จขกท จะพยายามเล่ากระชับๆละกันนะคะ เผื่อเพื่อนๆขี้เกียจอ่านยาวๆ และส่วนตัวก็ขี้เกียจพิมพ์ แต่มีความอัดอั้น อยากอวด สถานที่แห่งนี้มว๊าก มาก
น้ำกัดยอละปา คืออะไร น้ำกัดยอละปาเป็นชื่อน้ำตกแห่งหนึ่งในป่าที่เรียกได้ว่าเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มากๆแห่งนึง เพิ่งทำการเปิดรีสอร์ทมาได้ 1-2 ปีเท่านั้น หลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย จขกท เองก็เพิ่งได้ยินมาสักพัก จากการแชร์กันของคนลาวในเฟสบุค เอ.. แล้ว จขกท รู้กะเขาได้ไงล่ะ ก็เพราะมีเพื่อนรักเป็นคนลาวจ้าาา เห็นเฟสบุคของรีสอร์ทที่เขาทำการแชร์กันมา ด้วยความที่สวย ธรรมชาติ มีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ เดินป่า ขี่สลิง โรยตัวจากหน้าผา ขี่รถ ATVและ ห้องพักที่รีสอร์ทนี้ ติดธารน้ำตก ดูชุ่มฉ่ำเย็นตาเย็นปอด นี่แค่เห็นจากคลิป จากรูปเอง ก็รู้เลยเป็นสวรรค์บนดินที่ไฝ่ฝัน ชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆๆ ต่อมอยากเที่ยวก็ทำงานยิกๆทันที พร้อมเร่าๆจะไปวันนี้พรุ่งนี้ แต่ติดตรงไม่มีเพื่อนไป ได้แต่เก็บเอาไปฝัน และก็เพ้อ อยากปายๆๆๆๆ เห้อ..
ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงลาว ดังๆ ที่เราคงรู้จักกันก็จะมี ปากเซ หลวงพระบาง วังเวียง ซึ่งที่วังเวียงเป็นที่รู้จักและคนไทยและต่างประเทศให้ความนิยมกันเป็นอย่างมาก ทำให้ตอนนี้ธรรมชาติ ถูกแต่งเติมไปด้วย รีสอร์ท ที่พัก ร้านอาหาร ผับ มากมาย ดูเป็นเมืองที่ล้อมด้วยธรรมชาติไปซะแร้ววว
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงปุบปับ เพื่อนคนลาวที่เวียงจันทร์ชวนไป น้ำกัดยอละปา ก็มาถึง (เดินทางช่วง 23 - 26 ธันวาคม 2559) จขกท เลยวางแผนที่จะนั่งเครื่องไปลงหลวงพระบางก่อน เพื่ออยู่เที่ยว 1 คืน และอีกวันค่อย นั่งรถตู้เดินทางไป น้ำกัดยอละปา (จากหลวงพระบางนั่งรถตู้ ค่ารถประมาณ 400 บาท ใช้เวลา 6 ชม โดยประมาณ คร่าวๆ200 กิโล แต่ด้วยทางที่ไม่ราบรื่น คดเคี้ยวพอๆกะทางไปแม่ฮ่องสอน คนขับค่อยๆไต่ไปอย่างช้าๆเป็นเต่า)
วันแรกเครื่องถึงสนามบินที่หลวงพระบางประมาณเที่ยงกว่าๆ เข้าตัวเมืองหลวงพระบางจากสนามบินก็นิดเดียว เพราะเมืองเล็กมาก อาจเล่าเรื่องหลวงพระบางแบบรวบรัดนิดนึง เพราะหารีวิวไปหลวงพระบางนี่ง่ายมาก มีหลายกระทู้แนะนำได้ดีและละเอียดเรียบร้อยแล้ว
ถึงแล้วก็ต้องเอากระเป๋าโยนทิ้งไว้ที่พักก่อนอันดับแรก จะได้เดินตัวปลิวสบายๆ ที่รีสอร์ทนี้ ชื่อ Villa Pullmalin ขอเอ่ยชื่อที่พักสักนิด เพราะจขกท ไปเด็ดกล้วยในกินฟรีและติดใจกาแฟที่บริการอยู่ในอาหารเช้าของที่นี่ เป็นกาแฟลาวที่อร่อยมากกกก ลากเสียงไปถึงดาวอังคาร และที่นี่อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง เดินถึงได้ทั้งเมือง
เพื่อนเค๊าเอง นางเป็นคนลาวโดยกำเนิด สวยใส ใจดี ต่างกับจขกท ลิบลับ เป็นเพื่อนกันได้ไงมะรู้ววว
ที่พักดีเลยค่ะ เตียงนุ่ม ลื่น สบาย ห้องน้ำสะดวก ครบครัน สะอาด อาหารเช้า กลางๆ ติดใจตรงกาแฟเทพนี่แหล่ะ อยากได้กลับไปชงเองที่บ้านมากๆ เสียดายไม่ได้ถามว่าซื้อที่ไหนอะไรยังไง
ตัดภาพมาที่บรรยากาศในหลวงพระบางบ้าง
ตัดมาที่เช้าเลย ก็ตื่นมาใส่บาตรข้าวเหนียว 06.30 น.
