คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เดือนเกี้ยวเดือน #1
ก่อนวันเปิดเรียนสองอาทิตย์...
ณ มหาวิทยาลัย X ผมเป็นนิสิตใหม่คณะวิทยาศาสตร์
ไอ้มิ่งเพื่อนผมที่ทุกท่านรู้จักกันไปเมื่อบทนำตะกี้มันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ มันสอบตรงติดในขณะที่ผมแอดมิชชั่นติด(ซึ่งกว่าจะติดเข้ามาได้นั้นเลือดตาแทบกระเด็นเพราะที่นี่การแข่งขันสูงมากจนผมอยากจะร้องไห้) และถ้าหากคุณจะถามถึงอีกคนที่ถูกกล่าวถึง เขาเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ครับ และตอนนี้ก็คงจะอยู่ปีสองแล้ว
เอาจริงๆนะผมตื่นเต้นชะมัดที่ได้เจอเขา ผมชอบเขามานานมากๆแล้ว (ต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าผมชอบผู้ชายคนนี้จริงๆ) เขาเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปีแต่ก็มีไม่บ่อยหรอกครับที่ผมจะเรียกเขาว่าพี่แม้ว่าเราจะไม่เคยคุยกันก็ตามที ก็เขาน่ะทำตัวไม่น่าจะเคารพเลยสักกะติ๊ด ตอนอยู่มัธยมก็เกกมะเหรกเกเรแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะสอบติดหมอน่ะ
ผมชอบเขาตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่มอสองและเขาอยู่มอสาม จนตอนนี้ผมขึ้นปีหนึ่งและเขาขึ้นปีสอง ผมแอบมองเขามานานมากไม่ว่าเขาจะยืนอยู่จุดๆไหนในโรงเรียน และตอนนี้ผมก็มาเรียนที่นี่เพื่อที่จะได้แอบมองเขาต่อไปไม่ว่าเขาจะยืนอยู่จุดๆไหนในมหาลัย จะว่าไปแล้วผมก็โคตรจะตื่นเต้น นี่ผมมือสั่นไปหมดแล้วนะ ทั้งๆที่ตอนนี้ผมแค่ขนของย้ายเข้ามาอยู่ในหอเอง ยังไม่ได้เจอเขาสักหน่อย
จำชื่อเล่นของเขาได้มั้ยครับ เขาชื่อว่าป่า ป่าที่มีต้นไม้เยอะๆน่ะครับ ส่วนชื่อจริงของเขาคือชื่อพนา ก้องธานินทร์
“พี่ครับ เดี๋ยวผมขนเองนะ ผมขนเอง” เพราะป๊าเป็นห่วงผมป๊าเลยส่งคนมาช่วยขนเยอะมาก และตอนนี้เหลือเพียงแค่กระเป๋าเป้ของผมกับกล่องโมเดลวันพีซ ผมอยากจะขนเองบ้างอะไรบ้าง นี่ผมออกมาจากบ้านเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่นะ
“คุณหนูต้องการอะไรบอกได้นะครับ โทรหาได้ตลอดเลยนะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“อย่าลืมโทรหาเจ้านายด้วยนะครับ”
“ครับ”
“ให้ผมเดินไปส่งในหอมั้ยครับ”
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
เจ้านายของพวกเขาดุน่ะครับก็เลยต้องเอาใจใส่ผมขนาดนี้ พ่อผมน่ะหวงลูกชายเข้าไส้เพราะมีผมแค่คนเดียว ผมกับพ่ออยู่ด้วยกันแค่สองคนมานานมากแล้วเพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่พ่อจะเป็นห่วงผมขนาดนี้
ผมยืนรอให้รถขนของของผมขับผ่านหน้าหอพักใหม่ของผมไป และทันทีที่ผมหันกลับมาประจันหน้ากับหอพักอีกครั้ง...
…ผมแทบจะทำกล่องโมเดลวันพีซของผมหล่นหลุดมือ(สิริรวมมูลค่าก็หลายหมื่นบาท) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พนา ก้องธานินทร์ ที่ผมเพิ่งจะพูดถึงกำลังเดินออกมาจากหออย่างโทรมๆ ด้วยร่างกายโทรมๆ และก็ขวดพลาสติกบรรจุน้ำเปล่าขนาดใหญ่โทรมๆ
ไอ้พี่ป่า...ตัวจริงเสียงจริง...พี่ป่าที่ผมลงทุนตามเขามาเรียนถึงนี่...คนนั้นนั่นแหละครับ ผมไม่ได้โกหกจริงๆนะ
เขาสูงขึ้นจากตอนมอหกมากกว่าคืบ ซ้ำยังดูมีมัดกล้ามหนาขึ้นกว่าเดิม ขาวขึ้นกว่าเดิม หล่อขึ้นกว่าเดิมแม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนเด็กหนุ่มอยู่หอทั่วไปก็ตาม ผมนี่แทบล้มเลย ตกใจจนไม่รู้จะตกใจยังไง
เขาอยู่หอเดียวกันกับผม...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เขาอยู่จริงๆ น้ำตาจะไหล...
