"สะพายเป้สักใบ กับกล้องคู่ใจสักตัว ออกไปเที่ยว" คือความฝันที่อยากจะทำ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังสอบเสร็จเดือนธันวา วางแผนจะไปเที่ยวช่วงหลังปีใหม่...ตกลงชวนเพื่อน ได้คำตอบยอดฮิตคือ ไม่ว่างและไม่มีเงิน > <! เอาวะคนเดียวก็เที่ยวได้น่าาาา.... แล้วจะไปที่ไหนหล่ะ? #กาญจนบุรี คือ จังหวัดที่ผุดขึ้นมาในหัว
เมื่อได้จังหวัดแล้ว ต่อไปคือหาที่เที่ยวยอดนิยมในกาญจนบุรี จากการหาข้อมูลประกอบกับรีวิวต่างๆ ผลสรุปคือ จะไป พักที่ #บ้านกกกอด และ #สังขละบุรี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทริปนี้ เริ่มเดินทางวันที่ 4 มกราคม ช่วงเย็น กะให้ถึงกรุงเทพตอนเช้า แล้วต่อรถไฟฟรีสายธนบุรี-น้ำตก
วันที่ 5 มกรา นอนบ้านกกกอด 1 คืน
วันที่ 6 มกรา นอนสังขละบุรี 1 คืน
และกลับวันที่ 7 มกรา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเดินทาง เริ่มต้นที่จังหวัดอุดรธานี ด้วยรถไฟฟรี ขบวน 134 หนองคาย - กรุงเทพ จอดที่สถานีรถไฟอุดรธานีประมาณ 19:15 นาที
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
19.15 นาที โดยประมาณ รถไฟมาถึงสถานีอุดร ทุกคนรีบขึ้นรถไฟ เราได้ที่นั่งหมายเลข 22 คันที่ 7 (จองตั๋วรถไฟแนะนำไปจองตอนเช้าเพราะจะได้ที่นั่ง) พอขึ้นรถไฟเสร็จ เดินหาที่นั่งซิครับ คนนี่เยอะมากกกกกก...มีทั้งนั่งพื้น นั่งเบียดกัน โอ้วโหววสุดจริงๆ พอได้ที่นั่ง จัดแจงสัมภาระพร้อมอุปกรณ์สำคัญคือหน้ากากอนามัย จากนั้นนั่งยาววววว ยาวไป ยาวไป ยาวไปอีกประมาณ 11 ชั่วโมง ตอนแรกคิดไว้ว่า 11 ชั่วโมงเอง นอนบนรถไฟแปปเดียวก็ถึง แต่!!! ความเป็นจริงคือ พยายามข่มตานอนแล้ว แต่นั่งนานๆ รู้สึกปวดตูด
ข่มตาให้นอนยังไงมันก็ไม่หลับ ประสบการณ์นั่งรถไฟครั้งแรกนี่มันสุดจริงๆ
ระว่างจอดแต่ละสถานี จะมีพ่อค้า/แม่ค้า ขึ้นมาขายของหลากหลาย ทั้งข้าว มาม่า ขนม น้ำ ผ้าเย็น กาแฟ โอวันติน บลาๆๆ
ความสามารถพิเศษของพ่อค้า/แม่ค้า คือ การแทรกตัวผ่านผู้คนที่ทั้งนั่งและนอนตรงทางเดินตั้งแต่หัวขบวนจนถึงท้ายขบวนได้ และไม่ใช่แค่เดินรอบเดียว ที่เห็นก็ประมานคนละไม่ต่ำกว่ารอบ 3รอบ น่านับถือจริงๆ
เช้าวันที่ 5 มกรา : รถไฟถึงกรุงเทพ 7 โมงกว่าๆ หันซ้าย-ขวา ไปทางไหนต่อวะ?? พึ่งเคยมาหัวลำโพงครั้งแรก สรุปเดินตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ แล้วใช้สายตามองหาวินมอไซต์ เพื่อจะไปสถานีธนบุรี ต่อรถไฟไปกาญ
เดินออกมาจากหัวลำโพง เห็นพี่วินจอดรถรออยู่หน้าสถานี ก้าวขาขึ้นนั่งคร่อมเบาะ ไปสถานีรถไฟธนบุรีครับพี่!!!!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พี่วิน : ไปรถไฟรอบกี่โมงน้อง?