คือนอกเรื่องนิดนึง ตอนกำลังจกข้าวเหนียว บรรจงปั้นเพื่อจะได้ใส่บาตรนั้น ไอ้เราไม่เคยใส่บาตรแนวจกข้าวใส่ไง ก็มีอาการลนลาน จกได้ปั้นบ๊ะเริ่ม ก็ใส่ๆๆๆ ทีนี้ ปั้นใหญ่เกิน ใส่ไปได้ไม่ถึง 10 รูป ข้าวเหนียวหมดกระติ๊บจ้า เงยหน้าดูแถวพระและเณรที่เหลืออีกเป็นร้อย ชำเลืองมองเพื่อนที่นางบรรจงปั้นข้าวพอดีคำ จกใส่พอดีๆ สวยๆ ลงบาตรพระ ดูดี ดูเรียบร้อย สมกับเป็นแม่หญิงลาว และไม่มีการบอกเทคนิคให้แม่หญิงไทยคนนี้บ้างเล๊ย ว่าค่อยๆจกไม่งั้นข้าวไม่พอใส่องค์ท้ายๆ ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ไป ฉะนั้นวันหลังใครมีโอกาสได้ไปใส่บาตรข้าวเหนียว ค่อยๆจกนะจ๊ะ ปั้นพองาม พอดีคำก็พอ
อ่ะ มาต่อกันที่เวลา 08.00 การเดินทางโดยรถตู้เพื่อจะไปน้ำกัดยอละปากันละน้าา เรามาขึ้นรถตู้ที่ท่ารถนอกเมืองนิดนึง อย่างที่บอก เมืองเล็ก จากตัวเมืองหลวงพระบางมาคิวรถก็ 15 นาทีมั้ง
หน้าตารถตู้ที่เราจะฝากชีวิตไปด้วย ค่ารถ 454 โดยประมาณนะคะ มัน 100,000 กีบ อัตราและ 220 กีบต่อ 1 บาท
6 ชม ผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าน้ำกัดยอละปา ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ชั่วโมงนั้นลงจากรถได้ อึนสุดๆกับเส้นทางลดเลี้ยว ลงได้ก็โทรหาทางรีสอร์ท เอารถตู้ (รุ่นใหม่ ใหญ่ นั่งสบาย ตรงข้ามกะที่มา 6 ชม.ตะกี้ อย่างกะฟ้ากะเหว) มารับอีกทีนึง เป็นระยะทางจากตัวเมืองอุดมไชย 17 กิโลถึงรีสอร์ท ๆ อึดใจเดียว
และแล้ว 17 กิโลผ่านไป ไวแบบไม่โกหก เพราะใจจดจ่ออยาก ถึงซะที เมื่อย เหนื่อย ง่วงใจจิขาด ก็ถึงแร้วว ขออนุญาติแปะเฟสของรีสอร์ทนะคะ เพราะรูปที่จขกท ถ่ายมาได้ไม่ครบถ้วน ขาดหายไปมากมาก ใช้กล้องมือถือถ่ายมั่วซั่วเอา ดูจากในเฟสแนะนำได้สมบูรณ์มากกว่า ไปถึงก็ได้แต่เดินงงๆ อึนๆ ตื่นเต้นกะธารน้ำตกหลังรีสอร์ท บวกกับอากาศเย็นๆ ไม่เกิน 23 องศา
https://th-th.facebook.com/namkatyorlapa/
มาถึงห้องพักแบบสองเตียง ติดธารน้ำตก ดันปิดม่านไว้ตอนถ่าย
นั่งกินขนม พาดขาอ่านหนังสือ ฟังเสียงธารน้ำไหล อากาศ 23 เย็นๆ ฟินมาก ณ จุดๆนี้