“เฮ้อ คนเรามันเป็นคุณหนูถึงขนาดที่ว่าจะต้องมีคนงานมาขนของช่วยเป็นสิบๆเลยเหรอว้า” พี่ป่าพูดเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศแต่มันเข้าหูผมเต็มๆ เคยได้ยินกิตติศัพท์มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วว่าเขากวนตีนใช้ได้เหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งนะ...สำหรับผมน่ะ
ผมก้าวเท้าที่สั่นเทาเข้าไปใกล้ๆ ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมช็อคขนาดไหน ได้เจอคนที่อยากเจอแทบจะในทันทีที่คิดเสร็จ ผมคงต้องรีบทำบุญเพิ่มเพราะเหมือนผมจะใช้บุญหมดไปแล้ว
“ว่า…ผมเหรอ” ผมพูดได้แค่นั้นแม้ว่าอยากจะพูดคำที่ดีมากกว่านี้ก็ตาม
“ว่าแมวมั้ง” หน้าหล่อๆของพี่ป่าหันมา โห นี่ผมว่าผมสูงแล้วนะ เจอพี่ป่าเข้าไปผมถึงกับเงิบ ดูเตี้ยลงมาอีกยี่สิบเซ็นต์ คนอะไรจะสูงท่วมฟ้าท่วมมหาสมุทรขนาดนั้น “ดูจากภายนอกก็รู้ว่าคุณหนูผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ด้วยความหวังดีนะ ควรเลิกพึ่งที่บ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
เขาสอนคนอื่นเป็นด้วยแฮะ จำได้ว่าตอนมัธยมวันๆเอาแต่เล่นบาสและก็เล่นเกม
ผมยิ้มมุมปาก ในตอนที่พี่ป่ากดน้ำเข้าถังพลาสติกของเขา
“ยุ่งไรด้วย...”
พี่ป่าหันขวับจนผมเกือบทำกล่องโมเดลหล่น “ว่าไงนะ”
“ถามว่ายุ่งไรด้วย” ผมว่าเขากวนตีน งั้นผมก็คงเป็นคนกวนตีนเหมือนเขาใช้มั้ย
“เอ้าไอ้เตี้ย รุ่นพี่สอนทำไมไม่รับไว้ดีๆล่ะ คณะไหนเนี่ย กูจะตามไปเล่นถึงพี่” ไม่รู้ว่าจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า หน้าตาเขาจริงจังมากแต่สำหรับผมดูไม่น่ากลัวเลย ผมดีใจที่ได้เจอเขาน่ะ
…และก็ขอโทษด้วย ที่บอกว่าคิดถึงตรงๆไม่ได้...
ว่าแต่...พี่ป่าว่าผมเตี้ยเหรอ...
“เตี้ยตรงไหนวะ ตั้งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนต์”
“ก็เตี้ยกว่ากู”
“สูงกว่าแล้วไง คิดว่ากูต่อยแล้วไม่เจ็บงั้นเหรอ” ผมปากไว...จนเกินไป
“ว่าไงนะ” พี่ป่าวางถังพลาสติกแล้วหันมาหาผม ผมนี่ใจเต้นตึกๆแต่กลืนน้ำลายเถียงพี่เขาเข้าไว้... “ไหนลอง...ต่อยกูซิ"
ใครจะกล้าฟะ...หน้าเรียวๆที่ยื่นเข้ามาใกล้มีแต่จะทำให้ใจเต้นไม่ได้ทำให้อยากต่อยออกไปเลยสักนิด ผมมือสั่นตอนที่พี่ป่าจ้องมองมาที่ผมเขม็ง
ผมชอบพี่เขาแท้ๆ แต่ผมกลับเริ่มความสัมพันธ์ของเขากับผมได้ไม่ดีเลย...
…แต่ผมมีเหตุผลนะ
“ไม่ต่อยโว้ย หลบไป” ผมผลักเขาออกไปให้พ้นทางแล้วเดินเข้าไปในหอ
“อะไรของวะ” ผมได้ยินเสียงพี่ป่าบ่นตามหลังผมมา หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรแล้วเพราะผมวิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วร้องใส่หมอนที่วางอยู่บนเตียง
ผมได้คุยกับพนา ก้องธานินทร์แล้ว!!!!
ร้านคอฟฟี่ช็อปในมหาลัย
“กูไม่รู้ว่ะ ก็รู้นิสัยกูอ่ะเจอหน้าพี่ป่าทีไรก็ชอบแซะพี่เขาและก็พูดถึงพี่เขาในแง่ไม่ดีอยู่เรื่อย เช่น พี่ป่าวันนี้ผมไม่สระว่ะ แต่รู้มั้ยว่ากูชอบโคตรจะดูดี หรือไม่ก็บางวันที่พี่เขามาสายกูก็แอบด่าเขาว่าคนเชี่ยไรมาสายได้ตลอดแต่ในใจกูนี่กูชอบที่จะเห็นเขาวิ่งกระหืดกระหอบเข้าประตูโรงเรียนมานะเว้ย กูว่าตลกดี นี่กูแซะเขาในพื้นที่ของกูจนกูคิดว่ากูสนิทกับเขาทั้งๆที่ยังไม่เคยได้คุยด้วย เพราะงั้นตอนที่กูเจอ...กูก็เลย...”
