เรื่องราวนี้ผู้ตั้งกระทู้ไปพบเจอแล้วเกิดข้อสงสัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างนิสิตและอาจารย์ จากบทคามของทางฝ่ายนิสิตที่ออกมาโพสต์เรื่องราวผ่านทางFacebook
ผมมีเรื่องขอความอนุเคราะห์แนะนำแก้ไขปัญหา
เกี่ยวกับอาจารย์ตำหนินิสิตนักศึกษาเรื่องการแสดงความคิดเห็นในระบบประเมินอาจารย์ผู้สอน reg
วันศุกร์ ที่6 มกราคม 2560เวลา 11.25น.ที่ห้องพักอาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัย
ในขณะเวลานั้นผมโดนอาจารย์เรียกพบ เเละถูกตำหนิตัดขาดการเป็นอาจารย์เป็นนิสิตหลังจากที่อจารย์ท่านได้เห็นข้อความที่ประเมินแสดงความคิดเห็นในเรื่องการสอนของอาจารย์ท่านว่าในชั่วโมงท่านเป็นแบบไหนตามที่ผมสัมผัสได้ในเวลาเรียน ผมได้แสดงความคิดเห็นของอาจารย์สอนทุกคนในวิชานี้
ผมไม่รู้จะทำไง อาจารย์ตัดพ้อต่อว่าผม จนผมรู้สึกผิดมากหรือ แล้วผมก็ขอโทษอาจารย์ท่าน จนอาจารย์ท่านเวี่ยงตัดท้อต่างๆ อาจารย์ท่านนี้ยกมือขอโทษซึ่งผมเห็นแล้วไม่ชอบมากเลยทำให้ผมรู้สึกไม่ดีในสายตาท่านและท่านก็เอาเรื่องผมไปโพสหน้าเตตัสเฟสบุคตัวเองจนอาจารยคนที่เขาไม่รู้ก็รู้ว่าเกิดไรขึ้น ทำให้เพื่อน น้อง ในคณะ รวมทั้งอาจารย์ในคณะไม่ชอบอาจคิดว่าผมคิดไม่ดี ศิษย์เยียดครู การเขียนในคำแนะนำการประเมินมันดูแย่ขนาดนั้นหรอครับ ผมทำไปเพื่ออยากสร้างบรรยากาศการเรียนกับผู้สอนและผู้เรียน วิชามันยากก็จริงทำไมอาจารย์ต้องประนามประชดนิสิตของตัวเอง ส่วนตัวผมก็ไม่เคยมีอคติกับอาจารย์ท่านนี้เลย ผมรักท่านมากด้วยซ้ำที่ท่านดูแลผมเป็นอย่างดี ผมมีอะไรก็ไปปรึกษาท่านทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องเนื้อหาเรียนในเนื้อหาของท่าน ถึงผมจะติดFวิชาท่านมา3ปีจนทำให้ผมจบช้า ผมก็ยังศรัทธาความรู้จากท่านที่ท่านให้ ผมเคยคิดจะย้ายคณะด้วยซ้ำหลังจากที่ได้เข้าพบอาจารย์ว่าจะติดFเทอมล่าสุด แต่ผมรักและมีความตั้งใจจะเรียนและอยากจะพัฒนาวงการระบบการแพทย์ให้ก้าวไกลจะเรียนเพื่อตนเองและเป็นความหวังครอบครัวที่รอคอยความสำเร็จ...
