ต่อจากกระทู้ บริสเบน ออสเตรเลีย เมืองนี้มีอะไร
https://ppantip.com/topic/35990007/comment15-1
วันแรกในบริสเบนผ่านไปเร็วมาก เครื่องลงปุ๊บ เดินสำรวจเมืองปั๊บ ตื่นเต้นมากไปหน่อย เช้าวันใหม่เราจะไปเดินเล่นกันที่ South Bank อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขตเมืองของบริสเบน หรือ CBD โดยมีแม่น้ำกั้นอยู่ตรงกลาง เดินข้ามสะพาน Victoria ก็ถึงแล้ว อ้อ มีอีกสะพานนึงชื่อว่าสะพาน Goodwill ความเก๋ของมันคือมีไว้สำหรับคนเดินหรือปั่นจักรยานโดยเฉพาะ เชื่อมจาก Queensland University of Technology เผื่อใครอยากเดินข้ามสะพานไปส่องหนุ่มสาวมหาลัย 5555 แน่นอน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราไปหาอะไรกินเป็นมื้อเช้าแล้วแถวๆจตุรัส King George หอนาฬิกาบริสเบน
ขอน้ำแตงโมสดเย็นๆสักแก้ว เอาไว้เป็นพลังในการสู้กับแสงแดดกันหน่อย เผาแรงมาก แดดไม่ร้อนมากนะ แต่เหมือนมองแล้วแสบตา
แล้วเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆตามป้ายบอกทางจนถึงสะพาน Victoria เดินสบายๆ ไม่เกิน 10 นาที ก่อนที่จะข้ามสะพานจะมีตลาดอยู่ด้วย แถวๆ Brisbane City Council อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ตรงนี้ประจำหรือเป็นงานอีเวนต์เล็กๆแค่นั้น รีบแวะอย่างเร็ว อยากรู้ว่าจะเหมือนตลาดสดบ้านเรามั้ยและพ่อแค่แม่ค้าชาวออสซี่จะขายอะไรกันบ้าง
สินค้าหลักๆเลยคือพวกอาหารพื้นเมือง ผัก ผลไม้ ของเด็ดของดีจากเกษรตรกรทุกสารทิศทั่วรัฐ Queensland
สนุกดีเหมือนกันนะ เดินเล่นแต่ไม่ซื้ออะไร เพราะในมือนี่ก็ถือแตงโมปั่นที่ตอนนี้เหลือแค่ก้อนน้ำแข็ง ก็ได้แต่กัดก้อนน้ำแข็งไป เดินดูของร้านนู้นร้านนี้ สังเกตุวิถี่ชีวิตคนท้องถิ่นบ้าง อืมมมม ชิลล์ไปอีกแบบ แอบเห็นพ่อหนุ่มในรูปถือดอกกุหลาบเอาไปให้ใครหนอ
เดินมาจนสะดุดกับร้านนี้ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล มีผักไทยขายเกือบทุกอย่างเลย ขาดอย่างเดียวคือมะละกอ ถ้ามีนี่ก็ตำส้มตำได้เลย
ตลาดไม่ได้ใหญ่อะไรมากเลย แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือนเกิน // เสียงพี่ป้าง
เดินทะลุผ่านตลาดมา เราก็ต้องข้ามถนน เดินขึ้นสะพาน Victoria ข้ามฝั่งไป South Bank
พอข้ามถนนมา ก็หันหลังกลับไปดูทางที่เราเดินมา แล้วจดจำรายละเอียดสถานที่บริเวณนั้นไว้ เผื่อหลง จะได้กลับที่พักถูก 5555
วิวจากบนสะพานนี่ก็ดีงามอยู่นะ ทำให้คิดถึงสะพานตากสิน มองไปเห็นวิวชิงช้าสวรรค์ของเอเชียทีค แต่นี่คือ The Wheel of Brisbane เป็นแลนด์มาร์คอีกที่นึงของเมืองเลย
ท้องฟ้าที่นี่สดใสมาก ไม่มีฝุ่นควันมาบดบังวิวเลย แดดก็แรงมากเช่นกัน ก้อนน้ำแข็งที่ใช้ประทังชีวิตก็หมดแล้วด้วย เอาไงดีล่ะ อารมณ์เหมือนอยู่ในหนัง The Walking Dead มองไปถนนโล่งมาก สงบดี ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้