“เละไม่มีชิ้นดี” มิ่งช่วยเสริมคำพูดให้ผมหลังจากที่รู้แล้วว่าผมไปเจอพี่ป่ามา ไอ้มิ่งดึงดูดสายตาสตรีเพศในร้านได้มากเอาการเลยครับเพราะหน้าหล่อๆของมันรวมทั้งความสูงชะลูด
“โอ้ย ไม่รู้…” ผมเอามือปิดหน้า เละไม่มีชิ้นดีอย่างที่ไอ้มิ่งพูดจริงๆ ผมว่าความหวังที่ผมจะทำให้พี่ป่าหันมามองบ้างจากศูนย์คงจะถึงคราวติดลบก็คราวนี้ มีอย่างที่ไหนที่ชอบเขาแต่ไปชวนเขามาด่ามาว่ามาต่อล้อต่อเถียง
ไอ้วาโย...อะไรของเมิงงงงงงงง...
“กูว่าดีนะ” ไอ้มิ่งดูดช็อคโกแลตเย็นจู๊ดๆ
ผมเอามือออกจากหน้า “ว่าไงนะ”
“ดีจะตายห่า ตอนนี้ไอ้พี่ป่าก็จำได้แล้ว และสามารถต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้พี่ป่าได้อีกตั้งหลายสตอรี่ เพราะอะไรรู้มั้ย...”
“อะไรวะ...”
“คนอย่างอ่ะ หวานไม่เป็นหรอกโย” มิ่งเอ่ย “จะให้ไปพูดแบบว่าพี่ป่าครับ ผมชอบพี่ พี่ป่าครับ ไปเดทกับผมหน่อย พี่ป่าครับ ฝันดีนะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆก็ไม่พูด หรือถ้าจะพูดก็คงใช้เวลาสามวันในการรวบรวมความกล้า กูพูดถูกมั้ย”
“กู…”
“การที่ไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา จะทำให้กับเขาพูดจากันไหลลื่นแม้ว่าเขาจะมองไม่ดีก็เถอะ แต่เชื่อกู...สักวันเขาจะมองดีเองเพราะตัวดี เข้าใจกูมั้ยเนี่ย”
“ตรรกะเชี่ยไรของเนี่ยไอ้มิ่ง”
“หึ แต่งงานกับพี่ป่าเมื่อไหร่ เอาของมาเซ่นกูด้วยนะ”
อะไรจะทำให้ไอ้หล่อนี่มั่นใจได้ขนาดนั้นฟะ ผมส่ายหน้าพยายามไล่สิ่งที่ไอ้มิ่งเพิ่งพูดกับผมออกไป ไม่รู้แหละ ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงผมก็ได้เจอพี่ป่าและก็ได้คุยกับพี่ป่าแล้ว นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ
คราวนี้ถ้าบังเอิญเจอกันอยู่ที่หอผมจะทักพี่เขาว่าไงดีล่ะเนี่ย
ไงไอ้สูง...เรียนหนักมั้ย
อะไรประมาณนี้เหรอ...ไม่เห็นจะเข้าท่าเลยแฮะ
ตอนเย็นผมมาประชุมอยู่ที่คณะซึ่งเป็นการนัดพบปะครั้งแรกหลังจากที่สอบสัมภาษณ์ผ่าน เพื่อนบางคนผมก็จำหน้าได้แต่บางคนผมก็จำหน้าไม่ได้ แต่บอกไว้เลยครับว่าเอกของผมเนี่ย...มีผู้ชายน้อยมาก
แถมมากกว่าครึ่งเป็นผู้ชายที่ท่าทางตุ้งติ้ง...
ผมนั่งอยู่ในแถบโซนของเอกชีววิทยาเอกที่ผมเรียน ในบรรดาวิชาวิทยาศาสตร์นี่เป็นวิชาที่ผมชอบมากที่สุดแล้วล่ะ คณะผมมีประมาณพันกว่าคนและวันนี้ก็นั่งกันกินโรงยิมไปแทบครึ่งค่อนโรงยิมเลยทีเดียว เป็นการประชุมด่วนที่ไม่ได้นัดหมายอะไรเป็นพิธีรีตอง เพราะฉะนั้นผมเห็นบางคนใส่กางเกงบอลมาเข้าประชุม
“สวัสดีค่ะน้องๆคณะวิทยาศาสตร์”
“สวัสดีค่ะ/ครับ”
“ที่พี่เรียกประชุมด่วนในวันนี้ก็ต้องขอโทษด้วย พี่มีธุระด่วนมากจริงๆ” ประธานสมาคมนิสิตคณะวิทย์ร่างท้วมท่าทางตุ้งติ้งเอ่ย “วันนี้เราต้องได้ตัวดาวเดือนคณะนะจ๊ะ”
ผมกับเหล่าปีหนึ่งทำหน้างง ดาวเดือนที่ว่ามันสำคัญอะไรขนาดนั้นเชียว
“เนื่องจากการผิดพลาดทางตาราง พวกพี่เองก็ปวดหัวมากมายกับเรื่องนี้ ที่จริงจะต้องมีการแข่งขันกันหลายรอบ แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ เรามาเลือกกันแบบนั่งจับเข่าคุยกันง่ายๆเลยจะดีกว่า”
จับเข่าคุยยังไงหว่ากับคนพันคน...
