ตัวเป็นนักเรียนทุนฯ แต่ใจอยากเป็นแพทย์ แล้วชีวิตจะไปต่อยังไงดี ?

สวัสดีค่ะ ขอรบกวนถามความคิดเห็นหน่อยนะคะว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี ตอนนี้สับสนมากๆค่ะ T^T
.
.
.
ต้องขอเล่าก่อนนะคะ อาจจะมีหลายปัจจัยหน่อยนะ 55555555
คือ จขกท.เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลทุนนึงค่ะ ซึ่งเข้ารับทุนตอนป.ตรี ซึ่งเราตอนม.ปลายตั้งใจไว้ว่าอยากเรียนคณะแพทย์มากกกกกก เพราะอยากช่วยเหลือคนอื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ฐานะค่อนข้างยากจน และอยากลงไปทำงานที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยไปเป็นแพทย์ที่นั่น หรือเปิดฟรีคลีนิคให้คนที่มีฐานะค่อนข้างยากจนรักษาในเขตที่ไกลตัวเมือง ตอนนั้นเราพยายามมากๆเลยนะคะ แต่คงยังไม่พอค่ะ เพราะเราสอบไม่ติด ตอนนั้นเสียใจมาก เพราะตกลงกับพ่อไว้ว่าถ้าไม่ติดแพทย์ต้องรับทุนรัฐบาลที่เราได้ ซึ่งทุนนี้เป็นทุนที่ให้เรียนในคณะวิทยาศาสตร์ โดยส่งให้เรียนถึงระดับปริญญาเอกค่ะ เราเลือกเรียนสาขาชีววิทยา เพราะเป็นสิ่งที่เราคิดว่าเราน่าจะมีความสุขที่สุดแล้ว เราก็ปลอบใจตัวเองค่ะว่าเรามีความสุขกับสิ่งที่เรียนอยู่ เพราะผลการเรียนที่ได้ในแต่ละเทอมค่อนข้างดี เราคิดจะซิ่วแพทย์อยู่เหมือนกันนะคะ แต่ติดที่ต้องชดใช้ทุนและอาจจะทำให้พ่อผิดหวัง เพราะพ่อเราดีใจมากที่เรารับทุนนี้ (พ่อกับแม่เราไม่อยากให้เราเป็นแพทย์ค่ะ แต่อยากให้เราจบปริญญาเอก) เราก็เลยเรียนทั้งๆที่ในใจอยากจะเป็นแพทย์อยู่เสมอ เพื่อนสนิทของเราก็ซิ่วแพทย์ได้ค่ะ เราดีใจกับเค้ามากๆ แต่พอมามองดูตัวเองแล้วเกิดคำถามตลอดเวลาเลยว่าทำไมเราถึงทำตามความฝันตัวเองไม่ได้ ทุกวันนี้เราทำอะไรอยู่? เราถามตัวเองแบบนี้ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาเลย แล้วก็ถึงช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต
.
