ปัญหาแม่แฟนกับลูกเขย

ก่อนจะเล่าเรื่อง ต้องเล่าไปถึงนิสัยของแม่แฟนซักก่อน


ในเรื่องนี้ผมจะเรียกแม่แฟนว่านางสาวA และจะเรียก พ่อเลี้ยงแฟน ว่านายB
พื้นฐานแล้วนางสาวAนั้นมีนิสัยมีปากร้ายมาก เวลาจะด่าอะไรก็แรงแบบสุดๆ ถึงขนาดด่าลูกแท้ๆว่า "ถ้าไม่สวย มันยังจะเอาอยู่หรือป่าว เดี่ยวกรูจะเอาน้ำกรดสาดหน้าดูสิ มันจะทิ้งไหม!! " (ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ลูกสาวนางสาวA คบกับแฟนคนที่สาม) แถมนางยังเป็นคนที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แบบสุดๆ มีแสนหมดแสน มีล้านหมดล้าน เป็นคนที่ไม่ค่อยมีฐานะ หรือพูดง่ายๆว่าเป็นคนจนมาก่อน ตอนหลังก็สามีเป็นคนมีฐานะ(พ่อแฟน)

หลังจากแต่งงานมีลูกด้วยกันอยู่ด้วยกันไม่นานก็หย่าล้างกันไป และไม่เคยกับมาหาลูกอีกเลย
พ่อแฟนเป็นที่นิสัยดีมาก พูดจาด้วยเหตุและผล และสอนให้ลูกรู้จักคำว่าพอเพียง
"ลูกจำไว้นะโตไปอย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยเหมือนแม่"
จนกระทั้งเขาไปจากไป เนื่องจากหัวใจวายในขณะออกกำลังกาย


เมื่อนางสาวA มาเจอกับลูกคำแรกที่พูดคือ"อะฆ่าพ่อตัวเอง"
ในตอนนั้นมีทรัพย์สิน ทั้งหมด7 ล้าน จากพินัยกรรมทั้งหมดถูกแบ่งเป็น4ส่วน ได้แก่ป้า ลุง ย่า และ ลูก คนละ1ส่วน
เนื่องจากตอนนั้นแฟนผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ มรดกส่วนของเธอจึงตกไปอยู่กับนางสาวA ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก

หลังจากนั้นแม่และลูกก็ได้อยู่ด้วยกัน เนื่องจากการเลี้ยงดูคนละแบบ ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน
แถมเงินที่ไช้จ่ายไปโรงเรียนนางสาวAก็เอาไปจนหมด ไม่พอก็ให้ลูกสาวไปขอกับป้าว่าที่โรงเรียนมีค่านั้นค่านี้พอได้เงินมาก็เอาไปใช้อีกตามเคย "ลูกต้องขอเงินป้าเยอะๆนะลูกจะได้มีใช้"
หลังจบ ลูกสาวนางสาวA ก็ไปอยู่ที่หอพัก เพราะมหาลัยไกลกับที่บ้าน และนางสาวA ก็ได้แฟนไหม่เป็นชาวจีนอายุ70+
(หลายคนอาจสงสัยแล้วมรดกละ ลูกสาวเธอเล่าว่าหมดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจทราบ แต่ไม่เคยเห็นเงินส่วนนั้นเลย)

ส่วนลูกสาวนางA ได้ไปเรียนมหาลัย ช่วงนั้นเธอได้คบกับแฟนคนที่3
ผู้ชายคนนั้น เข้ามาหลอกทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอมหรือค่ากิน ที่ป้าส่งเสียให้ แม้กระทั้งคอมพิวเตอร์ที่ป้าซื้อก็ถูกนำไปขายด้วย แถมเจ้าชู้อีกตังหาก เรียกได้ว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวจริง จนทำให้เธอต้องออกจากมหาลัย

หลังจากเลิกกันตอนที่ผมได้เจอกับเธอๆ(แฟน)ก็ท้องได้4เดือนแล้ว
ผ่านมาเกือบ2ปีแล้ว และก็เกือบ1ปีที่แฟนมาอยู่กับผม เพราะแฟนผมทะเลาะกับนางสาวAจึงหนีออกจากบ้านและไม่ได้นำอะไรมาเลยซักอย่าง
ส่วนผมกับนางสาวAไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแต่ก็มีพูดลับหลังอยู่ตลอด "ทำไมไม่หาคนรวยๆ"
    
ผมก็ทำงานของผม
ฐานะทางบ้านผมก็ พอมีพอกิน ส่วนผมกับแฟนก็ไปหาลูกของแฟนอยู่เรื่อยๆ
ในช่วงนั้นแฟนมีความคิดที่ว่าจะเรียนต่อ แต่เธอไม่กล้าผมจึงช่วยคุยป้าของแฟนให้จนสุดท้ายเธอก็ได้เรียนตามที่ต้องการ
ในตอนแรก ผมก็คิดจะไปเรียนเช่นกันแต่เรียนแบบ ศึกษาผู้ใหญ่
ในตอนนั้นพ่อของผมไปบวชพอดี ภาระจึงตกมีอยู่ที่ผม และผมก็อดเรียนตามระเบียบ


