เคยอ่านพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าท่านจะใช้ญานตรวจดูสัตว์โลกประจำ เพื่อที่ว่าจะได้ดูว่าคนไหนสมควรสอนได้สอนไม่ได้ ดูสถาณการณ์ความเป็นไปต่างๆ บนโลกทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ผมว่าคงคล้ายๆกับที่เราส่องอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้แน่ๆ ต่างกันตรงอุปกรณ์ในการใช้งาน
และอีกอย่างผู้ที่เก่งอย่างพระพุทธเจ้าคงไม่ได้เก่งเพราะมีปัญญาที่เกิดจากการใช้มันสมองอย่างเดียว เพราะด้วยสมองที่มีขนาดจำกัดต่อให้ฉลาดเเค่ไหน
การทำสิ่งต่างๆก็คงต้องมีลิมิต
ผมจึงเชื่อว่าในหมู่ผู้ปลีกวิเวก นอกจากสมองเเล้ว ต้องมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นคือ ปาฏิหารย์ ในที่นี้คือ ญาน ฌาน สมาธิ ซึ่งทำให้ทราบวาระจิตคนอื่น คล้ายๆกับอ่านใจคนออก และผมคิดว่าปัญญาสำหรับพระพุทธเจ้าเเล้วน่าจะมีความหมายแตกต่างๆจากปัญญาที่ปุถุชนเข้าใจกัน
อนึงสำหรับคนที่จะนับถือในพระพุทธศาสนาต้องมีความเชื่อเรื่อง ศรัทธา4 ก่อน ไม่ยังงั้นก็คงไม่บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด เอาง่ายๆเลยถ้าไม่เชื่อว่ามีชาติหน้า
ก็ไม่รู้จะฝึกสมาธิกันไปทำไม ใช้ชีวิตสบายๆรอวันตายดีกว่า
การบรรลุธรรมสี่ขั้นนั้นน่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางจิตอย่างหนึ่งซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ และพิสูจน์ได้ให้รู้เฉพาะตนเอง แต่ถ้าสมมุติ่าพิสูจน์ออกมาให้คนทั่วไปรู้ว่ามีจริงน่าจะดีกว่านะครับ คนจะได้มีแนวโน้มหันเข้าหาตัวเองมากขึ้น
ผมเคยอ่านจากไหนไม่รู้ว่า นักวิทยาศาสตร์ตะวันตกเริ่มที่จะพิสูจน์เรื่องพวกนี้เเล้ว โดยการเอาตำราต่างๆของทุกศาสนามาศึกษา ทั้งคริสต์ อิสลาม ฮินดู พุทธ และพิสูจน์ว่าสิ่งที่ศาสนากล่าวนั้นใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากเพียงใด
แต่ในขณะที่นักวิทย์ไทยยังตั้งแง่รังเกียจที่จะศึกษาอยู่เลย
การที่พระพุทธเจ้าใช้ญานตรวจดูความเป็นไปของสัตว์โลกตอนดึกทุกคืนนั้น คล้ายๆกับที่พวกเราท่องอินเตอร์เน็ตสมัยนนี้ไหมครับ
ผมว่าคงคล้ายๆกับที่เราส่องอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้แน่ๆ ต่างกันตรงอุปกรณ์ในการใช้งาน
และอีกอย่างผู้ที่เก่งอย่างพระพุทธเจ้าคงไม่ได้เก่งเพราะมีปัญญาที่เกิดจากการใช้มันสมองอย่างเดียว เพราะด้วยสมองที่มีขนาดจำกัดต่อให้ฉลาดเเค่ไหน
การทำสิ่งต่างๆก็คงต้องมีลิมิต
ผมจึงเชื่อว่าในหมู่ผู้ปลีกวิเวก นอกจากสมองเเล้ว ต้องมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นคือ ปาฏิหารย์ ในที่นี้คือ ญาน ฌาน สมาธิ ซึ่งทำให้ทราบวาระจิตคนอื่น คล้ายๆกับอ่านใจคนออก และผมคิดว่าปัญญาสำหรับพระพุทธเจ้าเเล้วน่าจะมีความหมายแตกต่างๆจากปัญญาที่ปุถุชนเข้าใจกัน
อนึงสำหรับคนที่จะนับถือในพระพุทธศาสนาต้องมีความเชื่อเรื่อง ศรัทธา4 ก่อน ไม่ยังงั้นก็คงไม่บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด เอาง่ายๆเลยถ้าไม่เชื่อว่ามีชาติหน้า
ก็ไม่รู้จะฝึกสมาธิกันไปทำไม ใช้ชีวิตสบายๆรอวันตายดีกว่า
การบรรลุธรรมสี่ขั้นนั้นน่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางจิตอย่างหนึ่งซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ และพิสูจน์ได้ให้รู้เฉพาะตนเอง แต่ถ้าสมมุติ่าพิสูจน์ออกมาให้คนทั่วไปรู้ว่ามีจริงน่าจะดีกว่านะครับ คนจะได้มีแนวโน้มหันเข้าหาตัวเองมากขึ้น
ผมเคยอ่านจากไหนไม่รู้ว่า นักวิทยาศาสตร์ตะวันตกเริ่มที่จะพิสูจน์เรื่องพวกนี้เเล้ว โดยการเอาตำราต่างๆของทุกศาสนามาศึกษา ทั้งคริสต์ อิสลาม ฮินดู พุทธ และพิสูจน์ว่าสิ่งที่ศาสนากล่าวนั้นใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากเพียงใด
แต่ในขณะที่นักวิทย์ไทยยังตั้งแง่รังเกียจที่จะศึกษาอยู่เลย