เรื่อง...ของ...เรา ตอนที่1
ผมหอบหัวใจเน่าๆกลับไปบ้านเพื่อนสนิทที่ต่างจังหวัด ถ้าไม่เจ็บคงไม่กลับไปหามัน
ความรัก...สำหรับผมแล้วมันซ้ำซากจริงๆ ไม่จบที่โกหกก็นอกใจ แต่ครั้งนี้มันหนักตรงที่เราไม่เหลืออะไร ไม่มีบ้าน ไม่มีอาชีพ เพราะเราอยู่และทำด้วยกันมา เมื่อเลิกกัน...ผมก็เป็นฝ่ายเดินจากมาเอง เพราะทนไม่ได้แล้ว.....
เราอยู่กับคนที่ไม่รักได้ แต่เราอยู่กับคนที่นอกใจ โกหกกันหลายครั้งหลายหนไม่ได้แล้วจริงๆ
เพื่อนสนิทที่เหมือนครอบครัว ผมรักครอบครัวเพื่อนมากๆ เรามีเรื่องราวชีวิตที่ดีๆกันมาตั้งแต่เด็ก ลูกชายเพื่อนที่ติดผมเป็นแตงเม เวลาผมได้กลับไป เหมือนได้กลับบ้าน และครั้งนี้ผมก็เลือกหอบหัวใจล้าๆกลับไปหามันอีกครั้ง มันใจดีนะหาแฟนให้ผมใหม่เสร็จสรรพ จริงๆมันคงรู้ว่าผมอยู่คนเดียวไม่โอเค ผมคุยกับเธอเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว เธอโอเคแต่คงต้องใช้เวลาสักพัก ผมเพิ่งเจ็บยังไม่หาย
บ่ายๆวันนึงที่หวยออก ผมนั่งช่วยเพื่อนจดโพยหวยอยู่ แดดส่องมาจากหน้าบ้านจนมองไม่ค่อยเห็นว่าใครเดินเข้ามา สักพักเธอมายืนอยู่ตรงหน้า...ผู้หญิงผิวขาวผมซอยสั้นๆ เธอดูแปลกตากว่าผู้หญิงทั่วไป คือไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป มีอะไรบางอย่างบอกว่าเธอพิเศษ เพื่อนมาแนะนำให้รู้จักกัน
เธอเป็นจิตรกรมาจากภูเก็ต เธอมาเที่ยวจะมาอยู่ด้วยหลายวัน
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง open air ต้นไม้ร่มรื่น เราไปนั่งกินข้าวกัน กับข้าวอร่อยบรรยากาศดี เพลงเพราะแต่ผมอกหักไม่มีอารมณ์ได้แต่นั่งเงียบๆไป มองไปบนฟ้า....คืนนั้นพระจันทร์สวยมาก ผมเรียกให้เธอที่นั่งข้างๆดู เธอมองตามแล้วยิ้ม เพื่อนแซวว่าผมไปชวนเธอดูพระจันทร์ ผมยิ้ม...ผมแค่เห็นว่ามันสวย
คืนนั้นเรากลับมาบ้านเพื่อน ห้องนอนเป็นห้องใหญ่ๆ ผมนอนกลับหลานๆลูกเพื่อน แต่คืนนั้นมีเธอมานอนด้วย ที่นอนของเราติดกัน เพื่อนผมมันปูให้ ปกติบ้านเพื่อนจะมีเพื่อนๆมาค้างบ่อยๆ และเราก็นอนเรียงๆกันเป็นพรืดแบบนี้ทั้งหมดไม่ได้คิดอะไร ผมข่มตานอนให้หลับค่อนข้างยากเพราะใจมันยังหนักอึ้งๆไม่ได้คิดถึงแฟนเก่า ไม่ได้คิดถึงคนใหม่ที่กำลังคุยอยู่ มันว่างเปล่าแต่หนักอึ้งกับอนาคตที่ไม่รู้จะเอายังไง
ได้ยินเสียงเธอพลิกตัวไปมาคงยังไม่หลับ ผม...บอกให้เธอฝันดี เธอบอกให้ผมฝันดี คำสั้นๆแต่น้ำเสียงของผมและเธอมันอุ่นจนรู้สึกได้ ผมหลับจนเช้า
