มหาสมุทรของโลกเราช่างกว้างใหญ่ แน่นอนว่าเรารู้จักปะการังและปลาหลากหลายชนิดที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำสีครามเหล่านั้น หากแต่หลายคนอาจยังไม่ได้ตระหนักว่ายังมีอีกหลายส่วนของทะเลเหลือเกินที่มนุษยชาติยังไม่ได้ทำการสำรวจเลยสักนิด
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมนุษย์ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจ ก็ย่อมหมายความว่าทะเลยังมีความเร้นลับซ่อนอยู่อีกมากมายที่เฝ้ารอให้มนุษย์เข้าไปค้นพบ และนี่คือ ความจริงน่าทึ่งเกี่ยวกับมหาสมุทรที่คุณอาจไม่คุ้นหูมาก่อน ส่วนจะมีอะไรบ้าง ไปชมจ้ะ
ด้วยความยาวของโครงสร้างที่ทอดไกลกว่า 1,600 ไมล์ (ราว 2,000 กิโลเมตร) ทำให้ Great Barrier Reef นับเป็นโครงสร้างที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และหากคุณเฝ้ามองลงมาจากอวกาศก็สามารถเห็นมันได้แจ่มชัด
Aerial of Great Barrier Reef at Whitsunday Island
The Rockall คือหินยักษ์ปริศนาที่สูงกว่า 30 เมตร มันตั้งห่างออกไปกว่า 290 ไมล์จากชายฝั่งของ Great Britain และมนุษย์ที่มีโอกาสได้มาเหยียบบนหินก้อนนี้มีไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกการค้นพบมัน
แม้จะฟังจะดูบ้าระห่ำ แต่อสูรทะเลอาจมีจริงก็ได้เป็นได้ เนื่องจากทุกวันนี้ยังคงมีท้องทะเลอีกกว่า 86% ที่มนุษยชาติยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่ามีอีกหลายสปีชี่ย์ปริศนาที่ยังไม่ถูกค้นพบ
ครั้งหนึ่งหมึกมหึมา (Giant Squid) ถูกยกให้กลายเป็นสัตว์ในตำนาน และกว่าคนจะบันทึกภาพมันได้ ว่ามันมีตัวตนจริงเวลาก็ล่วงเลยมาจนกระทั่งปี 2001
แม้สหรัฐอเมริกาจะยิ่งใหญ่ แต่พื้นที่กว่า 50% ของประเทศกลับอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
ในตอนนี้ มนุษยชาติสามารถสำรวจทะเลได้เพียง 5-7% เท่านั้น หรือถ้าจะเทียบก็อยู่ในอัตราแค่ 1% จากมหาสมุทรทั้งหมด
“White Shark Cafe” คือจุดประหลาดในท้องทะเล Pacific ซึ่งเหล่าฉลาม white sharks มักนัดกันที่นั่นเพื่อทำการผสมพันธุ์ขยายลูกหลาน
ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ทุกวันนี้ 99% ของสายพันธุ์ฉลามได้หายสาบสูญไปแล้ว (ทุกวันนี้ที่เราเห็นมีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น)
ขุนเขาที่มีความยาวที่สุดในโลกแท้จริงแล้วซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร มันถูกเรียกว่า The Mid-Ocean Ridge ที่ตัดผ่านทะเล Atlantic ในระดับที่ลากได้ไกลถึง 23,000 ไมล์ ที่น่าทึ่งคือส่วนยอดขุนเขายังสูงยิ่งกว่าเทือกเขาแอลป์ที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่เสียอีก ซึ่งมันกินพื้นที่ระนาบของโลกกว่า 23% เชียวล่ะ
รู้หรือไม่ว่าออกซิเจนจำนวนมากของโลกใบนี้แท้จริงเกิดจาก สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘Phytoplankton’
โดยเฉลี่ยทะเลมักลึกในระดับประมาณ 12,400 ฟุต แต่แสงที่สาดส่องลงมาสามารถทะลุลงไปได้เพียง 330 ฟุตเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าส่วนที่เหลือของทะเลจึงดูมืดมิดและเร้นลับ
Jellyfish (แมงกะพรุน) มีปริมาณมากกว่าเหล่าฉลามถึง 15-30 เท่า
ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษามหาสมุทรอย่างลึกซึ้งได้ประเมินไว้ว่า เบื้องใต้สมุทรนั้นมีทองคำอยู่กว่า 20 ล้านตันที่เฝ้ารอการค้นพบ
ในน้ำทะเลเพียง 1 มิลลิลิตรสามารถมีแบคทีเรียกว่า 1,000,000 ชีวิต และมีไวรัสมากถึง 10,000,000 ชีวิต อย่างไรก็ตามโชคดีที่แบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายใด
นักประวัติศาสตร์ล้วนตระหนักดีว่า ทุกวันนี้จำนวนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบใต้ก้นทะเล ยังมีจำนวนมากกว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งบนภาคพื้นดินเสียอีก
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของ เรื่องน่าทึ่งของมหาสมุทร ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีอีกหลายสิ่งนักที่เราไม่รู้ แต่ในอนาคตหากเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่านี้มนุษยชาติก็ย่อมมีโอกาสค้นพบความน่าทึ่งของทะเลมากขึ้นอย่างแน่นอน
ที่มา: Viralnova รูปภาพ: huffingpost,bbc,flickr
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/forum/new_topic
ความจริง…ที่ตอกย้ำว่ามหาสมุทรคือดินแดนที่แสนเร้นลับเพียงใด!!
