[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บ่าย วันที่ 10 ก.ย. 2016 ตรงกับวันครูของจีน หลางผิงได้ไปบรรยายเรื่องของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติจีน
ที่ มหาวิทยาลัยเป่ยจิงชื้อฟ่านต้าเสวีย (เป่ยชื้อต้า ) Beijing Normal University ซึ่งหลางผิงเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้
.
.
.
หลางผิงเริ่มต้นกล่าวขอบคุณถึงพระคุณของคุณครูที่ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ เธอกล่าวว่า การคว้าเหรียญทองโอลิมปิก
ของทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของทีม ไม่ใช่อย่างที่หลายคนพูดว่าเป็นเพราะโค้ช เป็นโค้ชเทพ โค้ชเทวดา
ไม่ใช่เป็นแบบนั้น ฉันเพียงแต่ทำหน้าที่ในสิ่งที่ฉันควรต้องทำ
หลางผิงเล่าถึงสมัยเป็นนักศึกษาภาควิชาภาษาอังกฤษที่นี่ว่า ครูมักจะมาสอนพิเศษให้ฉันเป็นประจำ เพราะว่าตอนที่ตัวเอง
เข้าเรียนมหาวิทยาลัยนั้นไม่เหมือนกับทุกท่านที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันตอนอายุ 18-19 เพราะช่วงวัยระหว่างนั้นฉันเล่นวอลเลย์
เป็นนักกีฬาทีมชาติ ฉันเข้ามาเรียนที่เป่ยชื้อต้าก็อายุ 26 ปีเข้าไปแล้ว เรียนช้าไปหน่อย ดังนั้น ครูก็จะมาช่วยสอนพิเศษเพิ่มเติมให้
ต่อมาก็อย่างที่ทุกคนเรียกขาน “หลางอินเตอร์ ” ได้มีโอกาสไปเป็นโค้ชในหลายประเทศ และในฐานะที่เป็นโค้ช
ถ้าเราไม่มีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศในการสื่อสาร ไม่ได้ !! ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณเป่ยชื้อต้าเป็นอย่างมาก
ที่ประสาทวิชาความรู้ให้ตน โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศ ทำให้ตัวเองสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆได้
จริงๆแล้วนอกจากภาษาอังกฤษที่ใช้ได้ดีแล้ว เธอยังบอกว่าภาษาอิตาลีของเธอก็ไม่เลวเลยทีเดียว ทำให้ตัวเองมีโอกาส
ได้ไปเป็นโค้ชที่อิตาลีนาน 6 ปี
หลางผิงเล่าให้ฟังถึงวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติจีนในไม่กี่ปีหลังมานี้ว่าผ่านกันมายังไงบ้าง? เพราะส่วนใหญ่แล้วทุกคนก็คงเห็น
แต่ภาพการแข่งขันในสนาม แต่เบื้องหลังที่อยู่นอกสนามนั้นนักวอลเลย์สาวทั้งหลายนั้นลำบากเหน็ดเหนื่อยกันมากทีเดียว
พวกเธอต้องฝึกซ้อมและศึกษาเรียนรู้กันอย่างหนัก
ปี 2013 ตอนที่มารับคุมทีมชาติจีน ด้วยวัยของตัวเองที่ทุกวันจะต้องมาดูแลนักวอลเลย์ที่อายุระหว่าง 18-28 ปี
ทุกวันพาฝึกซ้อม เรียนรู้ พวกเรานักกีฬาไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์ ฝึกซ้อมตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์ได้พักครึ่งวัน
และก็มีนักกีฬาบางคนที่ยังจะต้องฝึกซ้อมเพิ่มอีกครึ่งวัน ตอนค่ำก็จะมีเข้าคลาสศึกษาในห้องเรียนอีก เป็นการศึกษาเฉพาะด้าน
และก็ยังมีเรื่องการบาดเจ็บของนักกีฬา ตอนค่ำก็จะมีจัดเวลาในการบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บนักกีฬา
ดังนั้น ในปีหนึ่งๆนักกีฬาต้องดำเนินไปอยู่เช่นนี้ก็ลำบากมากทีเดียว ทุกคนมีวันหยุดยาวเทศกาลได้ไปสนุกสนานรื่นเริง
เช่น วันตรุษจีน วันชาติจีน แต่พวกเรานักกีฬาไม่มี ตรุษจีนปีนี้เดือนมกราคม เราให้นักกีฬาหยุด 3 วัน อันนี้นับรวมถึงวันเดินทางด้วย
นักกีฬาเรามาจากทั่วทุกสารทิศ ให้พวกเธอได้กลับไปเยี่ยมบ้านไปกินข้าวร่วมกันกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ที่เรียกกันว่า