เมื่อวานผมไปทำงานที่คณะ ท่านเดินผ่านมาท่านก็เรียกผมเข้าพบแบบปกติทักทายปีใหม่เหมือนอาจารย์เอนดูเด็ก ไม่กี่นาทีอาจารย์ก็เปิดประเด็นข้อความยกมือถือขึ้นมาพร้อมคำประเมินอาจารย์ในระบบที่ให้นิสิตประเมิน อาจารย์ก็ถามผมเหมือนคนใช้อารมณ์จนผมยอมรับผิดทุกอย่าง แล้วว่าจะไม่ทำอีก อาจารย์ก็ให้เหตุผลทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ทำไมอธิบายแต่ละหัวข้อ ผมก็อธิบายประโยคที่ได้คอมเม้นการประเมิน อาจารย์ก็ว่าต่อไปนี้อาจารย์จะไม่มีอาจารย์กับลูกศิษย์และจะไม่มีลูกศิษย์แบบเธออีกต่อไป อาจารย์ท่านอโหสิกรรมท่านยกมือไหว้ให้ผม ผมก็ได้แต่ร้องไห้ยกมือไหว้ตอบท่านว่าอย่าทำแบบนี้มันดูไม่เหมาะสม อาจารย์ก็อวยพรเหมือนทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี แต่ทิ้งทายด้วยคำพูดที่ว่าโชคดีเห็นอาจารย์ที่ไหนทำเป็นไม่รู้จักกันเราถือว่าไม่มีอะไรต่อกัน และจะเรียนรายวิชาที่ผมติดFมาตลอด3ปี ต้องเรียนกับอาจารย์ท่านอื่น แล้วแต่ท่านอื่นจะสอน ณ เวลานั้นผมได้ไปปรึกษากับกองทะเบียนฝ่ายดูแลระบบและกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัย ในเวลานั้นผมได้แต่กลัวและต้องการความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัย ตอนนี้สุขภาพจิตนิสิตคนหนึ่งที่ต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ เรื่องการติดFวิชาเดียว3ตัวซึ่งเกรดตอนนี้ผมก็อยู่ที่2.++ซึ่งยังไม่เคยต่ำกว่า2.00 ผมต้องเคลียร์ปัญหาการเรียนกับครอบครัวและต้องมีค่าใช้จ่ายการเรียนเพื่อให้จบ ซึ่งผมจะต้องเรียนหลักสูตร6ปีขยายเป็น9ปี ไม่รู้ว่าผมจะได้เรียนต่ออีกไหม ครอบครัวผมก็มีน้องที่กำลังเรียน ม.4 ค่าใช้จ่ายต่างๆอยู่ที่แม่ผมคนเดียว เพราะพ่อผมเป็นโรคประจำตัวไม่ต่างไรกับอัมพฤต ผมจะไม่ขออะไรกับอาจารย์ท่านนี้ ผมอยากให้หน่วยงานหรือทางมหาวิทยาลัย ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมนิสิตกับอาจารย์ ตามระบบมาตรฐานการศึกษา ผมจะไม่ขอเรียกร้องทั้งสิ้นอยากให้อาจารย์ท่านนี้ได้เมตตาและรู้สึกว่าเป็นนิสิตอาจารย์ และอาจารย์ในคณะรวมทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ได้เข้าใจว่าผมมีเจตนาและอคติที่ดีต่ออาจารย์ท่านนี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าการประเมินReg มหาวิทยาลัย จะเป็นแแบบนี้เสียทั้งสุขภาพจิตเสียทั้งมิตรภาพ ผมขอโทษมหาลัยครับที่ผมต้องมาขอพื้นที่ในโชลเชียว..... ผมไม่รู้จะทำไง ทั้งเรื่องการเรียนจะจบช้าไม่ตรงหลักสูตร เรื่องคนในครอบครัวที่จะส่งผมเรียนก็เคยมีปัญหาเพราะผมติดFวิชาตัวนี้ตลอด3ปีเรื่องอาจารย์ที่สอนและอาจารย์ท่านอื่นๆในคณะที่ได้ข่าว เพราะผมต้องเรียนและฝึกงานและใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย ผมอยากให้เรื่องนี้เป็อุธาหรณ์สอนนิสิตทุกคน ผมอาจจะเจอหรือคนอื่นอาจจะเคยเจอแบบผมก็ดี ...