ช่วงนั้นเป็นช่วงตอนปี 3 ค่ะ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไร้ค่ามากๆ ทำอะไรก็ไม่ดี มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความว่างเปล่า เราอยากจะหายไปที่ไหนก็ได้ที่ไกลๆ และไม่มีใครหาเราเจอ   เราร้องไห้ทุกวัน รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เราเลยบอกพ่อไปตรงๆว่าเราไม่อยากอยู่ต่อแล้ว เราไม่มีความสุขกับชีวิตที่มีอยู่  พ่อเราเลยตัดสินใจพาเราไปพบจิตแพทย์ค่ะ แพทย์ลงความเห็นว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เรารักษาอยู่นานพอสมควรค่ะ (ขอนอกเรื่องแปปนะคะ : จริงๆแล้วก่อนหน้านี้เราเคยมีแฟนค่ะ แล้วเราก็เคยมีอะไรกับแฟนคนแรกครั้งนึง แต่สุดท้ายเราก็เลิกกันค่ะ จนเราเปิดใจให้กับแฟนคนที่ 2 เค้าก็ดูจะรับเราได้ทุกๆเรื่องนะคะรวมถึงเรื่องที่เราเคยมีอะไรกับแฟนเก่าแล้วด้วย เราคิดว่าเค้าคือคนที่เข้าใจเราทุกอย่าง แต่สุดท้ายเราก็เลิกกันค่ะ มันทำให้เรารู้สึกไม่เหลือใครมากๆ เพราะเรารักเค้ามาก ) ด้วยหลายๆเรื่องที่เข้ามาพร้อมๆกันในช่วงนั้น ทั้งผลการเรียนแย่ลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยติด 1 ใน 5 อยู่บ่อยๆ กลายเป็นคนที่ได้มิน ยิ่งทำให้ไม่มีความมั่นใจด้านการเรียนอีกเลย ประกอบกับความฝันที่อยากจะเป็นแพทย์มาตั้งแต่แรกแต่ไปตามฝันไม่ได้ ทำให้เรารู้สึกเศร้ามาก เราเลยตัดสินใจฆ่าตัวตาย เราพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ   นี่เราจะต้องอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้อยากเรียนแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน ถึงแม้คนอื่นๆจะบอกว่าทางที่เราเดินอยู่นี้ การเป็นนักเรียนทุนก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร แถมได้เรียนถึงปริญญาเอกด้วย ไปเรียนต่อต่างประเทศก็ยังได้ เลือกเรียนสายงานที่วิจัยทางการแพทย์ก็ช่วยเหลือคนได้ จะเศร้าไปทำไม? นี่ก็ใกล้เคียงความฝันแล้วมั้ย?
.
จริงค่ะ มันช่วยเหลือคนได้ และใกล้เคียงความฝัน แต่มันก็ไม่ใช่ความฝันที่เราตั้งใจไว้   ตอนนี้เราเข้ามาทำโปรเจคจบที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งค่ะ  สิ่งที่เราเจอทุกๆวันคือแพทย์ และคนไข้ที่โรงพยาบาล สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เราอยากเป็นแพทย์มากขึ้นไปอีก อยากรักษาคนไข้มากขึ้นไปอีก เราโดนกรอกหูอยู่เสมอๆค่ะว่าเป็นแพทย์นั้นเหนื่อยมากๆ สู้ไปนั่งวิจัยสบายๆในห้องแอร์ดีกว่ามั้ย มีวันหยุดพักด้วยนะ   ขอบอกเลยค่ะว่า ไม่  เราอยากรักษาคนไข้มากกว่า เราไม่กลัวว่าเราจะลำบากแค่ไหนนะคะ เราคิดว่าเราทนได้ถ้าเราทำในสิ่งที่เรารัก แต่จะมีใครรู้มั้ยคะว่าสิ่งที่เรากำลังเจออยู่ตอนนี้คือเรียนอะไรที่มันลงลึกถึงระดับโมเลค เรียนอะไรที่เราไม่อยากเรียน ต้องทำแลป ต้องคิดค้นนู่นนี่ ซึ่งเราไม่ชอบเลย ไม่ชอบมากๆ จนมีความคิดว่า เห้ยยยยยยยยย เราเกิดมาก็น่าจะทำตามความฝันให้สุดป่าววะ จะทนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ทนหลอกตัวเองไปอีกนานแค่ไหนวะ วันนึงเราก็ต้องกลับว่าคิดแน่ๆว่าทำไมวันนั้นไม่ทำตามความฝันในวันที่ยังมีโอกาส       เราเลยตัดสินใจจะซิ่วเข้าแพทย์ตอนเราเรียนจบปริญญาตรี
.