เหนียนเย่ฟ่าน ได้ไปเจอหน้าพ่อแม่
สำหรับการเตรียมทีมเพื่อโอลิมปิก มีการเก็บตัวฝึกซ้อมแบบปิด คือ ปิดจริงๆ จัดให้นักกีฬามาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง
ทำการฝึกซ้อม 2 เดือน ก็ราวๆ 8 สัปดาห์ ไม่ออกไปไหนเลย ดำเนินชีวิตอยู่กันแค่ 3 แห่ง คือ หอพัก โรงอาหาร และสนามฝึกซ้อม
ฉะนั้น ชีวิตในแคมป์ฝึกซ้อมจึงค่อนข้างเรียบง่ายเงียบเหงา ทุกคนปฏิบัติอย่างนี้ทุกวัน ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 3-4 เดือน
เป็นอย่างนี้ทุกวัน ทุกท่านลองนึกภาพดูว่านักกีฬาของเราต้องลำบากกันมากขนาดไหน เหน็ดเหนื่อยจนลูกตาแทบไม่กลอกไป-มา
ถ้าคุณลองเข้าไปพูดคุยกับพวกเธอ ก็จะเห็นว่าดวงตาเหม่อลอยมึนงง คือเหนื่อยจนมีสภาพเป็นอย่างนั้น
ปี 2013 หลังจากที่เข้ามาคุมทีมชาติได้ 3 วันก็ต้องพาทีมออกไปแข่งรายการนานาชาติต่างๆ สำหรับภารกิจทีมชาติ
พอนักกีฬาเล่นจบจากลีกภายในประเทศ ก็มาเป็นตัวแทนรับใช้ทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติ ฉะนั้น ในนามทีมชาติ
เรื่องเวลาในการฝึกซ้อมถือเป็นสิ่งที่มีค่าสำคัญมาก รายการชิงแชมป์เอเชีย ปี 2013 รอบรองเราเล่นได้ไม่ค่อยดี
แพ้ทีมชาติไทยไป 2 แต้มในเซ็ตที่ 5 รอบชิงที่ 3 ก็แพ้เกาหลีไปอีก 2-3 เซ็ต
นับจากปี 2013 มา ผลงานที่แย่ที่สุด ก็คือ ได้ที่ 4 ชิงแชมป์เอเชีย ตอนนั้นก็มีบางคนพูดว่า โค้ชหลางมาเป็นโค้ชทำผลงาน
ได้ยอดเยี่ยมมาก สร้างสถิติได้แย่สุดในเอเชีย ฉันบอก ไม่เป็นไร บอลนี่ก็เป็นพวกเราที่เล่น ก็เป็นการบ่งบอกให้เราได้รู้ว่า
ยังมีอีกหลายอย่างมากที่เรายังไม่ดี และถ้าเราวาดหวังว่าจะไปยืนอยู่แถวหน้าของโลก เราก็ต้องกลับมาเป็นเบอร์ 1 ของเอเชียก่อน
ถึงจะก้าวไปต่อกรกับทีมหัวแถวระดับโลก ถนนสายนี้แน่นอนว่ายากลำบากสุดๆ
ฉะนั้น ปี 2014 เราได้เริ่มต้นจัดทำแผนการขึ้นใหม่ เรียกว่า แนวคิดทีมชาติ ปกติที่ผ่านมาในการแข่งขันแต่ละรายการ
เราจะเรียกนักกีฬามารายงานตัวจำนวน 12 คน จำได้ว่าสมัยที่ฉันเป็นนักกีฬาฝึกซ้อมหรือยุคปี 90 กว่าๆ สมัยแรกที่คุมทีมชาติ
ก็จะมีอยู่ประมาณ 16 คน แต่มาคราวนี้เราเรียกนักกีฬาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมทีมชาติรวมทั้งหมด 28 คน
ดังนั้น ในแต่ละวันก็จะมีนักกีฬาลงฝึกซ้อม 20 คนขึ้นไป นี่คือ ทีมชาติ แนวทางก็คือ ฝึกปรือผู้เล่นหน้าใหม่ ร่วมกันพัฒนาศักยภาพผู้เล่น
มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยเฉพาะในสมัยที่ตัวเองคุมทีมชาติอยู่ จะไม่ใช่คิดแค่หนึ่งโอลิมปิก ต้องสร้างผู้เล่นหน้าใหม่
ต้องมีคนรุ่นหลังสืบต่อ เช่น มีผู้เล่นอายุน้อยบางคนที่เข้าทีมชาติตอนอายุ 18 เด็กคนนี้ก็จะสามารถเล่นโอลิมปิกได้ 2-3 ครั้ง
นี่คือแผนการในการทำทีมชาติ การสร้างโค้ชก็เช่นเดียวกัน จะคัดสรรโค้ชที่อายุน้อยมีความสามารถ
ภารกิจของฉันก็คือ สร้างนักกีฬาและโค้ชไปพร้อมๆกัน เป้าหมาย เมื่อเรียกรวมเป็นทีมชาติขึ้นมาแล้ว ก็จะให้ทั้งนักกีฬาและทีมโค้ช
ตั้งเป้าหมายขึ้นมา จากนั้นทุกคนต้องมานะทุ่มเทเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่เราได้ตั้งเอาไว้
ปี 2013 ได้ที่ 4 ชิงแชมป์เอเชีย ปี 2014 เป้าหมายคือ เราต้องอยู่ใน 6 อันดับแรกของโลก
ปี 2015 เป้าหมายคือ คว้าแชมป์เอเชีย และคว้าตั๋วไปโอลิมปิกในรายการเวิลด์คัพ
ปี 2016 เป้าหมายคือ ทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนได้เหรียญโอลิมปิก !!
