ผมขอตอบแบบคร่าวๆนะครับ คือผมก็กำลังเขียนถึงเรื่องนี้อยู่พอดีแบบยาวๆ..

นางเอกไม่ได้พลังอะไรเลยครับ เธอแค่เรียนรู้ภาษาของเอเลี่ยนมากขึ้น ระบบการคิดของเธอจึงใกล้เคียงกับเอเลี่ยนขึ้น ซึ่งหนังให้เงื่อนไขว่าเอเลี่ยนสามารถมีระบบการคิดจนสามารถเห็นอนาคตได้ พอนางเอกเริ่มมีระบบการคิดแบบเอเลี่ยนก็เลยทำได้ครับ.. (ที่จริงแล้วไม่ใช่การเห็นอนาคตนะ เป็นการนึกถึงความทรงจำ แต่เป็นการนึกถึงความทรงจำจากอนาคต.. "อันนี้คือไอเดียของหนังครับ" ผมมีคำอธิบายแต่ค่อนข้างยาว ซึ่งแค่นี้ก็น่าจะเข้าใจระดับนึง)

แล้วก็ภาพต่างๆที่เราเห็นก่อนเจอเอเลี่ยน เป็นเทคนิค "การกำกับ" ของหนังที่พยายามเล่นกับคนดูครับว่า.. "คนเราสามารถเห็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นได้" เช่น ภาพยนตร์ไงครับทำให้เราเห็นตอนไหนก่อนก็ได้.. เป็นสิ่งที่หนังพยายามบอกเราว่าเขาจะไม่นำเสนอเรียงตามลำดับเวลานะ เขาจะเรียงยังไงก็ได้ "เหมือนกับเวลาเรานึกถึงอะไรบางอย่าง เรานึกข้ามเวลาไปตอนไหนก็ได้" จะนึกไปช่วงที่เศร้าแล้วนึกไปช่วงที่สุขก็ได้ หรือจะนึกต่อกันจนเป็นเรื่องราวก็ยังได้.. ทั้งที่คนละเวลากัน... แต่พื้นฐานความเข้าใจของเราคือนึกถึงได้แค่อดีต... หนังเลยชูไอเดียว่า "ถ้ามนุษย์นึกถึงอนาคตได้" จะเป็นยังไง.. ก็เป็นอย่างที่เราเห็นในหนังนั่นแหละครับ... ภาพความทรงจำจากอนาคตสามารถปรากฏได้ในปัจจุบัน.. (ภาพตอนหลังของหนังสามารถปรากฏได้ในตอนเริ่ม) "ย้ำอีกทีว่าเป็นไอเดียของหนัง.. อย่าเอามาผสมกับความเป็นจริงของเรานะครับ"

แล้วก็ "อาวุธ" ที่เอเลี่ยนว่าน่ะคือ "ความคิดความทรงจำ" ครับ สิ่งนี้อยู่เหนือกาลเวลาและสถานที่ เราสามารถนึกไปถึงเวลาไหนหรือสถานที่ใดก็ได้ ไม่เป็นเส้นตรง.. ไม่ขึ้นกับเวลา.. ลำดับยังไงก็ได้ "แต่ข้อจำกัดเดิมของเราคือนึกได้จากปัจจุบันไปอดีต" การ "เสนออาวุธ" ที่เอเลี่ยนพูดถึงก็คือ "ขยายข้อจำกัดนี้" โดยมนุษย์จะต้องมีระบบการคิดแบบเอเลี่ยน นางเอกเรียนรู้ภาษาเอเลี่ยนจึงเริ่มคิดแบบเอเลี่ยน นางเอกจึง "ก้าวข้ามฐานความคิดเดิมที่ว่าเราสามารถนึกถึงเฉพาะปัจจุบันไปอดีต.. เป็นสามารถนึกถึงอนาคตได้ด้วย" ครับ