ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1484218875

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บริหารงานกรรมการผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ทรูวิชั่นส์ปรับเปลี่ยนรายการใหม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นมา โดยยุติการให้บริการ 6 ช่องรายการในกลุ่ม HBO และนำช่องรายการใหม่มาทดแทนจำนวน 7 ช่อง ได้แก่ Food Network, Paramount, Warner TV, Celestial Classic Chinese Movies, Fox Action Movies HD, Sony Channel และ True Film HD 2 จนถึงขณะนี้ คือวันที่ 12 มกราคม มีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ใช้บริการแพ็คเกจโกลด์ และแพลทินัม ราว 300,000 ราย โทรศัพท์สอบถามผ่านคอลเซ็นเตอร์ และทรูช้อป ประมาณ 5,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นการสอบถามถึงผังรายการใหม่ที่เข้าทดแทนรายการเดิมที่ยกเลิก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เข้ามาแสดงความไม่พอใจ

นายพีรธน กล่าวว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาช่อง HBO HD คือช่องที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนของทรูวิชั่นส์มาโดยตลอด อีกทั้งช่องดังกล่าวยังมีเรตติ้งผู้ชมอยู่ในอันดับต้นๆ มาโดยตลอด "ทางทรูวิชั่นส์เองถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเอาช่อง HBO HD ออก แต่ปัญหา คืออีก 5 ช่องที่เหลือในกลุ่มช่อง HBO กลับมีเรตติ้งน้อยมาก ประกอบกับทรูวิชั่นส์เองมีช่องสัญญาณบนดาวเทียมเพื่อให้บริการแก่สมาชิกในจำนวนที่จำกัด จึงจำต้องเลือกช่องรายการที่ดีที่สุดมานำเสนอลูกค้า ซึ่งกระแสของโลกในเวลานี้ คือ สตูดิโอสร้างภาพยนตร์ดังๆ ในต่างประเทศมาทำช่องของตนเอง และกลายเป็นช่องทางนำเสนอภาพยนตร์ของตนเองมาลงบนจอโทรทัศน์ได้เร็วและมากที่สุด เช่น สตูดิโอ Paramount, Warner และ โซนี่ ทรูวิชั่นส์จึงต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อกระแสโลกตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยการปรับช่องที่มีเรตติ้งน้อยออก ส่งผลให้การเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์กับ HBO ที่ทรูวิชั่นส์ต้องการซื้อแค่ HBO HD ช่องเดียว แต่ HBO ยืนกรานจะขายพ่วงช่องอื่นๆ ในเครือเท่านั้น ทำให้การเจรจาไม่บรรลุผล ซึ่งทรูวิชั่นส์ยังไม่ปิดโอกาสในการนำ HBO HD มาออกอากาศ แต่มีข้อแม้คือต้องขายลิขสิทธิ์แค่ HBO HD ช่องเดียว

"ในส่วนของผู้บริโภคถ้าไม่พอใจสามารถยกเลิกบริการได้ทุกเมื่อ ซึ่งจนถึงขณะนี้มีลูกค้าขอยกเลิกบริการไปเพียง 500 ราย คิดเป็น 0.166% และหลังปรับเปลี่ยนช่องรายการ ช่องรายการใหม่ ได้แก่ Fox Action Movies HD และ Warner TV มีเรตติ้งผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่า สมาชิกส่วนใหญ่ยินดีรับฟังคำชี้แจง มีความเข้าใจ พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้ทรูวิชั่นส์ได้นำเสนอช่องบริการที่มีคุณภาพต่อไป ดังจะเห็นได้จากเรตติ้งรายการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง"

นายพีรธน กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยงานกำกับดูแลที่ยังคงมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทางทรูวิชั่นส์เห็นว่าหากหน่วยงานกำกับดูแลยอมดูข้อมูลด้วยข้อเท็จจริง ทั้งจากการปรับเปลี่ยนตามกระแสของโลก กระแสของผู้บริโภค เรตติ้งที่ดีขึ้น และยอดคนยกเลิกบริการที่ไม่มากอย่างที่คิด เชื่อว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้าใจหลักการในครั้งนี้ ทั้งนี้ในส่วนของมาตรการเยียวลูกค้าจากการยกเลิกบริการอย่างกะทันหัน ทรูวิชั่นส์ได้ให้บริการ 7 ช่องใหม่ทันที รวมถึงมีการอัพแพ็คเกจบริการให้ลูกค้าสูงขึ้น 1 ระดับ ดูฟรีเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนสมาชิกรายปีที่ต้องการยกเลิกบริการ ก็ยินดีคืนเงินตามสัดส่วนเวลาที่เหลืออยู่เช่นกัน