บัตรนักศึกษามหาวิทยาลัยเป่ยชื้อต้าของหลางผิง เมื่อปี 1986
*** ยังมีต่อ
เนื้อหายาวมากกก ..... เพราะหลางผิงพูดเป็นชั่วโมง ยาวมากที่สุดเท่าที่เคยแปลมา
แปลผิดพลาดคลาดเคลื่อนตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วย
หลางผิงบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ของทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนในโอลิมปิกที่บราซิล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ มหาวิทยาลัยเป่ยจิงชื้อฟ่านต้าเสวีย (เป่ยชื้อต้า ) Beijing Normal University ซึ่งหลางผิงเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้
.
.
.
ของทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของทีม ไม่ใช่อย่างที่หลายคนพูดว่าเป็นเพราะโค้ช เป็นโค้ชเทพ โค้ชเทวดา
ไม่ใช่เป็นแบบนั้น ฉันเพียงแต่ทำหน้าที่ในสิ่งที่ฉันควรต้องทำ
เข้าเรียนมหาวิทยาลัยนั้นไม่เหมือนกับทุกท่านที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันตอนอายุ 18-19 เพราะช่วงวัยระหว่างนั้นฉันเล่นวอลเลย์
เป็นนักกีฬาทีมชาติ ฉันเข้ามาเรียนที่เป่ยชื้อต้าก็อายุ 26 ปีเข้าไปแล้ว เรียนช้าไปหน่อย ดังนั้น ครูก็จะมาช่วยสอนพิเศษเพิ่มเติมให้
ต่อมาก็อย่างที่ทุกคนเรียกขาน “หลางอินเตอร์ ” ได้มีโอกาสไปเป็นโค้ชในหลายประเทศ และในฐานะที่เป็นโค้ช
ถ้าเราไม่มีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศในการสื่อสาร ไม่ได้ !! ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณเป่ยชื้อต้าเป็นอย่างมาก
ที่ประสาทวิชาความรู้ให้ตน โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศ ทำให้ตัวเองสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆได้
จริงๆแล้วนอกจากภาษาอังกฤษที่ใช้ได้ดีแล้ว เธอยังบอกว่าภาษาอิตาลีของเธอก็ไม่เลวเลยทีเดียว ทำให้ตัวเองมีโอกาส
ได้ไปเป็นโค้ชที่อิตาลีนาน 6 ปี
แต่ภาพการแข่งขันในสนาม แต่เบื้องหลังที่อยู่นอกสนามนั้นนักวอลเลย์สาวทั้งหลายนั้นลำบากเหน็ดเหนื่อยกันมากทีเดียว
พวกเธอต้องฝึกซ้อมและศึกษาเรียนรู้กันอย่างหนัก
ทุกวันพาฝึกซ้อม เรียนรู้ พวกเรานักกีฬาไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์ ฝึกซ้อมตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์ได้พักครึ่งวัน
และก็มีนักกีฬาบางคนที่ยังจะต้องฝึกซ้อมเพิ่มอีกครึ่งวัน ตอนค่ำก็จะมีเข้าคลาสศึกษาในห้องเรียนอีก เป็นการศึกษาเฉพาะด้าน
และก็ยังมีเรื่องการบาดเจ็บของนักกีฬา ตอนค่ำก็จะมีจัดเวลาในการบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บนักกีฬา
เช่น วันตรุษจีน วันชาติจีน แต่พวกเรานักกีฬาไม่มี ตรุษจีนปีนี้เดือนมกราคม เราให้นักกีฬาหยุด 3 วัน อันนี้นับรวมถึงวันเดินทางด้วย
นักกีฬาเรามาจากทั่วทุกสารทิศ ให้พวกเธอได้กลับไปเยี่ยมบ้านไปกินข้าวร่วมกันกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ที่เรียกกันว่า