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมนุษย์ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจ ก็ย่อมหมายความว่าทะเลยังมีความเร้นลับซ่อนอยู่อีกมากมายที่เฝ้ารอให้มนุษย์เข้าไปค้นพบ และนี่คือ ความจริงน่าทึ่งเกี่ยวกับมหาสมุทรที่คุณอาจไม่คุ้นหูมาก่อน ส่วนจะมีอะไรบ้าง ไปชมจ้ะ
ด้วยความยาวของโครงสร้างที่ทอดไกลกว่า 1,600 ไมล์ (ราว 2,000 กิโลเมตร) ทำให้ Great Barrier Reef นับเป็นโครงสร้างที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และหากคุณเฝ้ามองลงมาจากอวกาศก็สามารถเห็นมันได้แจ่มชัด
Aerial of Great Barrier Reef at Whitsunday Island
The Rockall คือหินยักษ์ปริศนาที่สูงกว่า 30 เมตร มันตั้งห่างออกไปกว่า 290 ไมล์จากชายฝั่งของ Great Britain และมนุษย์ที่มีโอกาสได้มาเหยียบบนหินก้อนนี้มีไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกการค้นพบมัน
แม้จะฟังจะดูบ้าระห่ำ แต่อสูรทะเลอาจมีจริงก็ได้เป็นได้ เนื่องจากทุกวันนี้ยังคงมีท้องทะเลอีกกว่า 86% ที่มนุษยชาติยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่ามีอีกหลายสปีชี่ย์ปริศนาที่ยังไม่ถูกค้นพบ
ครั้งหนึ่งหมึกมหึมา (Giant Squid) ถูกยกให้กลายเป็นสัตว์ในตำนาน และกว่าคนจะบันทึกภาพมันได้ ว่ามันมีตัวตนจริงเวลาก็ล่วงเลยมาจนกระทั่งปี 2001
แม้สหรัฐอเมริกาจะยิ่งใหญ่ แต่พื้นที่กว่า 50% ของประเทศกลับอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
ในตอนนี้ มนุษยชาติสามารถสำรวจทะเลได้เพียง 5-7% เท่านั้น หรือถ้าจะเทียบก็อยู่ในอัตราแค่ 1% จากมหาสมุทรทั้งหมด
“White Shark Cafe” คือจุดประหลาดในท้องทะเล Pacific ซึ่งเหล่าฉลาม white sharks มักนัดกันที่นั่นเพื่อทำการผสมพันธุ์ขยายลูกหลาน
ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ทุกวันนี้ 99% ของสายพันธุ์ฉลามได้หายสาบสูญไปแล้ว (ทุกวันนี้ที่เราเห็นมีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น)
ขุนเขาที่มีความยาวที่สุดในโลกแท้จริงแล้วซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร มันถูกเรียกว่า The Mid-Ocean Ridge ที่ตัดผ่านทะเล Atlantic ในระดับที่ลากได้ไกลถึง 23,000 ไมล์ ที่น่าทึ่งคือส่วนยอดขุนเขายังสูงยิ่งกว่าเทือกเขาแอลป์ที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่เสียอีก ซึ่งมันกินพื้นที่ระนาบของโลกกว่า 23% เชียวล่ะ
รู้หรือไม่ว่าออกซิเจนจำนวนมากของโลกใบนี้แท้จริงเกิดจาก สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘Phytoplankton’
โดยเฉลี่ยทะเลมักลึกในระดับประมาณ 12,400 ฟุต แต่แสงที่สาดส่องลงมาสามารถทะลุลงไปได้เพียง 330 ฟุตเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าส่วนที่เหลือของทะเลจึงดูมืดมิดและเร้นลับ
Jellyfish (แมงกะพรุน) มีปริมาณมากกว่าเหล่าฉลามถึง 15-30 เท่า
ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษามหาสมุทรอย่างลึกซึ้งได้ประเมินไว้ว่า เบื้องใต้สมุทรนั้นมีทองคำอยู่กว่า 20 ล้านตันที่เฝ้ารอการค้นพบ
ในน้ำทะเลเพียง 1 มิลลิลิตรสามารถมีแบคทีเรียกว่า 1,000,000 ชีวิต และมีไวรัสมากถึง 10,000,000 ชีวิต อย่างไรก็ตามโชคดีที่แบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายใด
นักประวัติศาสตร์ล้วนตระหนักดีว่า ทุกวันนี้จำนวนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบใต้ก้นทะเล ยังมีจำนวนมากกว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งบนภาคพื้นดินเสียอีก
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของ เรื่องน่าทึ่งของมหาสมุทร ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีอีกหลายสิ่งนักที่เราไม่รู้ แต่ในอนาคตหากเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่านี้มนุษยชาติก็ย่อมมีโอกาสค้นพบความน่าทึ่งของทะเลมากขึ้นอย่างแน่นอน
ที่มา: Viralnova รูปภาพ: huffingpost,bbc,flickr [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้