ผมเป็นคนนึงที่เคยคิดว่า เออไม่ต้องทำหรอกประกันสุขภาพหรอก มันเปลืองเงิน ยังไม่ได้เป็นอะไรหนัก หรือ ป่วยอะไรมากสักหน่อย ทำไมต้องซื้อ เหมือนเสียเงินทิ้งไปฟรีๆ ให้กับประกันโดยที่เราไม่ได้อะไรเลย เลยคิดแค่ว่า เออ...ซื้อประกันชีวิตอย่างเดียวพอ เพราะมันลดหย่อนภาษีได้ ส่วนประกันสุขภาพ ใช้ของออฟฟิตเอาก็พอแล้ว

แต่ครับแต่... พอวันนึ่งที่ป่วยขึ้นมาจริงๆ ประกันของออฟฟิตดันเอาไม่อยู่ ต้องจ่ายส่วนต่างเองเยอะมาก
เปลี่ยนความคิดเลยตั้งแต่วันนั้นมา มันเหมือนไม่มีใครมาช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง คราวนี้เลยเริ่มศึกษาประกันสุขภาพแบบจริงจัง หาไปทั่วเลย เอาแบบครอบคลุมที่เหมาะกับความต้องการของเราจริงๆ ไม่วุ่นวายจ่ายเพิ่มโน้นนี้ ก็เลยมาเจอตัวนี้

ประกันสุขภาพปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า ของ อลิอันซ์

เอาจริงๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ ผมสะดุดกับคำว่า “ประกันแบบเหมาจ่าย” มันเหมาจ่ายยังไง งง?? แล้วไอ้ที่บอกว่า “ครอบคลุม ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม” มันใช่แน่ๆ เหรอ??

แต่ก่อนจะทำประกันสุขภาพ หลายคนน่าจะเคยคิดเหมือนผมตอนแรกว่า เฮ๊ย!! ทำไมต้องทำประกันชีวิตก่อนด้วย ก็จะทำประกันสุขภาพอย่างเดียว คืออย่างงี้ครับ เอาใหม่ ต้องเข้าใจใหม่แบบนี้ครับ

การทำประกันสุขภาพ ต้องเริ่มต้นจาก การทำ “ประกันชีวิต” ก่อนเป็น “ตัวหลัก” แล้วค่อยซื้อ “ประกันสุขภาพ” เป็นส่วน “เพิ่มเติม” นึกถึงการทานไอศครีมครับ

ประกันชีวิต = รสชาติไอศครีมที่เราเลือก
ประกันสุขภาพ = Topping ที่เราเลือกใส่ จะเยลลี่ คอนเฟล็ค อะไรก็ว่าไปตามที่ชอบ  

อันนี้คือขั้นตอนของการทำประกันสุขภาพนะครับ ทุกที่เหมือนกันหมด เมื่อเข้าใจตรงกัน มาดูว่า ประกันสุขภาพปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า ของ อลิอันซ์ ทำไมถึงทำให้ผมค่อนข้างสนใจมาก มีจุดเด่นอะไรบ้าง แล้วไอ้ที่ผมสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง เหมาจ่าย มันเป็นยังไง  

เริ่มต้นจากนี้เลยครับ
-    วงเงินค่ารักษาต่อปี
อันนี้เป็นสิ่งแรกที่ผมเริ่มดู เพราะถ้าเราจะทำประกันสุขภาพทั้งที แต่วงเงินที่ประกันจ่ายให้เราน้อยเกินไป ไม่ได้ช่วย  Cover ค่ารักษาพยาบาล อันนี้ก็ไม่ค่อยโอ เท่าไรครับสำหรับผม

สำหรับตัวนี้ วงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 2 ล้านบาท / ปี ไปจนถึง  10 ล้านบาท / ปี ขึ้นอยู่กับที่เราจะเลือก ของผมเลือก 2 ล้านบาทซึ่งคิดว่าน่าจะพอกับตัวเอง และต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันต่อปีประมาณ 14,000 บาท นิดๆ (จริงๆ อันนี้ขึ้นอยู่กับอายุตอนทำประกันด้วยนะครับ)

-    ค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุม
ปกติแล้วการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพจะแบ่งการครอบคลุมออกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ป่วยใน IPD อันนี้คิดง่ายๆ คือ Admid เข้ารพ. นอนรพ. กับ ค่าผู้ป่วยนอก OPD อันนี้คือไม่ต้องพักรักษาตัวใน รพ.