เหนียนเย่ฟ่าน ได้ไปเจอหน้าพ่อแม่
ทำการฝึกซ้อม 2 เดือน ก็ราวๆ 8 สัปดาห์ ไม่ออกไปไหนเลย ดำเนินชีวิตอยู่กันแค่ 3 แห่ง คือ หอพัก โรงอาหาร และสนามฝึกซ้อม
ฉะนั้น ชีวิตในแคมป์ฝึกซ้อมจึงค่อนข้างเรียบง่ายเงียบเหงา ทุกคนปฏิบัติอย่างนี้ทุกวัน ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 3-4 เดือน
เป็นอย่างนี้ทุกวัน ทุกท่านลองนึกภาพดูว่านักกีฬาของเราต้องลำบากกันมากขนาดไหน เหน็ดเหนื่อยจนลูกตาแทบไม่กลอกไป-มา
ถ้าคุณลองเข้าไปพูดคุยกับพวกเธอ ก็จะเห็นว่าดวงตาเหม่อลอยมึนงง คือเหนื่อยจนมีสภาพเป็นอย่างนั้น
พอนักกีฬาเล่นจบจากลีกภายในประเทศ ก็มาเป็นตัวแทนรับใช้ทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติ ฉะนั้น ในนามทีมชาติ
เรื่องเวลาในการฝึกซ้อมถือเป็นสิ่งที่มีค่าสำคัญมาก รายการชิงแชมป์เอเชีย ปี 2013 รอบรองเราเล่นได้ไม่ค่อยดี
แพ้ทีมชาติไทยไป 2 แต้มในเซ็ตที่ 5 รอบชิงที่ 3 ก็แพ้เกาหลีไปอีก 2-3 เซ็ต
ได้ยอดเยี่ยมมาก สร้างสถิติได้แย่สุดในเอเชีย ฉันบอก ไม่เป็นไร บอลนี่ก็เป็นพวกเราที่เล่น ก็เป็นการบ่งบอกให้เราได้รู้ว่า
ยังมีอีกหลายอย่างมากที่เรายังไม่ดี และถ้าเราวาดหวังว่าจะไปยืนอยู่แถวหน้าของโลก เราก็ต้องกลับมาเป็นเบอร์ 1 ของเอเชียก่อน
ถึงจะก้าวไปต่อกรกับทีมหัวแถวระดับโลก ถนนสายนี้แน่นอนว่ายากลำบากสุดๆ
เราจะเรียกนักกีฬามารายงานตัวจำนวน 12 คน จำได้ว่าสมัยที่ฉันเป็นนักกีฬาฝึกซ้อมหรือยุคปี 90 กว่าๆ สมัยแรกที่คุมทีมชาติ
ก็จะมีอยู่ประมาณ 16 คน แต่มาคราวนี้เราเรียกนักกีฬาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมทีมชาติรวมทั้งหมด 28 คน
ดังนั้น ในแต่ละวันก็จะมีนักกีฬาลงฝึกซ้อม 20 คนขึ้นไป นี่คือ ทีมชาติ แนวทางก็คือ ฝึกปรือผู้เล่นหน้าใหม่ ร่วมกันพัฒนาศักยภาพผู้เล่น
มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยเฉพาะในสมัยที่ตัวเองคุมทีมชาติอยู่ จะไม่ใช่คิดแค่หนึ่งโอลิมปิก ต้องสร้างผู้เล่นหน้าใหม่
ต้องมีคนรุ่นหลังสืบต่อ เช่น มีผู้เล่นอายุน้อยบางคนที่เข้าทีมชาติตอนอายุ 18 เด็กคนนี้ก็จะสามารถเล่นโอลิมปิกได้ 2-3 ครั้ง
นี่คือแผนการในการทำทีมชาติ การสร้างโค้ชก็เช่นเดียวกัน จะคัดสรรโค้ชที่อายุน้อยมีความสามารถ
ภารกิจของฉันก็คือ สร้างนักกีฬาและโค้ชไปพร้อมๆกัน เป้าหมาย เมื่อเรียกรวมเป็นทีมชาติขึ้นมาแล้ว ก็จะให้ทั้งนักกีฬาและทีมโค้ช
ตั้งเป้าหมายขึ้นมา จากนั้นทุกคนต้องมานะทุ่มเทเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่เราได้ตั้งเอาไว้
ปี 2015 เป้าหมายคือ คว้าแชมป์เอเชีย และคว้าตั๋วไปโอลิมปิกในรายการเวิลด์คัพ
ปี 2016 เป้าหมายคือ ทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนได้เหรียญโอลิมปิก !!
*** ยังมีต่อ
เนื้อหายาวมากกก ..... เพราะหลางผิงพูดเป็นชั่วโมง ยาวมากที่สุดเท่าที่เคยแปลมา
แปลผิดพลาดคลาดเคลื่อนตรงไหนก็ต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วย