นักเดินทางที่ไปเยี่ยมชมวนอุทยานแห่งชาติ
Serra da Estrela ของโปรตุเกส
มักจะเพลิดเพลินไปกับ Covão do Conchos
ที่เป็นทางน้ำล้นตัวเดียวท่ามกลาง
ทะเลสาบโปรตุเกสที่แสนเงียบสงบ

ทางน้ำล้นตัวนี้เป็นช่องทางระบายน้ำภายในเขื่อน
ที่ใช้ในการบริหารจัดการน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมา
เพื่อป้องกันน้ำท่วมลงไปในที่พื้นราบด้านล่าง
ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้

Covão do Conchos  มีการก่อสร้างเลียนแบบ
ทางล้นรูปปากระฆัง หรือ Morning Glory
เพราะทางไหลลงของน้ำในเขื่อนจะลงไปในวงกลม
ที่คล้ายกับดอกผักบุ้งหรือปากระฆัง
ทำให้เป็นโครงสร้างที่แปลกที่สุดไม่ซ้ำแบบใครเลย
ทั้งยังช่วยในการป้องกันน้ำล้นภายในเขื่อนช่วงฤดูน้ำหลาก





Covão do Conchos อยู่ในช่วงกลางของทะเลสาบ
มีขอบบ่อที่มีความสูง  4.6 เมตร
มีเส้นรอบวงกว้าง 48 เมตร
ระยะเวลาที่ยาวนานผ่านมากว่า  60 ปีแล้ว
นับตั้งแต่ก่อสร้างใช้งานได้ในปี 1955
ธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้ด้านบนของปากบ่อ
มีพืชน้ำและและตะไคร่น้ำเจริญเติบโตขึ้นโดยรอบ


ทางน้ำล้นแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ Guarda
ในทะเลสาบ Serra da Estrela
อุทยานแห่งชาติโปรตุเกส
มันเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อน Conchos
ที่ใช้ในระบบผลิตไฟฟ้าพลังน้ำของ Serra da Estrela

นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่า
Covão do Conchos ไม่ใช่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ
ทางน้ำล้นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1955
โดยมีวัตถุประสงคเพื่อใช้ในการผันน้ำ
จาก Ribeira das Naves ไปยัง Lagoa Comprida
โดยน้ำจะไหลไปตามอุโมงค์ใต้ดิน
ที่มีระยะทาง 1,519 เมตร (4,984 ฟุต)
จากต้นทางไปจนถึงปลายทาง
ผันน้ำได้ถึง 120,000 ลูกบาศก์เมตร


และเมื่อเดินทางเข้าไปใกล้ชิดกับ Covão do Conchos
จะได้ทั้งภาพและเสียงที่ดังอย่างอึกทึกครึกโครม





อุทยานแห่งชาติ Serra de Estrela
เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
มันเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมในการเดินป่า/ผจญภัย
แต่ผู้เข้าชมจะได้รับคำเตือนให้ระมัดระวังเส้นทางอันตรายบางแห่ง

ในช่วงฤดูหนาว Covão do Conchos
จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง
มีคำแนะนำให้สวมใส่รองเท้าที่เดินกันน้ำได้
กับเสื้อผ้าที่ใส่กลางแจ้งที่กันร้อนกันหนาว
พร้อมรับมือกับสภาวะอากาศที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว


เรียบเรียง/ภาพ/ที่มา

https://goo.gl/doWplE
https://goo.gl/gZGM08
https://goo.gl/H36Qdl
https://goo.gl/QtcPos

ข้อมูลเพิ่มเติม(ไทย)

https://goo.gl/Bbjex7    ทางน้ำล้น
https://goo.gl/6H96BH  หลุมขนาดยักษ์ในเขื่อน

---

---

หมายเหตุ





โปรตุเกสเป็นชาติหนึ่งในยุโรป
ที่ได้รับภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว
แล้วตามมาด้วยซูนามิครั้งใหญ่
บ้านเมืองพังพินาศทั้งจากน้ำท่วมและไฟไหม้
สมบัติต่าง ๆ ที่ได้มาจากอาณานิคม
และเอกสารต่าง ๆ ทางราชการ
ต่างสูญหายและถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก

ผลจากภัยพิบัติได้จมกองเรือโปรตุเกสไปหลายร้อยลำ
มีส่วนทำให้มหาอำนาจทางเรือโปรตุเกสสิ้นสุดลง
เพราะต้องใช้เงินทองจำนวนมากไปกับการบูรณะประเทศ
กองเรือสเปนกับอังกฤษจึงเข้ามาแทนที่
แล้วแพร่ขยายอาณานิคมไปหลายทวีปในเวลาต่อมา


มีการขุดค้นพบกระเบื้องสีน้ำเงินที่เร่งรีบทำจำนวนมาก
เพื่อนำมาใช้ในการบูรณะซ่อมแซมบ้านเมือง
ในช่วงหลังจากขุดค้น/บูรณะเมืองใหม่อีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีมานี้


มีแนวคิดและปรัชญาจากมหันตภัยในหนังสือ ก็องดิด
ที่วอลแตร์เขียนเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวครั้งนั้น
เป็นการเปลี่ยนโลกทัศน์ความเชื่อทางศาสนาคริสต์
จนมาสู่ยุคแนวคิดหลักการเหตุผลทางวิทยาศาสตร์




เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/fy0Beq  (ไทย)
https://goo.gl/mTjKzb (ไทย)
https://goo.gl/vzRaDp