“ง่ายๆเลยค่ะ ทุกเอกส่งตัวแทนออกมาชายหนึ่งหญิงหนึ่งให้มายืนกันอยู่ตรงนี้ พี่ใจดีจ้ะพี่ให้เวลาน้องๆหนูๆเลือกกันเองภายในเวลาสิบนาทีนี้ เอกไหนไม่ยอมส่งตัวแทนลงมา พี่จะทำให้เอกนั้นงดขนมเบรกในกิจกรรมวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ”
สิ้นเสียงประธานพูด ทุกคนหันมามองหน้ากันแทบจะในทันที เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นไปทั่วบริเวณเพราะต่างคนต่างก็เสนอคนนั้นคนนี้ในเอกของตัวเอง
ผมนั่งเฉยๆ มองดูเพื่อนเขาออกความเห็นต่างๆกันออกไป โชคดีหน่อยที่เอกผมมีคนจำนวนร้อยนิดๆ คุยกันง่ายหน่อย(นี่ง่ายแล้วเหรอ)
“ดิฉันขอนำเสนอ...วาโย” นางฟ้านางหนึ่งยกมือของผมขึ้นมาทำให้ทุกคนในเอกหันมามองผมเป็นตาเดียว “แก๊งกระเทยมองมานานแล้วค่ะ แซ่บมาก ถ้าส่งเข้าไปชนะแน่ เพื่อนๆว่าไง”
เริ่มมีคนส่งเสียงเห็นด้วยในขณะที่ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่เหมาะๆ กูไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะเชี่ยไร แมนสุดหล่อสุดแล้วไอ้โย” นางฟ้าเปลี่ยนเป็นนางมารทันทีที่ผมไม่ยอมทำตามที่มันพูด “ขาวก็ขาว ขนตางี้จะชนหน้ากูอยู่ละ กูจะส่งไป ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอะไรทั้งนั้น”
“ไม่โว้ย กูไม่เป็น”
จากมือคู่หนึ่งที่จะดันตัวผมให้ยืนขึ้นคราวนี้เป็นมือหลายคู่ที่แทบจะจับผมส่งถวายพานให้ท่านประธาน ผมจะบ้าตาย ผมเนี่ยนะจะไปสู้อะไรเอกอื่นเขาได้...
และแล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้ผมกับเพื่อนชะงัก...
“อุ้ยตาย เรามีแขกรับเชิญค่ะเด็กๆ” ท่านประธานดูระริกระรี้ขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นกองทัพนักกีฬาบาสที่เดินเข้ามาในยิม ทั้งหมดดูตกใจที่เห็นจำนวนคนมากมายที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์ในยิมและกำลังจะออกไปข้างนอก “จะไปไหนล่ะ เข้ามาก่อน หมอพนา ฉันเห็นเธอนะ อย่าให้ฉันต้องไปบุกข่มขืนเธอที่หอ!”
หมอพนา...พนา พนา…นี่อย่าบอกนะว่าสูงๆขาวๆและก็ใส่เสื้อนักบาสสีแดงทั้งตัวนั่นคือ...พี่ป่า
“…หล่อ” นางฟ้าที่เคยเพ้อถึงผมบัดนี้ลืมผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่ป่าไง พี่ป่าอ่ะ”
“กรี๊ดดดหล่อมากกกก เคยเห็นแต่ในเพจคิ้วท์บอย ตัวจริงหล่อมากกกก”
“พี่ป่าาาาาาาาาา”
พี่ป่าอย่างงั้นพี่ป่าอย่างงี้ดังระงมไปหมด ผมนี่ยืนอึ้งมองดูพี่ป่าเดินมาหาเจ๊ประธานด้วยท่าทางติดจะรำคาญ “มีอะไร” ผมได้ยินเสียงพี่เขาพูดว่าอย่างนั้นแว่วๆ
“คนมองเยอะนะไอ้น้องป่า เดี๋ยวเถอะ”
“แล้วยังไง”
“เด็กๆคะ” เจ๊ประธานตีแขนพี่ป่าไปทีหนึ่งแล้วก็ลากตัวสูงๆของเขาให้มายืนอยู่ข้างๆ “นี่คือหมอพนาหรือหมอป่าปีสอง เดือนคณะแพทยศาสตร์ปีที่แล้ว ขอเสียงปรบมือด้วยค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“ชะนีเด็กกับทายาทกระเทยหยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้แค่ปรบมือไง”
ผมอ้าปากค้างมองดูภาพตรงหน้าด้วยความอึ้ง ไอ้พี่ป่าคนกากที่ผมชอบแซะในใจที่โรงเรียนเก่าปีที่แล้วเขาคือเดือนคณะแพทย์เหรอเนี่ย...
“และที่เด็ดไปกว่านั้นคือ...เขาเป็นเดือนมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ”
แทบล้มทั้งยืน...รู้สึกว่าชนชั้นวรรณะห่างไกลออกไปจากพี่ป่าอีกประ
ก่อนวันเปิดเรียนสองอาทิตย์...