ผ่านมาจนกระทั้งนายB ให้ไปออกรถมอไซค์ พร้อมกับเงินดาวน์ ซึ่งเป็นช่วงนั้นที่ออกจากทำงานพอดี
เอาสิครับ ภาระมาเพิ่มถ้าผมมีเงินเหลือก็คงเรียนไปแล้ว ปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่นายBก็ไม่ยอมบอกว่าถ้าไม่มีผ่อนเดียวจะผ่อนให้
ก็อย่างที่รู้ว่าตอนนั้นตกงาน ไม่มีใบสลิป บอกได้เลยว่าหายากมาก มีเงินที่จำกัด ไม่มีใบสลิปและคนค้ำ
ไปมาหาหลายร้าน แต่ก็ไม่ผ่านติดนั้นติดนี่ตลอด

จนกระทั้งไปเจอร้านนึ่ง ในตอนแรกเขาบอกว่า ค่าดาวน์XXXX ไอ้เราเห็นบอกมันถูกกว่าที่ อื่นถึงจะขาดก็ขาดอยู่นิดหน่อยก็เลยโทรไปขอกับนายBเพิ่ม
หลังจากทำสัญญาก็เสร็จ เมื่อถึงเวลาจ่ายการดาวน์
"ค่าดาวน์XXXX"
"อ่าวตอนแรกบอกว่าXXXXไม่ใช่หรอ"
สรุปแล้วมันเป็นความผิดของที่ร้าน เขาเลยยอมให้แต่ต้องมาจ่ายทีหลังก่อนงวดแรก
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ผมกับแฟนก็คุยกันโดยสรุปว่าจะโทรไปขอกับนายBเพิ่ม
พอคุยกันผมก็บอกว่ามันมีปัญหาแบบนี้ๆ แต่เขาไม่ยอม มาโมโหใส่แถมบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็เอารถไปคืนเลย
(ออกมาได้1วัน ให้เอาไปคืน) และต่อไปนี้จะไม่ช่วยจ่ายอะไรทั้งนั้น (ก่อนหน้านี้บอกจะช่วยผ่อน)

พอไปคุยกับที่ร้านเขาก็เห็นใจบอกไว้ค่อยมาจ่ายก็ได้ เดี่ยวที่พนักงานที่บอกราคาผิดรับผิดชอบไป
ส่วนรถก็คือได้แต่เขาจะนำไปประมูลต่อได้เท่าไรหักลบหนี้  เพราะเขาถือว่ารถใส่น้ำมันเครื่องใส่อะไรแล้วก็ถือเป็นรถมือ2
(รถ+ดอก 100000 ประมูล 30000 หนี้เหลือ70000 ที่ต้องผ่านต่อ)

เรื่องควรจะจบ แต่นายBไม่จบสิครับ เขาไปกับนางA แบบไหนไม่รู้ กับกลายเป็นว่า ไม่ยอมให้ผมเข้าบ้าน พูดด่าว่าอะไรต่างๆนาๆ(พูดกับลูก)
คนแบบนี้เป็นคนเข้ามาหลอก ได้1จะเอา2 แถมยังจนอีก เดี่ยวจะหาคนรวยๆให้
ซึ่งกว่าผมจะรู้ก็ผ่านไปเกือบ2เดือนแล้ว

ผมก็อยากจะไปหาหลาน
แต่ทางนั้นไม่ยอมให้ผมไปเหยียบบ้าน แถมนางสาวAยังแนะนำผู้ชายให้ลูกสาวอีก
1วันก่อนบอกกับคนอื่นว่าลูกเป็นแม่ม่าย  คนนี้ดีอย่างงั้นดีอย่างนั้น (พูดกับลูกแล้วถามว่าคุณเคยเขาหรือป่าวถึงรู้ว่าดี)

วันปีใหม่พาลูกสาวไปเที่ยวบ้านเพื่อนนายBที่ต่างจังหวัด เจอลูกเพื่อนอายุ15 เรียกลูกเขย บอกว่าถ้าเป็นแฟนกันนะจะสบายไปทั้งชาติ(เหอะๆลูกคุณจะเข้าเบญจเพสอยู่ละ แล้วคุณหรือลูกที่จะสบาย)

ตลอดที่นางสาวAเป็นแม่คน นางไม่ค่อยทำอะไรทำลูกเลย ค่าใช้ค่าเรียนไม่เคยให้ ลูกขอเงินซื้อเงินบอกขออะไรนักหนา
นายBให้เงินไว้ซื้อนมหลาน ตัวเองก็เอาไปซื้อนั้นซื้อนี่ ของที่ให้หลานมีแค่1ส่วน เท่านั้น(ซึ่งเป็นของที่จำเป็นต้องซื้อ)
ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องรถ เพราะก่อนน่านี้เขา2คนก็ยังดีๆอยู่เลยแล้วเขาก็เปลี่ยนไปหลังจากเรื่องนั้น
ประกอบกับคิดรถเป็นชื่อผม ไม่ได้เป็นชื่อแฟน(แต่เขาก็ไม่ได้บอกต้องเป็นชื่อแฟน) เพราะอย่างที่บอกผมกับแฟนไปหลายร้าน บางร้านผมก็ให้แฟนเป็นเป็นคนออกแต่เนื่องจากแฟนผมไม่มีทักษะการพูดเท่าไรนัก จึงทำเรื่องไม่ผ่าน

ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับท่าน ท่านจะทำยังไง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่