---

โปรตุเกสมีการปฏิว้ติจากทหาร
ที่ส่งมอบระบอบประชาธิปไตย  
หรือการปฏิวัติดอกคาร์เนชั่น ในปี 1974
ล้มล้างอำนาจ Marcello Caetano
ผู้นำเผด็จการที่สืบทอดอำนาจต่อจาก
Antonio Oliveira de Salazar
เป็นไม่กี่ครั้งในหลายประเทศ
ที่ทหารนำระบอบประชาธิปไตย
ให้กลับคืนสู่อำนาจของประชาชน

สาเหตุหลักคือ การที่ส่งทหารไปปราบปรามกบฎ
ในประเทศอาณานิคมอังโกล่า โมซัมบิก ฯลฯ
นายทหารยศนายร้อย 200-300 คน ที่ไปรบต่างชาติ
ต่างได้แรงบันดาลใจจากบรรดานักปฏิวัติมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์
ชาวพื้นเมืองที่ลุกขึ้นต่อสู้ปลดปล่อยกอบกู้เอกราช

รวมทั้งทหารส่วนมากต่างไม่พึงพอใจกับเรื่องนี้
เพราะเท่ากับการส่งไปตายในอาณานิคมประเทศนี้
โดยที่ชาติต่าง ๆ ในอัฟริกา/เอเซีย/ละตินอเมริกา
หลายต่อหลายประเทศต่างประกาศเอกราชกันมากแล้ว
กับไม่เห็นประโยชน์อย่างใดเลยที่ดีกับโปรตุเกส
ในการไปปกครองและกดขี่ชนพื้นเมืองเหล่านี้

ทหารบางส่วนเมื่อกลับมาประจำการในประเทศ
จึงเริ่มหันเหและเบี่ยงเบียนไม่ยอมรับลัทธิเผด็จการ/ผู้นำ
ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐเกิดขึ้น
เมื่อรัฐบาลสั่งให้นายทหารสาบานตน
เพื่อยอมรับอำนาจสูงสุดของนายกรัฐมนตรี
แกนนำกลุ่มรัฐประหารปฏิเสธคำสั่งดังกล่าว
นำไปสู่การต่อสู้และรัฐประหารในเวลาต่อมา

---

แม้ว่าโปรตุเกสจะทะยอยส่งมอบเอกราช
ให้กับประเทศอาณานิคมเกือบทั้งหมดในปี 1963
แต่ก็ยังรั้งอำนาจปกครองไว้บางประเทศเช่นกัน
เพราะยังสามารถกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติ
กับหาประโยชน์จากชาติอาณานิคมเหล่านั้น
รวมทั้งมาเก๊า ที่เป็นดินแดนอาณานิคมแห่งนั้น

โปรตุเกสแสดงเจตจำนงแน่วแน่ที่จะคืนดินแดนมาเก๊า ให้แก่จีน
และประกาศรับรองอย่างเป็นทางการว่าจีน มีอธิปไตยเหนือมาเก๊า

แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว
จีนมีภารกิจในการเจรจา
เรื่องการรับมอบฮ่องกงจากอังกฤษ
ที่ทำสัญญาเช่าใกล้จะครบ 99 ปีแล้ว
จึงไม่ได้เข้ามาจัดการเรื่องปัญหามาเก๊า

แต่อังกฤษยืดเยื้อไม่ยอมคืนให้ง่าย ๆ
จะขอต่อสัญญาเช่าระยะยาวอีกต่อไป
จนกระทั่งเติ้งเสี่ยวผิง ต้องทุบโต๊ะเจรจา
ไม่ยินยอมเจรจาหรือต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น



ในระหว่างการเจรจาใกล้ส่งมอบคืนฮ่องกง
ยังมี ดารา/คนรวยหลายคนทิ้งแผ่นดิน
ขายที่ดินกับอสังหาริมทรัพย์/ทรัพย์สินในราคาถูก ๆ
เพราะหวาดกลัวระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์

ลีกาซิง กับพรรคพวกกับมองเห็นว่า
วิกฤติคือโอกาส
ต่างเร่งซื้อจากพวกวิตกจริต
ทำให้ครอบครองที่ดินแปลงงาม ๆ
กับอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งจนทุกวันนี้

มีการพูดกันเล่นว่าจีนมีสองเติ้ง
ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
คือ เติ้งเสี่ยวผิง รัฐบุรุษของจีนแดง
กับ เติ้งลี่จวิน นักร้องของจีนไต้หวัน




อนึ่ง โปรตุเกสประกาศรับรองสถานะของมาเก๊าเพียงฝ่ายเดียว
ว่าประเทศจีนมีอธิปไตยเหนือเกาะมาเก๊า
ในปี 1979 จีนกับโปรตุเกสได้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูต
จีนจึงได้รับรองอย่างเป็นทางการว่า
ดินแดนมาเก๊าเป็นดินแดนของจีนภายใต้การบริหารของโปรตุเกส

จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 1999 โปรตุเกสได้ส่งมอบมาเก๊าคืนแก่จีน
โดยจีนยินยอมให้มาเก๊าใช้ระบบ  หนึ่งประเทศสองระบบ (เหมือนฮ่องกง)
มีสถานะเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนเป็นเวลา 50 ปี ไปจนถึงปี 2049
มาเก๊าก็จะกลับสู่การปกครองของจีนอย่างเต็มรูป


เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/8bgNtr (ไทย)
https://goo.gl/9hvUqi