วันนั้นเพื่อนพาไปทำธุระกันนิดหน่อย แล้วมานั่งว่างๆกันที่บ้าน วันนั้นผมจะกลับแล้ว เพื่อนให้เราถ่ายรูปคู่กัน มันแปลกที่คนไม่เคยรู้จัก พูดกันแค่ไม่กี่คำ แต่รูปคู่ที่ออกมามันบรรยายยากมาก
รูปเธอนั่งอยู่ในอ้อมกอดเอามือวางที่ขาผม ผมโอบไหล่และเอามือจับหัวเธอไว้เบาๆ รูปมันออกมาแบบนั้น แบบไม่ได้จัดอารมณ์ เธอตกใจว่าทำไมมีโมเมนต์นี้ผ่านหน้าตาเธอที่ดูหวานไปเลย จากผู้หญิงเซอร์ๆ ผมก็ต้องแปลกใจที่รูปนั้นผมกอดเธอดังคนรัก
เหมือนรักแรกพบ "คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม"
ผมกลับกรุงเทพ...มีเพื่อนกับเธอขับรถมาส่ง จากนครปฐมกับกรุงเทพไม่ไกลมาก ใจผมมันหวิวๆไม่อยากกลับขึ้นมาเฉยๆ แต่ผมต้องขึ้นมาจัดการชีวิตที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อยก่อน
ผมร่ำลาเพื่อน เพื่อนขึ้นไปสตาร์ทรถเตรียมกลับ เธอยังยืนอยู่มองหน้าผม....แล้วเดินเข้ามากอด ริมถนนเลยเธอกอดแน่นๆผมกอดตอบ ความรู้สึกคืออยากกอดไม่อยากปล่อย เธอกระซิบข้างหูให้ดูแลตัวเองดีๆ
เพื่อนที่อยู่ในรถมองมาแบบคิดหนัก เธอกลับไปแล้ว แต่ทิ้งความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ไว้กับผมเต็มๆ
เรื่อง...ของ...เรา
ผมหอบหัวใจเน่าๆกลับไปบ้านเพื่อนสนิทที่ต่างจังหวัด ถ้าไม่เจ็บคงไม่กลับไปหามัน
ความรัก...สำหรับผมแล้วมันซ้ำซากจริงๆ ไม่จบที่โกหกก็นอกใจ แต่ครั้งนี้มันหนักตรงที่เราไม่เหลืออะไร ไม่มีบ้าน ไม่มีอาชีพ เพราะเราอยู่และทำด้วยกันมา เมื่อเลิกกัน...ผมก็เป็นฝ่ายเดินจากมาเอง เพราะทนไม่ได้แล้ว.....
เราอยู่กับคนที่ไม่รักได้ แต่เราอยู่กับคนที่นอกใจ โกหกกันหลายครั้งหลายหนไม่ได้แล้วจริงๆ
เพื่อนสนิทที่เหมือนครอบครัว ผมรักครอบครัวเพื่อนมากๆ เรามีเรื่องราวชีวิตที่ดีๆกันมาตั้งแต่เด็ก ลูกชายเพื่อนที่ติดผมเป็นแตงเม เวลาผมได้กลับไป เหมือนได้กลับบ้าน และครั้งนี้ผมก็เลือกหอบหัวใจล้าๆกลับไปหามันอีกครั้ง มันใจดีนะหาแฟนให้ผมใหม่เสร็จสรรพ จริงๆมันคงรู้ว่าผมอยู่คนเดียวไม่โอเค ผมคุยกับเธอเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว เธอโอเคแต่คงต้องใช้เวลาสักพัก ผมเพิ่งเจ็บยังไม่หาย
บ่ายๆวันนึงที่หวยออก ผมนั่งช่วยเพื่อนจดโพยหวยอยู่ แดดส่องมาจากหน้าบ้านจนมองไม่ค่อยเห็นว่าใครเดินเข้ามา สักพักเธอมายืนอยู่ตรงหน้า...ผู้หญิงผิวขาวผมซอยสั้นๆ เธอดูแปลกตากว่าผู้หญิงทั่วไป คือไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป มีอะไรบางอย่างบอกว่าเธอพิเศษ เพื่อนมาแนะนำให้รู้จักกัน