ณ มหาวิทยาลัย X ผมเป็นนิสิตใหม่คณะวิทยาศาสตร์
ไอ้มิ่งเพื่อนผมที่ทุกท่านรู้จักกันไปเมื่อบทนำตะกี้มันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ มันสอบตรงติดในขณะที่ผมแอดมิชชั่นติด(ซึ่งกว่าจะติดเข้ามาได้นั้นเลือดตาแทบกระเด็นเพราะที่นี่การแข่งขันสูงมากจนผมอยากจะร้องไห้) และถ้าหากคุณจะถามถึงอีกคนที่ถูกกล่าวถึง เขาเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ครับ และตอนนี้ก็คงจะอยู่ปีสองแล้ว
เอาจริงๆนะผมตื่นเต้นชะมัดที่ได้เจอเขา ผมชอบเขามานานมากๆแล้ว (ต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าผมชอบผู้ชายคนนี้จริงๆ) เขาเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปีแต่ก็มีไม่บ่อยหรอกครับที่ผมจะเรียกเขาว่าพี่แม้ว่าเราจะไม่เคยคุยกันก็ตามที ก็เขาน่ะทำตัวไม่น่าจะเคารพเลยสักกะติ๊ด ตอนอยู่มัธยมก็เกกมะเหรกเกเรแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะสอบติดหมอน่ะ
ผมชอบเขาตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่มอสองและเขาอยู่มอสาม จนตอนนี้ผมขึ้นปีหนึ่งและเขาขึ้นปีสอง ผมแอบมองเขามานานมากไม่ว่าเขาจะยืนอยู่จุดๆไหนในโรงเรียน และตอนนี้ผมก็มาเรียนที่นี่เพื่อที่จะได้แอบมองเขาต่อไปไม่ว่าเขาจะยืนอยู่จุดๆไหนในมหาลัย จะว่าไปแล้วผมก็โคตรจะตื่นเต้น นี่ผมมือสั่นไปหมดแล้วนะ ทั้งๆที่ตอนนี้ผมแค่ขนของย้ายเข้ามาอยู่ในหอเอง ยังไม่ได้เจอเขาสักหน่อย
จำชื่อเล่นของเขาได้มั้ยครับ เขาชื่อว่าป่า ป่าที่มีต้นไม้เยอะๆน่ะครับ ส่วนชื่อจริงของเขาคือชื่อพนา ก้องธานินทร์
“พี่ครับ เดี๋ยวผมขนเองนะ ผมขนเอง” เพราะป๊าเป็นห่วงผมป๊าเลยส่งคนมาช่วยขนเยอะมาก และตอนนี้เหลือเพียงแค่กระเป๋าเป้ของผมกับกล่องโมเดลวันพีซ ผมอยากจะขนเองบ้างอะไรบ้าง นี่ผมออกมาจากบ้านเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่นะ
“คุณหนูต้องการอะไรบอกได้นะครับ โทรหาได้ตลอดเลยนะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“อย่าลืมโทรหาเจ้านายด้วยนะครับ”
“ครับ”
“ให้ผมเดินไปส่งในหอมั้ยครับ”
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
เจ้านายของพวกเขาดุน่ะครับก็เลยต้องเอาใจใส่ผมขนาดนี้ พ่อผมน่ะหวงลูกชายเข้าไส้เพราะมีผมแค่คนเดียว ผมกับพ่ออยู่ด้วยกันแค่สองคนมานานมากแล้วเพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่พ่อจะเป็นห่วงผมขนาดนี้
ผมยืนรอให้รถขนของของผมขับผ่านหน้าหอพักใหม่ของผมไป และทันทีที่ผมหันกลับมาประจันหน้ากับหอพักอีกครั้ง...
…ผมแทบจะทำกล่องโมเดลวันพีซของผมหล่นหลุดมือ(สิริรวมมูลค่าก็หลายหมื่นบาท) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พนา ก้องธานินทร์ ที่ผมเพิ่งจะพูดถึงกำลังเดินออกมาจากหออย่างโทรมๆ ด้วยร่างกายโทรมๆ และก็ขวดพลาสติกบรรจุน้ำเปล่าขนาดใหญ่โทรมๆ
ไอ้พี่ป่า...ตัวจริงเสียงจริง...พี่ป่าที่ผมลงทุนตามเขามาเรียนถึงนี่...คนนั้นนั่นแหละครับ ผมไม่ได้โกหกจริงๆนะ
เขาสูงขึ้นจากตอนมอหกมากกว่าคืบ ซ้ำยังดูมีมัดกล้ามหนาขึ้นกว่าเดิม ขาวขึ้นกว่าเดิม หล่อขึ้นกว่าเดิมแม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนเด็กหนุ่มอยู่หอทั่วไปก็ตาม ผมนี่แทบล้มเลย ตกใจจนไม่รู้จะตกใจยังไง
เขาอยู่หอเดียวกันกับผม...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เขาอยู่จริงๆ น้ำตาจะไหล...