South Bank เป็นแหล่งรวมของพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หอสมุด กิจกรรมสันทนาการทุกอย่าง สำหรับคนที่ชอบศิลปะคงอยู่ในหอศิลป์ทั้งวัน ใหญ่โตจนเดินหลง ที่ชอบที่สุดคือศูนย์วิทย์ฯ Queensland Museum and Science Centre รวบรวมร่างสัตว์สตัฟไว้หลายพันชนิด มีตั้งแต่แมงมุมไปจนถึงหมึกยักษ์ ตื่นตาตื่นใจมาก ที่ประทับใจที่สุดคือ "ค่าเข้าฟรี"
มาถึงโซนสัตว์เลื้อยคลานแล้วขนลุก เพราะเป็นคนกลัวงูอยู่แล้ว ส่วนนี้จะจัดแสดงสายพันธุ์งูทุกชนิดที่พบในออสเตรเลีย หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าประเทศนี้มีงูและแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในโลกอยู่เยอะมาก
มุมนี้เป็นเกมส์ให้เล่นเบาๆ ว่ากะโหลกที่เห็นอยู่นี้เป็นของสัตว์ชนิดใดบ้าง
จากศูนย์วิทย์ฯ จะมีทางเชื่อมให้เราเดินไปหอศิลป์ได้ด้วย
หลังจากรับแอร์เย็นๆจากหอศิลป์เต็มที่แล้ว (ไม่ได้ชื่มชมภาพวาดแต่อย่างใด 555) เราก็เดินต่ออีกนิดไป South Bank Parkland คือสถานที่พวกนี้อยู่ในโซนเดียวกันหมดเลย เดินไปมาได้เหมือนเดินจากสยามไปเซ็นเวิรล์ด และไปต่อที่ประตูน้ำ อะไรประมานณนั้น
South Bank Parkland สวนสาธารณะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งสันทนาการหลักของเมือง มีทั้งลานบาร์บีคิวในสนามหญ้า ร้านค้า สนามเด็กเล่น สวนป่าเล็กๆ ทางเดินเรียบฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นตอนเย็นอะไรอย่างงี้
ช่วงเย็นๆคนอาจจะเยอะกว่านี้ เขาคงทำงานกันอยู่มั้ง เลยดูเงียบๆ
มองดูนาฬิกา อ้าว จะบ่ายโมงแล้ว แต่ยังไม่หิวเลย เพราะเพิ่งกินช่วง 10 โมงเช้าก่อนออกมา มองไปเห็นร้านขายไอติม ก็น่าสนใจดีนะ เหมาะกับช่วงหน้าร้อนแบบนี้ (ฤดูจะสลับกันกับบ้านเรา เราหนาว เขาร้อน)
เดินลอดอุโมงค์ต้นเฟื่องฟ้า (รึเปล่า?) เราก็จะไปโผล่ทะเล !!! จริงๆแล้วมันเป็นทะเลที่สร้างขึ้นมา เหมือนยกทะเลจริงๆมาไว้อยู่กลางเมืองกันเลย
มาถึงตรงนี้รู้แล้วว่าคนเมืองบริสเบนเขาไปไหนกัน 5555 ที่แท้ก็หนีมาเล่นน้ำนี่เอง
นั่งชิลล์ๆ ดูฝรั่งออสซี่อาบแดด ดูเด็กเล่นทรายบนชายหาดกับพ่อแม่ ไม่หยิบกล้องออกมาถ่ายบริเวณชายหาด เพราะกลัวว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิ์เขามากเกินไป แต่จริงๆเขาก็ไม่ห้ามหรอก ไปจนเกือบบ่าย 2 แต่แดดก็ยังไม่ปราณีพวกเราเลย เสมอต้นเสมอปลายมาก เราก็ต้องสู้เพราะพอกกันแดดมาหนามาก ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องเพลงผู้ชนะของเสก โลโซในใจเบาๆเพื่อปลุกใจตัวเอง ลากขาเดินต่อไปทางสะพาน Goodwill
ถ้าจะกลับเข้าเมืองก็ข้ามสะพานไปก็ถึงเลย แต่เราแค่ขึ้นไปถ่ายรูปเฉยๆ เพราะว่าถ้าเดินต่ออีกหน่อยจะเป็นจุดชมวิวเมือง และถ้าเดินไปอีกนิดก็จะถึงสะพาน Story Bridge แลนด์มาร์คที่มองเห็นได้จาก Eagle Street Pier ที่เราไปมาเมื่อวาน
บริเวณสะพาน Goodwill จะมีพิพิธภัณฑ์การเดินเรือสมุทร หรือ Queensland Maritime Museum ให้ข้าชมฟรีด้วย