เธอเป็นจิตรกรมาจากภูเก็ต เธอมาเที่ยวจะมาอยู่ด้วยหลายวัน
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง open air ต้นไม้ร่มรื่น เราไปนั่งกินข้าวกัน กับข้าวอร่อยบรรยากาศดี เพลงเพราะแต่ผมอกหักไม่มีอารมณ์ได้แต่นั่งเงียบๆไป มองไปบนฟ้า....คืนนั้นพระจันทร์สวยมาก ผมเรียกให้เธอที่นั่งข้างๆดู เธอมองตามแล้วยิ้ม เพื่อนแซวว่าผมไปชวนเธอดูพระจันทร์ ผมยิ้ม...ผมแค่เห็นว่ามันสวย
คืนนั้นเรากลับมาบ้านเพื่อน ห้องนอนเป็นห้องใหญ่ๆ ผมนอนกลับหลานๆลูกเพื่อน แต่คืนนั้นมีเธอมานอนด้วย ที่นอนของเราติดกัน เพื่อนผมมันปูให้ ปกติบ้านเพื่อนจะมีเพื่อนๆมาค้างบ่อยๆ และเราก็นอนเรียงๆกันเป็นพรืดแบบนี้ทั้งหมดไม่ได้คิดอะไร ผมข่มตานอนให้หลับค่อนข้างยากเพราะใจมันยังหนักอึ้งๆไม่ได้คิดถึงแฟนเก่า ไม่ได้คิดถึงคนใหม่ที่กำลังคุยอยู่ มันว่างเปล่าแต่หนักอึ้งกับอนาคตที่ไม่รู้จะเอายังไง
ได้ยินเสียงเธอพลิกตัวไปมาคงยังไม่หลับ ผม...บอกให้เธอฝันดี เธอบอกให้ผมฝันดี คำสั้นๆแต่น้ำเสียงของผมและเธอมันอุ่นจนรู้สึกได้ ผมหลับจนเช้า
วันนั้นเพื่อนพาไปทำธุระกันนิดหน่อย แล้วมานั่งว่างๆกันที่บ้าน วันนั้นผมจะกลับแล้ว เพื่อนให้เราถ่ายรูปคู่กัน มันแปลกที่คนไม่เคยรู้จัก พูดกันแค่ไม่กี่คำ แต่รูปคู่ที่ออกมามันบรรยายยากมาก
รูปเธอนั่งอยู่ในอ้อมกอดเอามือวางที่ขาผม ผมโอบไหล่และเอามือจับหัวเธอไว้เบาๆ รูปมันออกมาแบบนั้น แบบไม่ได้จัดอารมณ์ เธอตกใจว่าทำไมมีโมเมนต์นี้ผ่านหน้าตาเธอที่ดูหวานไปเลย จากผู้หญิงเซอร์ๆ ผมก็ต้องแปลกใจที่รูปนั้นผมกอดเธอดังคนรัก
เหมือนรักแรกพบ "คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม"
ผมกลับกรุงเทพ...มีเพื่อนกับเธอขับรถมาส่ง จากนครปฐมกับกรุงเทพไม่ไกลมาก ใจผมมันหวิวๆไม่อยากกลับขึ้นมาเฉยๆ แต่ผมต้องขึ้นมาจัดการชีวิตที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อยก่อน
ผมร่ำลาเพื่อน เพื่อนขึ้นไปสตาร์ทรถเตรียมกลับ เธอยังยืนอยู่มองหน้าผม....แล้วเดินเข้ามากอด ริมถนนเลยเธอกอดแน่นๆผมกอดตอบ ความรู้สึกคืออยากกอดไม่อยากปล่อย เธอกระซิบข้างหูให้ดูแลตัวเองดีๆ
เพื่อนที่อยู่ในรถมองมาแบบคิดหนัก เธอกลับไปแล้ว แต่ทิ้งความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ไว้กับผมเต็มๆ