“เฮ้อ คนเรามันเป็นคุณหนูถึงขนาดที่ว่าจะต้องมีคนงานมาขนของช่วยเป็นสิบๆเลยเหรอว้า” พี่ป่าพูดเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศแต่มันเข้าหูผมเต็มๆ เคยได้ยินกิตติศัพท์มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วว่าเขากวนตีนใช้ได้เหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งนะ...สำหรับผมน่ะ
ผมก้าวเท้าที่สั่นเทาเข้าไปใกล้ๆ ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมช็อคขนาดไหน ได้เจอคนที่อยากเจอแทบจะในทันทีที่คิดเสร็จ ผมคงต้องรีบทำบุญเพิ่มเพราะเหมือนผมจะใช้บุญหมดไปแล้ว
“ว่า…ผมเหรอ” ผมพูดได้แค่นั้นแม้ว่าอยากจะพูดคำที่ดีมากกว่านี้ก็ตาม
“ว่าแมวมั้ง” หน้าหล่อๆของพี่ป่าหันมา โห นี่ผมว่าผมสูงแล้วนะ เจอพี่ป่าเข้าไปผมถึงกับเงิบ ดูเตี้ยลงมาอีกยี่สิบเซ็นต์ คนอะไรจะสูงท่วมฟ้าท่วมมหาสมุทรขนาดนั้น “ดูจากภายนอกก็รู้ว่าคุณหนูผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน ด้วยความหวังดีนะ ควรเลิกพึ่งที่บ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
เขาสอนคนอื่นเป็นด้วยแฮะ จำได้ว่าตอนมัธยมวันๆเอาแต่เล่นบาสและก็เล่นเกม
ผมยิ้มมุมปาก ในตอนที่พี่ป่ากดน้ำเข้าถังพลาสติกของเขา
“ยุ่งไรด้วย...”
พี่ป่าหันขวับจนผมเกือบทำกล่องโมเดลหล่น “ว่าไงนะ”
“ถามว่ายุ่งไรด้วย” ผมว่าเขากวนตีน งั้นผมก็คงเป็นคนกวนตีนเหมือนเขาใช้มั้ย
“เอ้าไอ้เตี้ย รุ่นพี่สอนทำไมไม่รับไว้ดีๆล่ะ คณะไหนเนี่ย กูจะตามไปเล่นถึงพี่” ไม่รู้ว่าจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า หน้าตาเขาจริงจังมากแต่สำหรับผมดูไม่น่ากลัวเลย ผมดีใจที่ได้เจอเขาน่ะ
…และก็ขอโทษด้วย ที่บอกว่าคิดถึงตรงๆไม่ได้...
ว่าแต่...พี่ป่าว่าผมเตี้ยเหรอ...
“เตี้ยตรงไหนวะ ตั้งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนต์”
“ก็เตี้ยกว่ากู”
“สูงกว่าแล้วไง คิดว่ากูต่อยแล้วไม่เจ็บงั้นเหรอ” ผมปากไว...จนเกินไป
“ว่าไงนะ” พี่ป่าวางถังพลาสติกแล้วหันมาหาผม ผมนี่ใจเต้นตึกๆแต่กลืนน้ำลายเถียงพี่เขาเข้าไว้... “ไหนลอง...ต่อยกูซิ"
ใครจะกล้าฟะ...หน้าเรียวๆที่ยื่นเข้ามาใกล้มีแต่จะทำให้ใจเต้นไม่ได้ทำให้อยากต่อยออกไปเลยสักนิด ผมมือสั่นตอนที่พี่ป่าจ้องมองมาที่ผมเขม็ง
ผมชอบพี่เขาแท้ๆ แต่ผมกลับเริ่มความสัมพันธ์ของเขากับผมได้ไม่ดีเลย...
…แต่ผมมีเหตุผลนะ
“ไม่ต่อยโว้ย หลบไป” ผมผลักเขาออกไปให้พ้นทางแล้วเดินเข้าไปในหอ
“อะไรของวะ” ผมได้ยินเสียงพี่ป่าบ่นตามหลังผมมา หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรแล้วเพราะผมวิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วร้องใส่หมอนที่วางอยู่บนเตียง
ผมได้คุยกับพนา ก้องธานินทร์แล้ว!!!!
ร้านคอฟฟี่ช็อปในมหาลัย
“กูไม่รู้ว่ะ ก็รู้นิสัยกูอ่ะเจอหน้าพี่ป่าทีไรก็ชอบแซะพี่เขาและก็พูดถึงพี่เขาในแง่ไม่ดีอยู่เรื่อย เช่น พี่ป่าวันนี้ผมไม่สระว่ะ แต่รู้มั้ยว่ากูชอบโคตรจะดูดี หรือไม่ก็บางวันที่พี่เขามาสายกูก็แอบด่าเขาว่าคนเชี่ยไรมาสายได้ตลอดแต่ในใจกูนี่กูชอบที่จะเห็นเขาวิ่งกระหืดกระหอบเข้าประตูโรงเรียนมานะเว้ย กูว่าตลกดี นี่กูแซะเขาในพื้นที่ของกูจนกูคิดว่ากูสนิทกับเขาทั้งๆที่ยังไม่เคยได้คุยด้วย เพราะงั้นตอนที่กูเจอ...กูก็เลย...”