สำหรับตัวนี้เท่าที่ผมอ่านรายละเอียดมา ครอบคลุมในส่วนของ ผู้ป่วยใน (IPD) เป็นหลัก คือสำหรับตอนเราป่วยต้องนอน ร.พ. ซึ่งมันมีความพิเศษตรงที่ เราสามารถเบิกย้อนหลังได้ถ้าการป่วยครั้งนั้น ส่งผลให้เราต้องนอน ร.พ. แต่ต้องอยู่ในช่วง 30 วันนะครับ รวมไปถึงพวกผ่าตัดเล็ก Day Case ทั้งหลาย ผมขอเอาตารางมาให้ดูเพื่อความชัดเจนนะครับ เพราะคิดว่าบางคนจะงงแน่ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องการจ่ายเบี้ยประกัน และ แผนความคุ้มครอง รายละเอียดตามด้านล่างครับ



แล้วไอ้ที่ครอบคลุมเหมาไปเลย มันดีกว่า แยกประเภทจ่ายยังไง จำที่ผมยกตัวอย่างเรื่องไอศครีมได้ไหมครับ ว่ากันง่ายๆ ก็คือ ตัวปลดล็อคนี้ มันจะเหมาค่า Topping ทั้งหมดที่เราต้องจ่ายไว้แล้ว โดยที่ไม่ต้องมาจ่ายอะไรเพิ่มอีก อย่างของผมสามารถเบิกค่ารักษาตามจริง ไม่เกิน 2 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะพอ

ส่วนอันที่ไม่จ่ายตามจริงให้ มันก็มี หมายถึงถ้ามีเกินจากนี้ต้องจ่ายเอง ว่ากันแบบง่ายๆ คือซื้อความสะดวกสบายเพิ่มเติม ก็มีอยู่ ลองดูข้อ 2.2 - 2.5 ตามภาพด้านบนนะครับ ซึ่งผมว่าก็เมคเซ้นต์นะเพราะเหล่านี้ ถ้าแอดมิดเข้า ร.พ. ทั่วไปก็ครอบคลุมอยู่ ถ้าไม่ใช่ ร.พ. เอกชนบางที่
•    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้
•    ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลประจำวัน
•    อันนี้จะได้ค่ายากลับไปที่บ้าน

ส่วนอันที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้ออีกเหตุผลนึงก็คือ เรื่อง ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ พวก Day Case แบบผ่าตัดเล็ก ที่ไม่ต้องนอนแอดมิด และพวก ค่าล้างไต เคมีบำบัด ฉายแสง ซึ่งพวกนี้รักษาแต่ละที มีตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น ผมว่าเอาเรื่องอยู่นะครับ  ซึ่งปลดล็อคอันนี้ก็จ่ายให้ตามจริง

เอาจริงๆ นอกจากเรื่องครอบคลุม คุ้มครอง ความคุ้มค่าโน้นนี้ สิ่งที่ผมชอบที่สุดของตัวนี้คือ ชัดเจนครับ รายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไข การได้รับผลตอบแทน การรักษาพยาบาล ละเอียดและชัดดีครับ แจงให้เราดูละเอียดว่า จ่ายเท่านี้ ได้อะไร จ่ายเท่านี้ ครอบคลุมไปถึงเรื่องอะไรบ้าง ครอบคลุมเท่าไร คือ ผมไม่รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบว่าง่ายๆ เลยออกจะชอบมากกว่าตัวอื่นหน่อย

หากใครมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติม ก็แชร์กันได้นะครับ เผื่อผมจะซื้อตัวอื่นเพิ่ม จะได้มีข้อมูลไว้แบ่งปันกันครับ