ก่อนจะถึงทางเดินริมแม่น้ำไปจุดชมวิว เราจะเจอกับสวนเล็กๆ อีกฝรั่งหนึ่งของถนนเป็นคารอิฐแดงคล้ายโบสถ์ แต่ความจริงแล้วมันคือร้านอาหารชื่อว่า Under The Clock Cafe
ทางเดินริมน้ำวิวสวยมาก ตอนเย็นๆ ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกคงจะสวยมากๆ ใครอยากเช่าเรือคายัคพายเล่นก็ได้นะ เห็นมีบริการอยู่
จากทางเดินริมน้ำ เราต้องขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิวด้านบนที่ติดกับถนนใหญ่ หอบสังขารตัวเองขึ้นมาได้ถึง Kangaroo Point Cliffs พอเห็นภาพที่อยู่ข้างหน้า มันคุ้มมาก
ตรงนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ให้ภาพเหล่านี้และนกพิราบตัวนี้เล่าเรื่องของมันเอง ส่วนคนขอพักหายใจก่อน เดินมาเกือบทั้งวันเเล้ว
ถ้าอ่านตามป้ายเอานะ บริเวณหน้าผาตรงจุดชมวิวยมันคือจุดปีนเขา และยังมีลานกิจกรรมกลางแจ้งไว้ออกกำลังกายอีกด้วย
รู้สึกว่าเดินมาไกลมาก ไม่รู้กี่กิโลเมตร แต่มันมาถึงจุดที่แบบว่ากลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเดินต่อไปละกัน จะขึ้นรถเมล์ไปสะพาน Story Bridge ก็ไม่รู้จะขึ้นตรงไหน อะไรยังไง ก้มหน้าเดินต่อไป
เห็นสะพานแล้วก็ดีใจ เราต้องผ่านมันไปให้ได้
เราเดินลงจากสะพาน แล้วเดินลัดเลาะริมแม่น้ำไปเราก็จะไปถึง Eagle Street Pier ท่าเรือที่เรามาเดินมาวาน แล้วเราก็จะกลับที่พักได้ ไม่หลงแล้ว
ขากลับจาก Eagle Street Pier เราก็เดินผ่านเขตเมืองที่เรามาสำรวจไปแล้ว
เดินวนไป
พอถึงที่พัก เราลองเข้า Google Maps เพราะอยากรู้ว่าระยะทางรวมที่เดินจาก Roma Street Parkland - Victoria Bridge - South Bank - Kangaroo Point Cliffs - Story Bridge - Eagle Street Pier - Roma Street Parkland คำตอบคือ 8 กิโลเมตรกว่าๆ เหมือนเดินเป็นวงกลมรอบเมืองเลย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ได้ท้าทายตัวเอง พอตกดึกช่วง 3 ทุ่มนี่ยังไม่เข็ด ออกมาเดินเล่นในเมืองตอนกลางคืนอีก
ลานตรงนี้เมื่อเช้ายังเป็นตลาดอยู่เลย พอตอนกลางคืนก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ไอ้ตึกไฟสีน้ำเงินๆนั่นเป็นคาสิโนมั้ง ชื่อว่า Treasury Casino
เดินไปรับลมที่สะพาน Victoria กันหน่อย
ย้อนกลับมาแล้วเดินผ่านหน้าคาสิโน แล้วอ้อมไป ตรงหัวมุมถนนจะเป็นร้านชื่อดัง Pancake Manor ที่ดัดแปลงสถานที่จากโบสถ์มาเป็นร้านขนมหวาน เราก็เลยตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างไป
Brisbane อาจจะเป็นเมืองใหญ่ที่ยังมีสเกลที่เล็กอยู่ ถูกกลบด้วยชื่อเสียงของ Sydney และ Melbourne สำหรับเราแล้วเมืองนี้เป็นเมืองที่ลงตัว ขนาดกำลังพอดี สงบ น่าอยู่ มีทุกอย่างที่เมืองอื่นๆมี คราวหน้าเดี๋ยวแวะมาเขียนใหม่ จะพานั่งรถไฟไป Sunshine Coast เที่ยวทะเลสวยๆกันดีกว่า ห่างจากเมืองบริสเบนแค่ 1 ชัวโมงนิดๆเอง
[CR] บริสเบน ออสเตรเลีย เมืองนี้มีอะไร ตอนที่ 2 South Bank