สองสาวไทยลาว เมื่อเก็บเป๋าเสร็จนอนพักในห้อง(ไม่ได้เปิดแอร์เลย อากาศในห้องประมาณ 20 ต้นๆ ตีนไถไปกะผ้าปูลื่นๆ หมอนนิ่มๆกลิ่นสะอาดๆ ตามองออกไปนอกกระจก เห็นต้นไม้ ภูเขา ลำธาร โอ๊ยยย ฟิน ไม่อยากลุก สักพักก็เดินสำรวจรอบๆรีสอร์ท ว่ามีอะไรยังไง และก็ จบด้วยที่ตรงนี้
นอนนวดผ่อนคลายคนละ1 ชม. ฟังเสียงน้ำไหล ชิลล์ๆ ปนเสียงนกร้องบ้าง อากาศเย็นๆที่เข้าปอด หลับไปเลยจ้า
และแล้วก็ถึงมื้อเย็น ที่นี่มีจัดตีมงานในห้องอาหารต้อนรับคริสมาสต์ด้วย น่ารักดี ที่สำคัญ พี่ๆพ่อครัว เซฟเบิร์ด และผู้ดูแลรีสอร์ทแห่งนี้เป็นคนไทยนะฮ๊าฟ ดูแลเทคแคร์ดีเว่อร์ เอาอะไรขอให้ชี้นิ้ว อิอิ รสชาติอาหารไม่ต้องห่วง ไทยๆเรานี่แหล่ะ อร่อยถูกปาก จัดเต็ม แต่มีทีเด็ดที่มาแล้วต้องสั่งคือ ผัดผักกูด ยำผักกูด ทำไมต้องผักกูด เพราะเขาปลูกเองหลังรีสอร์ท แบบธรรมชาติ ออแกนิค สดๆ กรอบๆ หวานๆ ไม่เคยกินมาก่อน อร่อยมากๆ กลางคืนบรรยากาศดีจัง เริ่มหนาว อากาศน่าจะตำกว่า 20 องศา
เช้าๆนี่หมอกลง เพลิดเพลินกะอาหารเช้าตรงนี้แหล่ะ จริงๆรีสอร์ทกว้างมากมาย ถ่ายมาแค่นี้ ภาพเต็มๆไปดูในเฟสเขาเถอะ
กิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่รอคอย เวลา 9.30 น. สองสาวมิตรภาพไทยลาวก็พร้อมลุย
ปล. ทั้งป่าที่เล่นกิจกรรมนี้มีแค่ 2 สาว และไกด์หนุ่มรุ่นราวคราวลูกเองนะคะ
กิจกรรมที่จะไปเล่น ช่วงเช้า มีขี่สลิง 9 เส้น ภาคบ่าย โรยตัวจากหน้าผา จริงๆมันเป็นทางน้ำตกแหล่ะ แต่ช่วงมีน้ำตกจะประมาณเดือน 6 ถึง เดือน 11 ไกด์บอก จขกท มา เป็นชวงน้ำแห้งพอดี ถ้าปีนตอนที่มีน้ำตกน่าจะฟินกว่านี้
(ลืมรีวิวเบรคฟาดดตอนเช้า ตุนไว้เต็มกะเพาะเลยค่ะ อาหารเช้า ดี อร่อย ครบได้มาตรฐาน และก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เช่นเคย ตามประสามนุษย์ขี้เกียจ กินอย่างเดียว)
รถเขียวนี่จะพาเข้าป่าไปชมน้ำตก หรือกิจกรรมในป่า
ระดับนี้แล้ว จะนั่งรถไป มันก็ไม่เร้าใจ แว๊นเองสิคะ รอไร มันส์มาก บิดชมธรรมชาติ อากาศเย็นๆ เช้าๆหมอกลงด้วยย บิด แล้วก็บิด ๆๆๆ บิดผ่านลำธาร สายตาสอดส่องข้างทาง ดูต้นไม้เพลิน บิดดีๆ ระวังทับแย้ แฮ่..