ถ้าเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้ก็คงจะไม่สนุกค่ะ เพราะปัญหาที่เราเจอคือ ถ้าเราจะสอบแพทย์ เราต้องออกจากทุน ซึ่งถ้าเราออกจากทุนก็ต้องชดใช้ทุนค่ะซึ่งก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆเลย ประกอบกับฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แถมยังมีน้องๆในวัยที่กำลังเรียนอีกด้วย พ่อเราบอกว่าถ้าเราออกจากทุนเพื่อไปสอบแพทย์อาจจะทำให้น้องไม่ได้เรียนต่อ เรานี่ถึงกับชาไปทั้งตัวเลยค่ะ 555555555  ประกอบกับที่ที่เราจะเรียนต่อปริญญาโทก็เป็นที่ที่ค่อนข้างดีทางด้านการแพทย์และการวิจัยทางการแพทย์ ซึ่งพ่อกับแม่เราคงคิดว่าเราคงโอเคกับสิ่งที่จะเรียนต่อ (ที่ที่จะเรียนต่อนี่คือได้คุยกับอาจารย์ที่นั่นตั้งแต่ในช่วงฝึกงานแล้วนะคะ แล้วอาจารย์เค้าก็ดูมีทีท่าว่าจะให้เราเข้ามาเรียนต่อที่นั่น) เราก็เลยค่อนข้างอยู่ในสภาวะที่ถอนตัวยาก แต่คิดว่าถ้าจะออกมาจริงๆก็คงออกมาได้แม้จะมีบาดหมางเล็กน้อย T^T แต่ก็นั่นแหละค่ะ  พ่อแม่เราอยากให้เราเป็นนักเรียนทุนต่อ แต่เราอยากจะเรียนแพทย์มากๆ ใจเราไปทางแพทย์หมดแล้ว แต่ติดที่ไม่อยากสร้างภาระให้กับครอบครัวเพิ่ม  และเราไม่อยากจะร้องไห้บ่อยๆ เสียใจกับความฝันที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะลองทำ  เราควรทำอย่างไงดีคะ
.
ควรจะซิ่วตั้งแต่ตอนเรียนจบ ป.ตรี
ควรจะเรียนต่อ ป.โท แล้วลองสอบแพทย์ ถ้าสอบได้ค่อยลาออก (ส่วนตัวคิดว่าวิธีนี้ไม่เวิร์คค่ะเพราะอยากจะมุ่งไปทางเดียว แต่ที่บ้านเสนอแบบนี้มาค่ะ)
ควรเรียนให้จบ ป.เอกแล้วค่อยสอบแพทย์
หรือ ควรทำใจ T^T
.
เราอยากหลุดพ้นจากชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มากค่ะ  เราอยากจบป.ตรีแล้วเตรียมตัวเข้าแพทย์ใหม่ไปเลย เราคิดว่าเราทำได้ แต่ที่บ้านไม่เห็นด้วยค่ะ เค้าบอกว่าถ้าเราออกจากทุน ก็ต้องชดใช้ทุนเป็นเงินมากมาย แล้วถ้าออกจากทุนแล้วยังสอบไม่ติดแพทย์อีกหละ เราคงกลายเป็นคนเสียสติไปแน่ๆ เพราะตอนนี้เราเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ค่ะ ที่บ้านเลยกลัวว่าเราจะควบคุมสติตัวเองไม่ได้และหมดอนาคตไปเลย  แต่เราคิดว่าเราน่าจะทำใจได้และสอบใหม่ไปเรื่อยๆค่ะ เพราะใจเราไปแล้วคิดว่าต้องไปให้สุดค่ะ  แต่ก็นะคะ เราก็ไม่อยากสร้างภาระให้ครอบครัวเพิ่มค่ะ  เราควรจะเลือกทางไหนดีคะ ช่วงนี้ก็ใกล้ที่จะสอบเข้าป.โทแล้วด้วย  ไม่อยากเรียนต่อป.โทเลยค่ะ เพราะถ้าต่อแล้วคิดว่าต้องต่ออีกยาวแน่เลยค่ะ ทางบ้านคงไม่ยอมให้ลาออกมาเรียนแพทย์แน่ๆ ฮรื้ออออ T_____T
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่