามวัน เพราะส่วนตัวเป็นคนที่คิดว่าเรื่องอาหารควรสะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ชอบอุปกรณ์ทำอาหารที่สะอาด มองไปไม่เห็นคราบ พวกกระทะก้นดำๆ ผมเองไม่ชอบใช้เลยจริงๆ ลงมือล้างภายในสลับกับการล้างภายนอก ถอดกระจกนิรภัยออก ต้องระวังนิดนึงเพราะผมอยู่ต่างจังหวัด ถ้าทำแตกนี่คงหาซื้อลำบากแน่ๆ ลงมือขัดจุดนั้นจุดนี้ไปเรื่อยๆ เรื่องตลกของเหล็กคือ เมื่อขัดด้วยน้ำ ต่อให้ขัดได้สะอาดแค่ไหน สักพักสนิมก็จะมาแน่นอน ดังนั้นจึงขัดเอาเฉพาะคราบสกปรก และเนื้อเหล็กที่ถูกสนิมเกาะกินไปแล้วออก สักพักคราบสนิมจะเริ่มเกาะใหม่เอง ทำใจทิ้งมันไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาจัดการ
เมื่อทำการล้างไปสักระยะ หยุดพักดูความเสียหายต่างๆที่ต้องหาอะไหล่ โชคดีที่ส่วนใหญ่ใช้งานได้ดี นอกจากพื้นตู้ ที่ผุกร่อนไปแล้ว สนิมเพียบ ทะลุไปแล้วบางส่วน ไม่อาจทำใจใช้งานต่อไปได้ จึงโทรหาตามร้านต่างๆเพื่อหาอะไหล่ โชคร้ายที่หาไม่ได้เลย อาจเพราะผมอยู่ต่างจังหวัด ไม่เป็นไร คิดทดไว้ในใจ เดี๋ยวจ้างเค้าพับเอาก็ได้
ล้างตะแกรงรองอบโดยใช้เกรียงแซะ และแปรงลวดขัด ผมเลือกเอาสนิมที่เหลือออกด้วย electrolyte คือการจ่ายไฟขั้วลบให้ชิ้นงาน แล้วจุ่มแช่ในบ่อน้ำ แล้วจ่ายไฟขั้วบวกลงในน้ำ โดยใช้ไฟกระแสตรงนะครับ จริงๆชิ้นงานผมค่อนข้างใหญ่ น่าจขะใช้ 24-36 โวลต์ แต่ไม่มี ใช้ 12 โวลต์ไป คงต้องแช่ไว้หลายคืน 5555
กลับมาเรื่องชุดแก๊สหลังจากแช่มานาน ถึงเวลาเอาออกมาเคาะ เริ่มจากท่อแก๊สส่งไฟภายในตู้ ค่อยๆเคาะด้านข้าง เพื่อให้คราบต่างๆรวมทั้งสนิมที่อยุ่ภายในกระเทาะออก แล้วจึงตอกท่อแก๊สลงกับพื้นเบาๆ เพื่อให้สนิมหลุดออกมา ทำอย่างนี้หลายๆรอบ จนครบทั้ง 7 แท่ง จากนั้นแหย่ทะลวงรูจ่ายแก๊สที่อยู่บนท่อด้วยเศษลวด เพื่อให้จ่ายแก๊สให้สะดวก เสร็จแล้วทำน้ำมันหมู แล้วใช้ไฟจากหัวพ่นแก๊สเผา ทำความสะอาดพวกนมหนู วาล์ว ถอดลูกบิดวาล์ว มาทำความสะอาด ผมเลือกพ่นสีดำด้านที่ลูกบิด เพราะตอนนี้ความคิดในใจเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่คิดจะทำสีชมพูสดใส แต่เนื่องจากตอนล้างเห็นคราบต่างๆที่เกิดจากการใช้งาน จึงเปลี่ยนใจ ไหนๆได้เตาเก่ามาแล้ว ก็ทำสีให้มันดูเก่าๆเลยก็แล้วกัน
เริ่มขัดสีและสนิมภายนอกตัวตู้ ทาน้ำยาลอกสี รอให้สีพองแล้วขูดออก จากนั้นลงกระดาษทรายหยาบ ขัดสนิมที่ปูดบวมให้เรียบ ในใจตอนนั้นอยากได้ลูกหมูมาขัดจังเลย 555 จะซื้อก็ 1,500 ไม่เอาดีกว่าไม่ค่อยได้ใช้ ขัดมือมันต่อไป ขัดจนเรียบพอประมาณ ปะผุหน้าเตาด้วยพุตตี้นิดหน่อย ขัดสนิมที่ควรจะออกได้ให้ได้เยอะที่สุด เพื่อให้มันไม่กลับมาหลอกหลอนโดยการบวมทีหลัง เมื่อเรียบร้อยผมฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดสิ่งสกปรกตกค้างออกอีกรอบ ตากแดดทิ้งไว้ แล้วใช้ปั๊มลมเป่าไล่น้ำตกค้างตามจุดต่างๆ ทิ้งไว้อีก 1 คืนเพื่อให้น้ำที่เข้าไปโดนใยแก้วไหลออกมาให้มากที่สุด ถ้าขยันอยากต่อชุดแก๊สแล้วอุ่นเตาไล่ความชื้น แต่ขี้เกียจ เดี๋ยวทาเส็ดแล้วค่อยอุ่นเตาแล้วเช็ดเอาดีกว่า 5555 แล้วเริ่มทาสีรองพื้นกันสนิม