“เละไม่มีชิ้นดี” มิ่งช่วยเสริมคำพูดให้ผมหลังจากที่รู้แล้วว่าผมไปเจอพี่ป่ามา ไอ้มิ่งดึงดูดสายตาสตรีเพศในร้านได้มากเอาการเลยครับเพราะหน้าหล่อๆของมันรวมทั้งความสูงชะลูด
“โอ้ย ไม่รู้…” ผมเอามือปิดหน้า เละไม่มีชิ้นดีอย่างที่ไอ้มิ่งพูดจริงๆ ผมว่าความหวังที่ผมจะทำให้พี่ป่าหันมามองบ้างจากศูนย์คงจะถึงคราวติดลบก็คราวนี้ มีอย่างที่ไหนที่ชอบเขาแต่ไปชวนเขามาด่ามาว่ามาต่อล้อต่อเถียง
ไอ้วาโย...อะไรของเมิงงงงงงงง...
“กูว่าดีนะ” ไอ้มิ่งดูดช็อคโกแลตเย็นจู๊ดๆ
ผมเอามือออกจากหน้า “ว่าไงนะ”
“ดีจะตายห่า ตอนนี้ไอ้พี่ป่าก็จำได้แล้ว และสามารถต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้พี่ป่าได้อีกตั้งหลายสตอรี่ เพราะอะไรรู้มั้ย...”
“อะไรวะ...”
“คนอย่างอ่ะ หวานไม่เป็นหรอกโย” มิ่งเอ่ย “จะให้ไปพูดแบบว่าพี่ป่าครับ ผมชอบพี่ พี่ป่าครับ ไปเดทกับผมหน่อย พี่ป่าครับ ฝันดีนะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆก็ไม่พูด หรือถ้าจะพูดก็คงใช้เวลาสามวันในการรวบรวมความกล้า กูพูดถูกมั้ย”
“กู…”
“การที่ไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา จะทำให้กับเขาพูดจากันไหลลื่นแม้ว่าเขาจะมองไม่ดีก็เถอะ แต่เชื่อกู...สักวันเขาจะมองดีเองเพราะตัวดี เข้าใจกูมั้ยเนี่ย”
“ตรรกะเชี่ยไรของเนี่ยไอ้มิ่ง”
“หึ แต่งงานกับพี่ป่าเมื่อไหร่ เอาของมาเซ่นกูด้วยนะ”
อะไรจะทำให้ไอ้หล่อนี่มั่นใจได้ขนาดนั้นฟะ ผมส่ายหน้าพยายามไล่สิ่งที่ไอ้มิ่งเพิ่งพูดกับผมออกไป ไม่รู้แหละ ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงผมก็ได้เจอพี่ป่าและก็ได้คุยกับพี่ป่าแล้ว นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ
คราวนี้ถ้าบังเอิญเจอกันอยู่ที่หอผมจะทักพี่เขาว่าไงดีล่ะเนี่ย
ไงไอ้สูง...เรียนหนักมั้ย
อะไรประมาณนี้เหรอ...ไม่เห็นจะเข้าท่าเลยแฮะ
ตอนเย็นผมมาประชุมอยู่ที่คณะซึ่งเป็นการนัดพบปะครั้งแรกหลังจากที่สอบสัมภาษณ์ผ่าน เพื่อนบางคนผมก็จำหน้าได้แต่บางคนผมก็จำหน้าไม่ได้ แต่บอกไว้เลยครับว่าเอกของผมเนี่ย...มีผู้ชายน้อยมาก
แถมมากกว่าครึ่งเป็นผู้ชายที่ท่าทางตุ้งติ้ง...
ผมนั่งอยู่ในแถบโซนของเอกชีววิทยาเอกที่ผมเรียน ในบรรดาวิชาวิทยาศาสตร์นี่เป็นวิชาที่ผมชอบมากที่สุดแล้วล่ะ คณะผมมีประมาณพันกว่าคนและวันนี้ก็นั่งกันกินโรงยิมไปแทบครึ่งค่อนโรงยิมเลยทีเดียว เป็นการประชุมด่วนที่ไม่ได้นัดหมายอะไรเป็นพิธีรีตอง เพราะฉะนั้นผมเห็นบางคนใส่กางเกงบอลมาเข้าประชุม
“สวัสดีค่ะน้องๆคณะวิทยาศาสตร์”
“สวัสดีค่ะ/ครับ”
“ที่พี่เรียกประชุมด่วนในวันนี้ก็ต้องขอโทษด้วย พี่มีธุระด่วนมากจริงๆ” ประธานสมาคมนิสิตคณะวิทย์ร่างท้วมท่าทางตุ้งติ้งเอ่ย “วันนี้เราต้องได้ตัวดาวเดือนคณะนะจ๊ะ”
ผมกับเหล่าปีหนึ่งทำหน้างง ดาวเดือนที่ว่ามันสำคัญอะไรขนาดนั้นเชียว
“เนื่องจากการผิดพลาดทางตาราง พวกพี่เองก็ปวดหัวมากมายกับเรื่องนี้ ที่จริงจะต้องมีการแข่งขันกันหลายรอบ แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ เรามาเลือกกันแบบนั่งจับเข่าคุยกันง่ายๆเลยจะดีกว่า”
จับเข่าคุยยังไงหว่ากับคนพันคน...