ทางเข้าป่า เย็นและดิบชื้น
มีไกด์เดินแบกอุปกรณ์นำ และ เดินปิดท้ายอีกคน
ปล่อยสองชะนีคืนสู่ป่า อยู่เมืองมานานทำตัวไม่ถูก
เดินเข้าระยะทางชัวร์ๆจำมะได้ 2 หรือ สามโลเนี่ยแหล่ะ ไม่ค่อยเหนื่อย เพราะอากาศมันเย็น เป็นใจแก่การเดินมากๆ พอถึงจุดแรกจะเป็นจุดชมน้ำตก ยอละปา อย่างที่บอก ทั้งป่าตอนเดินเข้ามามี 2 ชะนีที่จะไปเล่นกิจกรรม นอกนั้น มี ฝรั่ง 4 คนพ่อแม่ลูกเล็กๆ มานั่งชมน้ำตกเฉยๆ
เงียบ สงบ ไร้คน นั่งสูดโอโซน ฟู่ดๆๆเข้าให้เต็มปอด หลับตา ฟังเสียงนก เสียงสะท้อนเบาๆของใบไม้ในป่า ปล่อยความวุ่นวายที่มีในหัวออกมาให้หมด พยายามจดจำความรู้สึกตรงนี้ไว้ มันเหมือนเวลาหยุด มันมีความสุขแบบบอกไม่ถูก
เล่นกิจกรรมขี่สลิงไม่มีรูปประกอบ เพราะใครถึงอีกฝั่งก่อนก็ใช้เป็นอัดคลิปเอา กลัวมือถือตก เล่นผ่านไป9เส้น ก็ได้เวลาพักกลางวัน เที่ยงกว่าๆแล้วค่ะ
ออกจากป่าแว๊น กลับเข้ามาในรีสอร์ท นั่งกินข้าวตรงโซน 2 เป็นโซนโรงอาหารสำหรับดูแลลูกค้ากิจกรรม และ ลานกางเต้นท์ อาหารหร่อย หรือหิวจัด ไม่รู้สิ่ รู้แต่ว่าเกลี้ยง เช่นเคย โซนนี้ก็มีพ่อครัวคนไทยคอยดูแล มีไอติมวอลล์ด้วยนะคร๊าป จัดไปสองแท่ง
ได้เวลาเดินเข้าป่าใช้ระยะทางประมาณ 3 โล และไต่ขึ้นเขาเพื่อจะโรยตัวลงมา
[CR] น้ำกัดยอละปา ที่สูดโอโซนและหลบหนีความวุ่นวายแห่งใหม่ ณ ประเทศลาว
น้ำกัดยอละปา คืออะไร น้ำกัดยอละปาเป็นชื่อน้ำตกแห่งหนึ่งในป่าที่เรียกได้ว่าเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มากๆแห่งนึง เพิ่งทำการเปิดรีสอร์ทมาได้ 1-2 ปีเท่านั้น หลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย จขกท เองก็เพิ่งได้ยินมาสักพัก จากการแชร์กันของคนลาวในเฟสบุค เอ.. แล้ว จขกท รู้กะเขาได้ไงล่ะ ก็เพราะมีเพื่อนรักเป็นคนลาวจ้าาา เห็นเฟสบุคของรีสอร์ทที่เขาทำการแชร์กันมา ด้วยความที่สวย ธรรมชาติ มีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ เดินป่า ขี่สลิง โรยตัวจากหน้าผา ขี่รถ ATVและ ห้องพักที่รีสอร์ทนี้ ติดธารน้ำตก ดูชุ่มฉ่ำเย็นตาเย็นปอด นี่แค่เห็นจากคลิป จากรูปเอง ก็รู้เลยเป็นสวรรค์บนดินที่ไฝ่ฝัน ชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆๆ ต่อมอยากเที่ยวก็ทำงานยิกๆทันที พร้อมเร่าๆจะไปวันนี้พรุ่งนี้ แต่ติดตรงไม่มีเพื่อนไป ได้แต่เก็บเอาไปฝัน และก็เพ้อ อยากปายๆๆๆๆ เห้อ..
ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงลาว ดังๆ ที่เราคงรู้จักกันก็จะมี ปากเซ หลวงพระบาง วังเวียง ซึ่งที่วังเวียงเป็นที่รู้จักและคนไทยและต่างประเทศให้ความนิยมกันเป็นอย่างมาก ทำให้ตอนนี้ธรรมชาติ ถูกแต่งเติมไปด้วย รีสอร์ท ที่พัก ร้านอาหาร ผับ มากมาย ดูเป็นเมืองที่ล้อมด้วยธรรมชาติไปซะแร้ววว
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงปุบปับ เพื่อนคนลาวที่เวียงจันทร์ชวนไป น้ำกัดยอละปา ก็มาถึง (เดินทางช่วง 23 - 26 ธันวาคม 2559) จขกท เลยวางแผนที่จะนั่งเครื่องไปลงหลวงพระบางก่อน เพื่ออยู่เที่ยว 1 คืน และอีกวันค่อย นั่งรถตู้เดินทางไป น้ำกัดยอละปา (จากหลวงพระบางนั่งรถตู้ ค่ารถประมาณ 400 บาท ใช้เวลา 6 ชม โดยประมาณ คร่าวๆ200 กิโล แต่ด้วยทางที่ไม่ราบรื่น คดเคี้ยวพอๆกะทางไปแม่ฮ่องสอน คนขับค่อยๆไต่ไปอย่างช้าๆเป็นเต่า)
วันแรกเครื่องถึงสนามบินที่หลวงพระบางประมาณเที่ยงกว่าๆ เข้าตัวเมืองหลวงพระบางจากสนามบินก็นิดเดียว เพราะเมืองเล็กมาก อาจเล่าเรื่องหลวงพระบางแบบรวบรัดนิดนึง เพราะหารีวิวไปหลวงพระบางนี่ง่ายมาก มีหลายกระทู้แนะนำได้ดีและละเอียดเรียบร้อยแล้ว
ถึงแล้วก็ต้องเอากระเป๋าโยนทิ้งไว้ที่พักก่อนอันดับแรก จะได้เดินตัวปลิวสบายๆ ที่รีสอร์ทนี้ ชื่อ Villa Pullmalin ขอเอ่ยชื่อที่พักสักนิด เพราะจขกท ไปเด็ดกล้วยในกินฟรีและติดใจกาแฟที่บริการอยู่ในอาหารเช้าของที่นี่ เป็นกาแฟลาวที่อร่อยมากกกก ลากเสียงไปถึงดาวอังคาร และที่นี่อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง เดินถึงได้ทั้งเมือง
เพื่อนเค๊าเอง นางเป็นคนลาวโดยกำเนิด สวยใส ใจดี ต่างกับจขกท ลิบลับ เป็นเพื่อนกันได้ไงมะรู้ววว
ที่พักดีเลยค่ะ เตียงนุ่ม ลื่น สบาย ห้องน้ำสะดวก ครบครัน สะอาด อาหารเช้า กลางๆ ติดใจตรงกาแฟเทพนี่แหล่ะ อยากได้กลับไปชงเองที่บ้านมากๆ เสียดายไม่ได้ถามว่าซื้อที่ไหนอะไรยังไง
ตัดภาพมาที่บรรยากาศในหลวงพระบางบ้าง
ตัดมาที่เช้าเลย ก็ตื่นมาใส่บาตรข้าวเหนียว 06.30 น.
คือนอกเรื่องนิดนึง ตอนกำลังจกข้าวเหนียว บรรจงปั้นเพื่อจะได้ใส่บาตรนั้น ไอ้เราไม่เคยใส่บาตรแนวจกข้าวใส่ไง ก็มีอาการลนลาน จกได้ปั้นบ๊ะเริ่ม ก็ใส่ๆๆๆ ทีนี้ ปั้นใหญ่เกิน ใส่ไปได้ไม่ถึง 10 รูป ข้าวเหนียวหมดกระติ๊บจ้า เงยหน้าดูแถวพระและเณรที่เหลืออีกเป็นร้อย ชำเลืองมองเพื่อนที่นางบรรจงปั้นข้าวพอดีคำ จกใส่พอดีๆ สวยๆ ลงบาตรพระ ดูดี ดูเรียบร้อย สมกับเป็นแม่หญิงลาว และไม่มีการบอกเทคนิคให้แม่หญิงไทยคนนี้บ้างเล๊ย ว่าค่อยๆจกไม่งั้นข้าวไม่พอใส่องค์ท้ายๆ ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ไป ฉะนั้นวันหลังใครมีโอกาสได้ไปใส่บาตรข้าวเหนียว ค่อยๆจกนะจ๊ะ ปั้นพองาม พอดีคำก็พอ