ในใจอยากได้สีรองพื้นกันสนิมประเภทที่ทาทับสนิมได้เลย เพื่อความมั่นใจ แต่เสียดายจังหวัดที่ผมอยู่หาซื้อไม่ได้เลย จริงใช้สีน้ำมันรองพื้นกันสนิมธรรมดาๆนี่แหละ หึๆ ที่เลือกทาเอาไม่พ่นเพราะตอนนี้อาจได้อารมณ์โบราณๆ (เป็นข้ออ้าง) จริงๆแล้วถ้าพ่นควรขัดเรียบกว่านี้ แต่ผมไม่ไหวแล้ว มือระบบ ยอมแพ้ อิอิ ทาสีรองพื้นสองรอบ โดยรอบแรกทาบางมากๆ จากนั้นทาทับอีกรอบโดยให้สีข้นขึ้นมา ผมเลือกผสมน้ำมันสน เพราะอยากได้สีออกมาด้านๆหน่อย เมื่อทารองพื้นเสร็จทิ้งไว้ 6 ชม. เพื่อทาสีจริงทับ ผมเลือกสีดำด้าน ไม่พูดมากลงมือทาเลย เริ่มยาวมากแล้วกระทู้นี้ ขอรวบรัด ทาสีจริงเสร็จ ก็จะได้เตาอบสีดำทมิฬ อารมณ์เหมือนๆเตาเผาขยะตามใต้อพาร์ทเม้นท์ 555 ไม่สิเราไม่เอาสีนี้ ผมทำการลงสีเพิ่ม โดยการใช้ฟองน้ำตบๆเอา โดยใช้สีน้ำมันสีทอง (จริงๆอยากได้สีทองแดง แต่ก็อีกนั่นแหละหาซื้อไม่ได้เลย) ผมเลือกการทำสีให้มีเทกเจอร์แบบนี้เพื่อหลอกตาเราไม่ให้เห็นรอยสีที่ไม่เรียบ และได้อารมณ์เตาเก่าๆตามที่อยากได้ เมื่อลงสีเสร็จ เก็บงานสีตามจุดต่างๆ ประกอบกระจก ก่อนประกอบผมทากาวปะเก็นทนความร้อนสูง ที่ใช้กับเครื่องยนต์ ประกอบมือจับ ชุดแก๊สกลับเข้าที่ เช็ดทำความสะอาดภายในเตาโดยการใช้น้ำมันพืชทา ขัดคราบสนิมที่เหลือออกให้มากที่สุด แล้วใช้หัวแก๊สพ่นไฟเผาให้ทั่ว
ไปสั่งพับพื้นเตา เลือกเอาเป็นสแตนเลส เพื่อความง่ายในการทำความสะอาด ได้ราคามาไม่แพงคือ 1,000 บาท จริงๆแพงนะ แต่แถวๆนี้ถามหลายๆร้าน 2,500++ ทั้งนั้น แต่ร้านนี้พับมือมีร่องรอยการพับด้วยมือนิดหน่อย ช่างมันใช้งานได้ก็พอแล้ว
เรียบร้อยแล้ว สั่งแก๊สสิครับ รออะไร ผมสั่งแก๊ส ปตท. ขนาด 15 ก.ก. ราคา 2,400 เมื่อก่อนตอนไปอยู่หอพักซื้อถังละ 600 เอง T_T พร้อมซื้อหัวแก๊สแรงดันสูง เลือกเอาที่มีระบบนิรภัยนะครับ เพื่อความสบายใจ รวมสายเบ็ดเสร็จที่ 3,260 อ่า แพงกว่าตัวตู้ที่ซื้อมาอีก 5555 ประกอบเสร็จ ถึงเวลาลอง ปรับแต่งทำความเข้าใจนิดหน่อยเพราะไม่เคยใช้ แต่บอกเลยว่าโลกปัจจุบัน ทำให้คนโง่ๆอย่างผม กลายเป็นคนฉลาดได้ ข้อมูลมีใน Internet ทั้งนั้น อุ่นเตาทิ้งไว้ เพื่อไล่ความชื้นในฉนวนกันความร้อน มันออกมาเป็นไอน้ำเลยล่ะคุณๆ คอยเช็ดเพื่อไม่ให้เป็นคราบที่ตัวตู้ เปิดเตาด้วยความร้อนสูงสุด เพื่อกำจัดสารเคมีตกค้างในตัวตู้ด้วย โอยๆๆ เตาแก๊สนี่มันร้อนได้ร้อนดีจริงๆ เอาเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิภายในตู้ ผลคือเท่ากับหน้าเตา โล่งใจ ทุกอย่างทำงานได้ตามปกติ ไฟออกดี
สิริรวมราคาตู้ที่ได้มา ราวเจ็ดพันกว่าๆ รวมถังแก๊สแล้ว ก็พอใจเป็นอย่างมาก ทิ้งท้ายด้วยการขออภัย รูปอาจไม่ชัดเจน เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะเขียนเป็นบทความ และจริงๆเวลาทำมือเลอะมาก ไม่ค่อยมีโอกาสหยิบมือถือมาถ่ายรูปเท่าไหร่ แต่เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็อยากจะอวด เอ๊ย ไม่ใช่ๆ จะให้ฟังดูดีคือ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แก่เพื่อนๆได้บ้าง จีงเขียนทิ้งไว้
พบกันใหม่โอกาสหน้า
สวัสดีครับ