ม : รอบ 7:50 ครับ
เท่านั้นแหละ พี่แกบิดเอา บิดเอา ซิ่งไปจนถึงสถานีรถไฟธนบุรี ใช้เวลาประมาน 15 นาที
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟธนบุรี เดินไปยื่นบัตรประชาชนที่ช่องออกตั๋ว บอกไปรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก จากนั้นจะได้ตั๋วรถไฟมาจงเก็บรักษามันไว้ให้ดี เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วบนรถไฟ
รถไฟมาถึง ทุกคนต่างรีบแย่งกันขึ้นหาที่นั่ง เพราะว่าตั๋วรอบนี้ไม่มีหมายเลขนั่งบอก ใครจะนั่งรถไฟสุดสายคือไปลงสถานีน้ำตก จากการดูรีวิว ควรนั่งด้านซ้ายเพราะหลังจากผ่านสถานีรถไฟกาญ วิวจะสวย แต่! จะต้องทนกับแสงแดดที่ร้อน ส่วนใครจะลงสถานีรถไฟกาญจนบุรี ควร! นั่งฝั่งขวา ไม่ต้องสู้กับแดด ส่วนวิวระหว่างทางก็ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย
รถไฟมาถึงสถานีกาญจนบุรี เวลา 10 โมงครึ่งโดยประมาณ จากนั้นเดินมาหน้าสถานี ถามพี่วินหน้าสถานีว่าไป บขส.กี่บาท พี่แกบอก 25 บาท จังหวะเดียวกันมีรถสายผ่านมา พี่วินแกก็ใจดีบอกว่าไปรถสายคันนี้ก็ได้ ผ่าน บขส. เหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครไม่รู้ว่านั่งสายไหน แนะนำถามคนแถวๆนั้นนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หรือใครพอมีเวลาว่างหน่อยก็เดินข้ามถนน แล้วไปเที่ยวสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ได้ อยู่เยื้องๆ สถานีรถไฟ
มาถึง บขส.กาญ มองหารถบัสคันสีน้ำเงินสายกาญจนบุรี – น้ำตกเอราวัณ
จากการสอบถามพี่ขายบัตร รถสายกาญจนบุรี – น้ำตกเอราวัณ จะออกทุก 1 ชั่วโมง ก่อนซื้อบัตรถามพี่แกว่ารถจะออกกี่โมง ถ้าอีกนานจะไปกินข้าวรอ พี่แกบอกไปกินข้าวก่อนน้อง อีกนานนนนนน..
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
มองหาร้านข้าว รอบ บขส. มาเจอร้านข้าวราดแกง จานนี้ 30 บาท ราคา+รสชาติ ก็ถือว่าใช้ได้
กินข้าวอิ่มรีบวิ่งไปซื้อตั๋วขึ้นรถ บอกพี่ขายตั๋วว่าลงที่แยกโป่งปัด จะจ่ายแค่ 40 บาท จากตัวเมืองกาญถึงแยกโป่งปัด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
30 นาที ผ่านไป รถบัสจอดให้ลงที่แยกโป่งปัด มีคนลงด้วย 3 คน หูเราก็ดีแอบได้ยินเขาคุยโทรศัพท์บอกให้พี่ที่บ้านกกกอดออกมารับ เลยถามว่าจะไปที่ไหนกันครับ ได้คำตอบคือบ้านกกกอดที่เดียวกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับคนที่พักบ้านกกกอด เมื่อถึงแยกโป่งปัด ให้โทรบอกพี่ที่บ้านพักออกมารับได้นะครับ รถที่นำมารับจะเป็นรถกระบะ ระยะทางเข้าไปบ้านกกกอดถือว่าไกลพอสมควร
เมื่อพี่ที่บ้านพักมารับ ก็กระโดดขึ้นนั่งหลังรถ รับลมชิวๆ
นั่งรถมาสักพัก ป้ายแรกที่เจอ เป็นป้ายทางเข้าบ้านกกกอด จากป้ายขี่รถเข้ามาประมาณ 200 เมตร ก็จะเป็นรีสอร์ท
เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำไม้ไผ่มาทำเป็น รั้ว , สะพาน รวมไปถึงที่พักก็จะมีไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบ
บ้านกกกอด ให้ Check In 13:30 น. แต่เนื่องด้วยเรามาก่อนเวลาพี่เจ้าของรีสอร์ทเลยให้เดินดูบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทรอ
ที่พักที่นี่มีหลายแบบ หลายราคาให้เลือกแล้วแต่ความชอบและเงินในกระเป๋า ของตัวท่านเอง มีทั้งแบบที่เป็น กระโจมเต๊นท์ บ้านวิวเขื่อน และอื่นๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายละเอียดดูได้เพิ่มเติมที่
http://www.baankokkod.com/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[CR] คนเดียวเที่ยวกาญ : 2 คืน 3 วัน : บ้านกกกอด & สังขละบุรี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังสอบเสร็จเดือนธันวา วางแผนจะไปเที่ยวช่วงหลังปีใหม่...ตกลงชวนเพื่อน ได้คำตอบยอดฮิตคือ ไม่ว่างและไม่มีเงิน > <! เอาวะคนเดียวก็เที่ยวได้น่าาาา.... แล้วจะไปที่ไหนหล่ะ? #กาญจนบุรี คือ จังหวัดที่ผุดขึ้นมาในหัว
เมื่อได้จังหวัดแล้ว ต่อไปคือหาที่เที่ยวยอดนิยมในกาญจนบุรี จากการหาข้อมูลประกอบกับรีวิวต่างๆ ผลสรุปคือ จะไป พักที่ #บ้านกกกอด และ #สังขละบุรี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทริปนี้ เริ่มเดินทางวันที่ 4 มกราคม ช่วงเย็น กะให้ถึงกรุงเทพตอนเช้า แล้วต่อรถไฟฟรีสายธนบุรี-น้ำตก
วันที่ 5 มกรา นอนบ้านกกกอด 1 คืน
วันที่ 6 มกรา นอนสังขละบุรี 1 คืน
และกลับวันที่ 7 มกรา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเดินทาง เริ่มต้นที่จังหวัดอุดรธานี ด้วยรถไฟฟรี ขบวน 134 หนองคาย - กรุงเทพ จอดที่สถานีรถไฟอุดรธานีประมาณ 19:15 นาที
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
19.15 นาที โดยประมาณ รถไฟมาถึงสถานีอุดร ทุกคนรีบขึ้นรถไฟ เราได้ที่นั่งหมายเลข 22 คันที่ 7 (จองตั๋วรถไฟแนะนำไปจองตอนเช้าเพราะจะได้ที่นั่ง) พอขึ้นรถไฟเสร็จ เดินหาที่นั่งซิครับ คนนี่เยอะมากกกกกก...มีทั้งนั่งพื้น นั่งเบียดกัน โอ้วโหววสุดจริงๆ พอได้ที่นั่ง จัดแจงสัมภาระพร้อมอุปกรณ์สำคัญคือหน้ากากอนามัย จากนั้นนั่งยาววววว ยาวไป ยาวไป ยาวไปอีกประมาณ 11 ชั่วโมง ตอนแรกคิดไว้ว่า 11 ชั่วโมงเอง นอนบนรถไฟแปปเดียวก็ถึง แต่!!! ความเป็นจริงคือ พยายามข่มตานอนแล้ว แต่นั่งนานๆ รู้สึกปวดตูด ข่มตาให้นอนยังไงมันก็ไม่หลับ ประสบการณ์นั่งรถไฟครั้งแรกนี่มันสุดจริงๆ
ระว่างจอดแต่ละสถานี จะมีพ่อค้า/แม่ค้า ขึ้นมาขายของหลากหลาย ทั้งข้าว มาม่า ขนม น้ำ ผ้าเย็น กาแฟ โอวันติน บลาๆๆ
ความสามารถพิเศษของพ่อค้า/แม่ค้า คือ การแทรกตัวผ่านผู้คนที่ทั้งนั่งและนอนตรงทางเดินตั้งแต่หัวขบวนจนถึงท้ายขบวนได้ และไม่ใช่แค่เดินรอบเดียว ที่เห็นก็ประมานคนละไม่ต่ำกว่ารอบ 3รอบ น่านับถือจริงๆ
เช้าวันที่ 5 มกรา : รถไฟถึงกรุงเทพ 7 โมงกว่าๆ หันซ้าย-ขวา ไปทางไหนต่อวะ?? พึ่งเคยมาหัวลำโพงครั้งแรก สรุปเดินตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ แล้วใช้สายตามองหาวินมอไซต์ เพื่อจะไปสถานีธนบุรี ต่อรถไฟไปกาญ
เดินออกมาจากหัวลำโพง เห็นพี่วินจอดรถรออยู่หน้าสถานี ก้าวขาขึ้นนั่งคร่อมเบาะ ไปสถานีรถไฟธนบุรีครับพี่!!!!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พี่วิน : ไปรถไฟรอบกี่โมงน้อง?