อ่ะ มาต่อกันที่เวลา 08.00 การเดินทางโดยรถตู้เพื่อจะไปน้ำกัดยอละปากันละน้าา เรามาขึ้นรถตู้ที่ท่ารถนอกเมืองนิดนึง อย่างที่บอก เมืองเล็ก จากตัวเมืองหลวงพระบางมาคิวรถก็ 15 นาทีมั้ง
หน้าตารถตู้ที่เราจะฝากชีวิตไปด้วย ค่ารถ 454 โดยประมาณนะคะ มัน 100,000 กีบ อัตราและ 220 กีบต่อ 1 บาท
6 ชม ผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าน้ำกัดยอละปา ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ชั่วโมงนั้นลงจากรถได้ อึนสุดๆกับเส้นทางลดเลี้ยว ลงได้ก็โทรหาทางรีสอร์ท เอารถตู้ (รุ่นใหม่ ใหญ่ นั่งสบาย ตรงข้ามกะที่มา 6 ชม.ตะกี้ อย่างกะฟ้ากะเหว) มารับอีกทีนึง เป็นระยะทางจากตัวเมืองอุดมไชย 17 กิโลถึงรีสอร์ท ๆ อึดใจเดียว
และแล้ว 17 กิโลผ่านไป ไวแบบไม่โกหก เพราะใจจดจ่ออยาก ถึงซะที เมื่อย เหนื่อย ง่วงใจจิขาด ก็ถึงแร้วว ขออนุญาติแปะเฟสของรีสอร์ทนะคะ เพราะรูปที่จขกท ถ่ายมาได้ไม่ครบถ้วน ขาดหายไปมากมาก ใช้กล้องมือถือถ่ายมั่วซั่วเอา ดูจากในเฟสแนะนำได้สมบูรณ์มากกว่า ไปถึงก็ได้แต่เดินงงๆ อึนๆ ตื่นเต้นกะธารน้ำตกหลังรีสอร์ท บวกกับอากาศเย็นๆ ไม่เกิน 23 องศา
https://th-th.facebook.com/namkatyorlapa/
มาถึงห้องพักแบบสองเตียง ติดธารน้ำตก ดันปิดม่านไว้ตอนถ่าย
นั่งกินขนม พาดขาอ่านหนังสือ ฟังเสียงธารน้ำไหล อากาศ 23 เย็นๆ ฟินมาก ณ จุดๆนี้
สองสาวไทยลาว เมื่อเก็บเป๋าเสร็จนอนพักในห้อง(ไม่ได้เปิดแอร์เลย อากาศในห้องประมาณ 20 ต้นๆ ตีนไถไปกะผ้าปูลื่นๆ หมอนนิ่มๆกลิ่นสะอาดๆ ตามองออกไปนอกกระจก เห็นต้นไม้ ภูเขา ลำธาร โอ๊ยยย ฟิน ไม่อยากลุก สักพักก็เดินสำรวจรอบๆรีสอร์ท ว่ามีอะไรยังไง และก็ จบด้วยที่ตรงนี้
นอนนวดผ่อนคลายคนละ1 ชม. ฟังเสียงน้ำไหล ชิลล์ๆ ปนเสียงนกร้องบ้าง อากาศเย็นๆที่เข้าปอด หลับไปเลยจ้า
และแล้วก็ถึงมื้อเย็น ที่นี่มีจัดตีมงานในห้องอาหารต้อนรับคริสมาสต์ด้วย น่ารักดี ที่สำคัญ พี่ๆพ่อครัว เซฟเบิร์ด และผู้ดูแลรีสอร์ทแห่งนี้เป็นคนไทยนะฮ๊าฟ ดูแลเทคแคร์ดีเว่อร์ เอาอะไรขอให้ชี้นิ้ว อิอิ รสชาติอาหารไม่ต้องห่วง ไทยๆเรานี่แหล่ะ อร่อยถูกปาก จัดเต็ม แต่มีทีเด็ดที่มาแล้วต้องสั่งคือ ผัดผักกูด ยำผักกูด ทำไมต้องผักกูด เพราะเขาปลูกเองหลังรีสอร์ท แบบธรรมชาติ ออแกนิค สดๆ กรอบๆ หวานๆ ไม่เคยกินมาก่อน อร่อยมากๆ กลางคืนบรรยากาศดีจัง เริ่มหนาว อากาศน่าจะตำกว่า 20 องศา