ต่อจากกระทู้ บริสเบน ออสเตรเลีย เมืองนี้มีอะไร https://ppantip.com/topic/35990007/comment15-1
วันแรกในบริสเบนผ่านไปเร็วมาก เครื่องลงปุ๊บ เดินสำรวจเมืองปั๊บ ตื่นเต้นมากไปหน่อย เช้าวันใหม่เราจะไปเดินเล่นกันที่ South Bank อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขตเมืองของบริสเบน หรือ CBD โดยมีแม่น้ำกั้นอยู่ตรงกลาง เดินข้ามสะพาน Victoria ก็ถึงแล้ว อ้อ มีอีกสะพานนึงชื่อว่าสะพาน Goodwill ความเก๋ของมันคือมีไว้สำหรับคนเดินหรือปั่นจักรยานโดยเฉพาะ เชื่อมจาก Queensland University of Technology เผื่อใครอยากเดินข้ามสะพานไปส่องหนุ่มสาวมหาลัย 5555 แน่นอน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราไปหาอะไรกินเป็นมื้อเช้าแล้วแถวๆจตุรัส King George หอนาฬิกาบริสเบน
ขอน้ำแตงโมสดเย็นๆสักแก้ว เอาไว้เป็นพลังในการสู้กับแสงแดดกันหน่อย เผาแรงมาก แดดไม่ร้อนมากนะ แต่เหมือนมองแล้วแสบตา
แล้วเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆตามป้ายบอกทางจนถึงสะพาน Victoria เดินสบายๆ ไม่เกิน 10 นาที ก่อนที่จะข้ามสะพานจะมีตลาดอยู่ด้วย แถวๆ Brisbane City Council อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ตรงนี้ประจำหรือเป็นงานอีเวนต์เล็กๆแค่นั้น รีบแวะอย่างเร็ว อยากรู้ว่าจะเหมือนตลาดสดบ้านเรามั้ยและพ่อแค่แม่ค้าชาวออสซี่จะขายอะไรกันบ้าง
สินค้าหลักๆเลยคือพวกอาหารพื้นเมือง ผัก ผลไม้ ของเด็ดของดีจากเกษรตรกรทุกสารทิศทั่วรัฐ Queensland
สนุกดีเหมือนกันนะ เดินเล่นแต่ไม่ซื้ออะไร เพราะในมือนี่ก็ถือแตงโมปั่นที่ตอนนี้เหลือแค่ก้อนน้ำแข็ง ก็ได้แต่กัดก้อนน้ำแข็งไป เดินดูของร้านนู้นร้านนี้ สังเกตุวิถี่ชีวิตคนท้องถิ่นบ้าง อืมมมม ชิลล์ไปอีกแบบ แอบเห็นพ่อหนุ่มในรูปถือดอกกุหลาบเอาไปให้ใครหนอ
เดินมาจนสะดุดกับร้านนี้ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล มีผักไทยขายเกือบทุกอย่างเลย ขาดอย่างเดียวคือมะละกอ ถ้ามีนี่ก็ตำส้มตำได้เลย
ตลาดไม่ได้ใหญ่อะไรมากเลย แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือนเกิน // เสียงพี่ป้าง
เดินทะลุผ่านตลาดมา เราก็ต้องข้ามถนน เดินขึ้นสะพาน Victoria ข้ามฝั่งไป South Bank
พอข้ามถนนมา ก็หันหลังกลับไปดูทางที่เราเดินมา แล้วจดจำรายละเอียดสถานที่บริเวณนั้นไว้ เผื่อหลง จะได้กลับที่พักถูก 5555
วิวจากบนสะพานนี่ก็ดีงามอยู่นะ ทำให้คิดถึงสะพานตากสิน มองไปเห็นวิวชิงช้าสวรรค์ของเอเชียทีค แต่นี่คือ The Wheel of Brisbane เป็นแลนด์มาร์คอีกที่นึงของเมืองเลย
ท้องฟ้าที่นี่สดใสมาก ไม่มีฝุ่นควันมาบดบังวิวเลย แดดก็แรงมากเช่นกัน ก้อนน้ำแข็งที่ใช้ประทังชีวิตก็หมดแล้วด้วย เอาไงดีล่ะ อารมณ์เหมือนอยู่ในหนัง The Walking Dead มองไปถนนโล่งมาก สงบดี ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้