“ง่ายๆเลยค่ะ ทุกเอกส่งตัวแทนออกมาชายหนึ่งหญิงหนึ่งให้มายืนกันอยู่ตรงนี้ พี่ใจดีจ้ะพี่ให้เวลาน้องๆหนูๆเลือกกันเองภายในเวลาสิบนาทีนี้ เอกไหนไม่ยอมส่งตัวแทนลงมา พี่จะทำให้เอกนั้นงดขนมเบรกในกิจกรรมวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ”
สิ้นเสียงประธานพูด ทุกคนหันมามองหน้ากันแทบจะในทันที เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นไปทั่วบริเวณเพราะต่างคนต่างก็เสนอคนนั้นคนนี้ในเอกของตัวเอง
ผมนั่งเฉยๆ มองดูเพื่อนเขาออกความเห็นต่างๆกันออกไป โชคดีหน่อยที่เอกผมมีคนจำนวนร้อยนิดๆ คุยกันง่ายหน่อย(นี่ง่ายแล้วเหรอ)
“ดิฉันขอนำเสนอ...วาโย” นางฟ้านางหนึ่งยกมือของผมขึ้นมาทำให้ทุกคนในเอกหันมามองผมเป็นตาเดียว “แก๊งกระเทยมองมานานแล้วค่ะ แซ่บมาก ถ้าส่งเข้าไปชนะแน่ เพื่อนๆว่าไง”
เริ่มมีคนส่งเสียงเห็นด้วยในขณะที่ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่เหมาะๆ กูไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะเชี่ยไร แมนสุดหล่อสุดแล้วไอ้โย” นางฟ้าเปลี่ยนเป็นนางมารทันทีที่ผมไม่ยอมทำตามที่มันพูด “ขาวก็ขาว ขนตางี้จะชนหน้ากูอยู่ละ กูจะส่งไป ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอะไรทั้งนั้น”
“ไม่โว้ย กูไม่เป็น”
จากมือคู่หนึ่งที่จะดันตัวผมให้ยืนขึ้นคราวนี้เป็นมือหลายคู่ที่แทบจะจับผมส่งถวายพานให้ท่านประธาน ผมจะบ้าตาย ผมเนี่ยนะจะไปสู้อะไรเอกอื่นเขาได้...
และแล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้ผมกับเพื่อนชะงัก...
“อุ้ยตาย เรามีแขกรับเชิญค่ะเด็กๆ” ท่านประธานดูระริกระรี้ขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นกองทัพนักกีฬาบาสที่เดินเข้ามาในยิม ทั้งหมดดูตกใจที่เห็นจำนวนคนมากมายที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์ในยิมและกำลังจะออกไปข้างนอก “จะไปไหนล่ะ เข้ามาก่อน หมอพนา ฉันเห็นเธอนะ อย่าให้ฉันต้องไปบุกข่มขืนเธอที่หอ!”
หมอพนา...พนา พนา…นี่อย่าบอกนะว่าสูงๆขาวๆและก็ใส่เสื้อนักบาสสีแดงทั้งตัวนั่นคือ...พี่ป่า
“…หล่อ” นางฟ้าที่เคยเพ้อถึงผมบัดนี้ลืมผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่ป่าไง พี่ป่าอ่ะ”
“กรี๊ดดดหล่อมากกกก เคยเห็นแต่ในเพจคิ้วท์บอย ตัวจริงหล่อมากกกก”
“พี่ป่าาาาาาาาาา”
พี่ป่าอย่างงั้นพี่ป่าอย่างงี้ดังระงมไปหมด ผมนี่ยืนอึ้งมองดูพี่ป่าเดินมาหาเจ๊ประธานด้วยท่าทางติดจะรำคาญ “มีอะไร” ผมได้ยินเสียงพี่เขาพูดว่าอย่างนั้นแว่วๆ
“คนมองเยอะนะไอ้น้องป่า เดี๋ยวเถอะ”
“แล้วยังไง”
“เด็กๆคะ” เจ๊ประธานตีแขนพี่ป่าไปทีหนึ่งแล้วก็ลากตัวสูงๆของเขาให้มายืนอยู่ข้างๆ “นี่คือหมอพนาหรือหมอป่าปีสอง เดือนคณะแพทยศาสตร์ปีที่แล้ว ขอเสียงปรบมือด้วยค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“ชะนีเด็กกับทายาทกระเทยหยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้แค่ปรบมือไง”
ผมอ้าปากค้างมองดูภาพตรงหน้าด้วยความอึ้ง ไอ้พี่ป่าคนกากที่ผมชอบแซะในใจที่โรงเรียนเก่าปีที่แล้วเขาคือเดือนคณะแพทย์เหรอเนี่ย...
“และที่เด็ดไปกว่านั้นคือ...เขาเป็นเดือนมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ”
แทบล้มทั้งยืน...รู้สึกว่าชนชั้นวรรณะห่างไกลออกไปจากพี่ป่าอีกประ
แสดงความคิดเห็น
ใครมีนิยายวายแนะนำบ้างค่ะ
ปล.ใครมีช่วยบอกด้วยนะคะ ขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