เช้าๆนี่หมอกลง เพลิดเพลินกะอาหารเช้าตรงนี้แหล่ะ จริงๆรีสอร์ทกว้างมากมาย ถ่ายมาแค่นี้ ภาพเต็มๆไปดูในเฟสเขาเถอะ
กิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่รอคอย เวลา 9.30 น. สองสาวมิตรภาพไทยลาวก็พร้อมลุย
ปล. ทั้งป่าที่เล่นกิจกรรมนี้มีแค่ 2 สาว และไกด์หนุ่มรุ่นราวคราวลูกเองนะคะ
กิจกรรมที่จะไปเล่น ช่วงเช้า มีขี่สลิง 9 เส้น ภาคบ่าย โรยตัวจากหน้าผา จริงๆมันเป็นทางน้ำตกแหล่ะ แต่ช่วงมีน้ำตกจะประมาณเดือน 6 ถึง เดือน 11 ไกด์บอก จขกท มา เป็นชวงน้ำแห้งพอดี ถ้าปีนตอนที่มีน้ำตกน่าจะฟินกว่านี้
(ลืมรีวิวเบรคฟาดดตอนเช้า ตุนไว้เต็มกะเพาะเลยค่ะ อาหารเช้า ดี อร่อย ครบได้มาตรฐาน และก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เช่นเคย ตามประสามนุษย์ขี้เกียจ กินอย่างเดียว)
รถเขียวนี่จะพาเข้าป่าไปชมน้ำตก หรือกิจกรรมในป่า
ระดับนี้แล้ว จะนั่งรถไป มันก็ไม่เร้าใจ แว๊นเองสิคะ รอไร มันส์มาก บิดชมธรรมชาติ อากาศเย็นๆ เช้าๆหมอกลงด้วยย บิด แล้วก็บิด ๆๆๆ บิดผ่านลำธาร สายตาสอดส่องข้างทาง ดูต้นไม้เพลิน บิดดีๆ ระวังทับแย้ แฮ่..
ทางเข้าป่า เย็นและดิบชื้น
มีไกด์เดินแบกอุปกรณ์นำ และ เดินปิดท้ายอีกคน
ปล่อยสองชะนีคืนสู่ป่า อยู่เมืองมานานทำตัวไม่ถูก
เดินเข้าระยะทางชัวร์ๆจำมะได้ 2 หรือ สามโลเนี่ยแหล่ะ ไม่ค่อยเหนื่อย เพราะอากาศมันเย็น เป็นใจแก่การเดินมากๆ พอถึงจุดแรกจะเป็นจุดชมน้ำตก ยอละปา อย่างที่บอก ทั้งป่าตอนเดินเข้ามามี 2 ชะนีที่จะไปเล่นกิจกรรม นอกนั้น มี ฝรั่ง 4 คนพ่อแม่ลูกเล็กๆ มานั่งชมน้ำตกเฉยๆ
เงียบ สงบ ไร้คน นั่งสูดโอโซน ฟู่ดๆๆเข้าให้เต็มปอด หลับตา ฟังเสียงนก เสียงสะท้อนเบาๆของใบไม้ในป่า ปล่อยความวุ่นวายที่มีในหัวออกมาให้หมด พยายามจดจำความรู้สึกตรงนี้ไว้ มันเหมือนเวลาหยุด มันมีความสุขแบบบอกไม่ถูก
เล่นกิจกรรมขี่สลิงไม่มีรูปประกอบ เพราะใครถึงอีกฝั่งก่อนก็ใช้เป็นอัดคลิปเอา กลัวมือถือตก เล่นผ่านไป9เส้น ก็ได้เวลาพักกลางวัน เที่ยงกว่าๆแล้วค่ะ
ออกจากป่าแว๊น กลับเข้ามาในรีสอร์ท นั่งกินข้าวตรงโซน 2 เป็นโซนโรงอาหารสำหรับดูแลลูกค้ากิจกรรม และ ลานกางเต้นท์ อาหารหร่อย หรือหิวจัด ไม่รู้สิ่ รู้แต่ว่าเกลี้ยง เช่นเคย โซนนี้ก็มีพ่อครัวคนไทยคอยดูแล มีไอติมวอลล์ด้วยนะคร๊าป จัดไปสองแท่ง
ได้เวลาเดินเข้าป่าใช้ระยะทางประมาณ 3 โล และไต่ขึ้นเขาเพื่อจะโรยตัวลงมา