South Bank เป็นแหล่งรวมของพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หอสมุด กิจกรรมสันทนาการทุกอย่าง สำหรับคนที่ชอบศิลปะคงอยู่ในหอศิลป์ทั้งวัน ใหญ่โตจนเดินหลง ที่ชอบที่สุดคือศูนย์วิทย์ฯ Queensland Museum and Science Centre รวบรวมร่างสัตว์สตัฟไว้หลายพันชนิด มีตั้งแต่แมงมุมไปจนถึงหมึกยักษ์ ตื่นตาตื่นใจมาก ที่ประทับใจที่สุดคือ "ค่าเข้าฟรี"
มาถึงโซนสัตว์เลื้อยคลานแล้วขนลุก เพราะเป็นคนกลัวงูอยู่แล้ว ส่วนนี้จะจัดแสดงสายพันธุ์งูทุกชนิดที่พบในออสเตรเลีย หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าประเทศนี้มีงูและแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในโลกอยู่เยอะมาก
มุมนี้เป็นเกมส์ให้เล่นเบาๆ ว่ากะโหลกที่เห็นอยู่นี้เป็นของสัตว์ชนิดใดบ้าง
จากศูนย์วิทย์ฯ จะมีทางเชื่อมให้เราเดินไปหอศิลป์ได้ด้วย
หลังจากรับแอร์เย็นๆจากหอศิลป์เต็มที่แล้ว (ไม่ได้ชื่มชมภาพวาดแต่อย่างใด 555) เราก็เดินต่ออีกนิดไป South Bank Parkland คือสถานที่พวกนี้อยู่ในโซนเดียวกันหมดเลย เดินไปมาได้เหมือนเดินจากสยามไปเซ็นเวิรล์ด และไปต่อที่ประตูน้ำ อะไรประมานณนั้น
South Bank Parkland สวนสาธารณะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งสันทนาการหลักของเมือง มีทั้งลานบาร์บีคิวในสนามหญ้า ร้านค้า สนามเด็กเล่น สวนป่าเล็กๆ ทางเดินเรียบฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นตอนเย็นอะไรอย่างงี้
ช่วงเย็นๆคนอาจจะเยอะกว่านี้ เขาคงทำงานกันอยู่มั้ง เลยดูเงียบๆ
มองดูนาฬิกา อ้าว จะบ่ายโมงแล้ว แต่ยังไม่หิวเลย เพราะเพิ่งกินช่วง 10 โมงเช้าก่อนออกมา มองไปเห็นร้านขายไอติม ก็น่าสนใจดีนะ เหมาะกับช่วงหน้าร้อนแบบนี้ (ฤดูจะสลับกันกับบ้านเรา เราหนาว เขาร้อน)
เดินลอดอุโมงค์ต้นเฟื่องฟ้า (รึเปล่า?) เราก็จะไปโผล่ทะเล !!! จริงๆแล้วมันเป็นทะเลที่สร้างขึ้นมา เหมือนยกทะเลจริงๆมาไว้อยู่กลางเมืองกันเลย
มาถึงตรงนี้รู้แล้วว่าคนเมืองบริสเบนเขาไปไหนกัน 5555 ที่แท้ก็หนีมาเล่นน้ำนี่เอง
นั่งชิลล์ๆ ดูฝรั่งออสซี่อาบแดด ดูเด็กเล่นทรายบนชายหาดกับพ่อแม่ ไม่หยิบกล้องออกมาถ่ายบริเวณชายหาด เพราะกลัวว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิ์เขามากเกินไป แต่จริงๆเขาก็ไม่ห้ามหรอก ไปจนเกือบบ่าย 2 แต่แดดก็ยังไม่ปราณีพวกเราเลย เสมอต้นเสมอปลายมาก เราก็ต้องสู้เพราะพอกกันแดดมาหนามาก ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องเพลงผู้ชนะของเสก โลโซในใจเบาๆเพื่อปลุกใจตัวเอง ลากขาเดินต่อไปทางสะพาน Goodwill
ถ้าจะกลับเข้าเมืองก็ข้ามสะพานไปก็ถึงเลย แต่เราแค่ขึ้นไปถ่ายรูปเฉยๆ เพราะว่าถ้าเดินต่ออีกหน่อยจะเป็นจุดชมวิวเมือง และถ้าเดินไปอีกนิดก็จะถึงสะพาน Story Bridge แลนด์มาร์คที่มองเห็นได้จาก Eagle Street Pier ที่เราไปมาเมื่อวาน
บริเวณสะพาน Goodwill จะมีพิพิธภัณฑ์การเดินเรือสมุทร หรือ Queensland Maritime Museum ให้ข้าชมฟรีด้วย