ม : รอบ 7:50 ครับ
เท่านั้นแหละ พี่แกบิดเอา บิดเอา ซิ่งไปจนถึงสถานีรถไฟธนบุรี ใช้เวลาประมาน 15 นาที
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟธนบุรี เดินไปยื่นบัตรประชาชนที่ช่องออกตั๋ว บอกไปรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก จากนั้นจะได้ตั๋วรถไฟมาจงเก็บรักษามันไว้ให้ดี เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วบนรถไฟ
รถไฟมาถึง ทุกคนต่างรีบแย่งกันขึ้นหาที่นั่ง เพราะว่าตั๋วรอบนี้ไม่มีหมายเลขนั่งบอก ใครจะนั่งรถไฟสุดสายคือไปลงสถานีน้ำตก จากการดูรีวิว ควรนั่งด้านซ้ายเพราะหลังจากผ่านสถานีรถไฟกาญ วิวจะสวย แต่! จะต้องทนกับแสงแดดที่ร้อน ส่วนใครจะลงสถานีรถไฟกาญจนบุรี ควร! นั่งฝั่งขวา ไม่ต้องสู้กับแดด ส่วนวิวระหว่างทางก็ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย
รถไฟมาถึงสถานีกาญจนบุรี เวลา 10 โมงครึ่งโดยประมาณ จากนั้นเดินมาหน้าสถานี ถามพี่วินหน้าสถานีว่าไป บขส.กี่บาท พี่แกบอก 25 บาท จังหวะเดียวกันมีรถสายผ่านมา พี่วินแกก็ใจดีบอกว่าไปรถสายคันนี้ก็ได้ ผ่าน บขส. เหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครไม่รู้ว่านั่งสายไหน แนะนำถามคนแถวๆนั้นนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หรือใครพอมีเวลาว่างหน่อยก็เดินข้ามถนน แล้วไปเที่ยวสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ได้ อยู่เยื้องๆ สถานีรถไฟ
มาถึง บขส.กาญ มองหารถบัสคันสีน้ำเงินสายกาญจนบุรี – น้ำตกเอราวัณ
จากการสอบถามพี่ขายบัตร รถสายกาญจนบุรี – น้ำตกเอราวัณ จะออกทุก 1 ชั่วโมง ก่อนซื้อบัตรถามพี่แกว่ารถจะออกกี่โมง ถ้าอีกนานจะไปกินข้าวรอ พี่แกบอกไปกินข้าวก่อนน้อง อีกนานนนนนน..
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
มองหาร้านข้าว รอบ บขส. มาเจอร้านข้าวราดแกง จานนี้ 30 บาท ราคา+รสชาติ ก็ถือว่าใช้ได้
กินข้าวอิ่มรีบวิ่งไปซื้อตั๋วขึ้นรถ บอกพี่ขายตั๋วว่าลงที่แยกโป่งปัด จะจ่ายแค่ 40 บาท จากตัวเมืองกาญถึงแยกโป่งปัด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
30 นาที ผ่านไป รถบัสจอดให้ลงที่แยกโป่งปัด มีคนลงด้วย 3 คน หูเราก็ดีแอบได้ยินเขาคุยโทรศัพท์บอกให้พี่ที่บ้านกกกอดออกมารับ เลยถามว่าจะไปที่ไหนกันครับ ได้คำตอบคือบ้านกกกอดที่เดียวกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับคนที่พักบ้านกกกอด เมื่อถึงแยกโป่งปัด ให้โทรบอกพี่ที่บ้านพักออกมารับได้นะครับ รถที่นำมารับจะเป็นรถกระบะ ระยะทางเข้าไปบ้านกกกอดถือว่าไกลพอสมควร
เมื่อพี่ที่บ้านพักมารับ ก็กระโดดขึ้นนั่งหลังรถ รับลมชิวๆ
นั่งรถมาสักพัก ป้ายแรกที่เจอ เป็นป้ายทางเข้าบ้านกกกอด จากป้ายขี่รถเข้ามาประมาณ 200 เมตร ก็จะเป็นรีสอร์ท
เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำไม้ไผ่มาทำเป็น รั้ว , สะพาน รวมไปถึงที่พักก็จะมีไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบ
บ้านกกกอด ให้ Check In 13:30 น. แต่เนื่องด้วยเรามาก่อนเวลาพี่เจ้าของรีสอร์ทเลยให้เดินดูบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทรอ
ที่พักที่นี่มีหลายแบบ หลายราคาให้เลือกแล้วแต่ความชอบและเงินในกระเป๋า ของตัวท่านเอง มีทั้งแบบที่เป็น กระโจมเต๊นท์ บ้านวิวเขื่อน และอื่นๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายละเอียดดูได้เพิ่มเติมที่ http://www.baankokkod.com/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------