ก่อนจะถึงทางเดินริมแม่น้ำไปจุดชมวิว เราจะเจอกับสวนเล็กๆ อีกฝรั่งหนึ่งของถนนเป็นคารอิฐแดงคล้ายโบสถ์ แต่ความจริงแล้วมันคือร้านอาหารชื่อว่า Under The Clock Cafe
ทางเดินริมน้ำวิวสวยมาก ตอนเย็นๆ ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกคงจะสวยมากๆ ใครอยากเช่าเรือคายัคพายเล่นก็ได้นะ เห็นมีบริการอยู่
จากทางเดินริมน้ำ เราต้องขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิวด้านบนที่ติดกับถนนใหญ่ หอบสังขารตัวเองขึ้นมาได้ถึง Kangaroo Point Cliffs พอเห็นภาพที่อยู่ข้างหน้า มันคุ้มมาก
ตรงนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ให้ภาพเหล่านี้และนกพิราบตัวนี้เล่าเรื่องของมันเอง ส่วนคนขอพักหายใจก่อน เดินมาเกือบทั้งวันเเล้ว
ถ้าอ่านตามป้ายเอานะ บริเวณหน้าผาตรงจุดชมวิวยมันคือจุดปีนเขา และยังมีลานกิจกรรมกลางแจ้งไว้ออกกำลังกายอีกด้วย
รู้สึกว่าเดินมาไกลมาก ไม่รู้กี่กิโลเมตร แต่มันมาถึงจุดที่แบบว่ากลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเดินต่อไปละกัน จะขึ้นรถเมล์ไปสะพาน Story Bridge ก็ไม่รู้จะขึ้นตรงไหน อะไรยังไง ก้มหน้าเดินต่อไป
เห็นสะพานแล้วก็ดีใจ เราต้องผ่านมันไปให้ได้
เราเดินลงจากสะพาน แล้วเดินลัดเลาะริมแม่น้ำไปเราก็จะไปถึง Eagle Street Pier ท่าเรือที่เรามาเดินมาวาน แล้วเราก็จะกลับที่พักได้ ไม่หลงแล้ว
ขากลับจาก Eagle Street Pier เราก็เดินผ่านเขตเมืองที่เรามาสำรวจไปแล้ว
เดินวนไป
พอถึงที่พัก เราลองเข้า Google Maps เพราะอยากรู้ว่าระยะทางรวมที่เดินจาก Roma Street Parkland - Victoria Bridge - South Bank - Kangaroo Point Cliffs - Story Bridge - Eagle Street Pier - Roma Street Parkland คำตอบคือ 8 กิโลเมตรกว่าๆ เหมือนเดินเป็นวงกลมรอบเมืองเลย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ได้ท้าทายตัวเอง พอตกดึกช่วง 3 ทุ่มนี่ยังไม่เข็ด ออกมาเดินเล่นในเมืองตอนกลางคืนอีก
ลานตรงนี้เมื่อเช้ายังเป็นตลาดอยู่เลย พอตอนกลางคืนก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ไอ้ตึกไฟสีน้ำเงินๆนั่นเป็นคาสิโนมั้ง ชื่อว่า Treasury Casino
เดินไปรับลมที่สะพาน Victoria กันหน่อย
ย้อนกลับมาแล้วเดินผ่านหน้าคาสิโน แล้วอ้อมไป ตรงหัวมุมถนนจะเป็นร้านชื่อดัง Pancake Manor ที่ดัดแปลงสถานที่จากโบสถ์มาเป็นร้านขนมหวาน เราก็เลยตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างไป
Brisbane อาจจะเป็นเมืองใหญ่ที่ยังมีสเกลที่เล็กอยู่ ถูกกลบด้วยชื่อเสียงของ Sydney และ Melbourne สำหรับเราแล้วเมืองนี้เป็นเมืองที่ลงตัว ขนาดกำลังพอดี สงบ น่าอยู่ มีทุกอย่างที่เมืองอื่นๆมี คราวหน้าเดี๋ยวแวะมาเขียนใหม่ จะพานั่งรถไฟไป Sunshine Coast เที่ยวทะเลสวยๆกันดีกว่า ห่างจากเมืองบริสเบนแค่ 1 ชัวโมงนิดๆเอง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น