ผมอาจจะไม่ใช่เด็กที่เก่งทำข้อสอบแต่ผมสามารถที่จะเรียนรู้และทำงานรับใช้สังคมอย่างสุดความสามารถครับ ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจผมว่าปัญหามีทางแก้แต่ตอนนี้ปัญหาผมต้องการความช่วยเหลือชี้ทางให้ผมยังเป็นนิสิตผมก็อยากให้ตัวเองได้รับสิทธิ์การดูแลจากทางมหาวิทยาลัยช่วยเหลือปัญหานิสิตเพื่อให้สอดคล้องกับผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน ไม่ใช่ต้องใช้อารมณ์และคิดว่าคนอื่นโดยที่ผมไม่ได้ไปยืนชี้หน้าทำร้ายและก้าวก่ายสิทธิมนุษยชน ผมก็ประเมินอาจารย์ผู้สอนตามนโยบายมหาลัยที่ต้องประเมินทุกปี ผลตามมามันเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องการสู้หน้าอาจารย์ และการจะเรียนต่อในรายวิชาที่ผมจะลงปีหน้า ผมก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกนิสิตที่ต้องใช้เงินจากครอบครัวมาเรียนเพื่อหวังความรู้และอนาคต ผมเจอเหตุการณ์นี้ผมรู้สึกท้อกับการที่จะเรียนต่อมากครับ....
#บทความนี้นำมาจากฝ่ายนิสิตมหาวิทยาลัยแห่งนึง
เหตุเกิดเพราะประเมินอาจารย์ ตามนโยบายของทางมหาวิทยาลัย ?
ผมมีเรื่องขอความอนุเคราะห์แนะนำแก้ไขปัญหา
เกี่ยวกับอาจารย์ตำหนินิสิตนักศึกษาเรื่องการแสดงความคิดเห็นในระบบประเมินอาจารย์ผู้สอน reg
วันศุกร์ ที่6 มกราคม 2560เวลา 11.25น.ที่ห้องพักอาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัย
ในขณะเวลานั้นผมโดนอาจารย์เรียกพบ เเละถูกตำหนิตัดขาดการเป็นอาจารย์เป็นนิสิตหลังจากที่อจารย์ท่านได้เห็นข้อความที่ประเมินแสดงความคิดเห็นในเรื่องการสอนของอาจารย์ท่านว่าในชั่วโมงท่านเป็นแบบไหนตามที่ผมสัมผัสได้ในเวลาเรียน ผมได้แสดงความคิดเห็นของอาจารย์สอนทุกคนในวิชานี้
ผมไม่รู้จะทำไง อาจารย์ตัดพ้อต่อว่าผม จนผมรู้สึกผิดมากหรือ แล้วผมก็ขอโทษอาจารย์ท่าน จนอาจารย์ท่านเวี่ยงตัดท้อต่างๆ อาจารย์ท่านนี้ยกมือขอโทษซึ่งผมเห็นแล้วไม่ชอบมากเลยทำให้ผมรู้สึกไม่ดีในสายตาท่านและท่านก็เอาเรื่องผมไปโพสหน้าเตตัสเฟสบุคตัวเองจนอาจารยคนที่เขาไม่รู้ก็รู้ว่าเกิดไรขึ้น ทำให้เพื่อน น้อง ในคณะ รวมทั้งอาจารย์ในคณะไม่ชอบอาจคิดว่าผมคิดไม่ดี ศิษย์เยียดครู การเขียนในคำแนะนำการประเมินมันดูแย่ขนาดนั้นหรอครับ ผมทำไปเพื่ออยากสร้างบรรยากาศการเรียนกับผู้สอนและผู้เรียน วิชามันยากก็จริงทำไมอาจารย์ต้องประนามประชดนิสิตของตัวเอง ส่วนตัวผมก็ไม่เคยมีอคติกับอาจารย์ท่านนี้เลย ผมรักท่านมากด้วยซ้ำที่ท่านดูแลผมเป็นอย่างดี ผมมีอะไรก็ไปปรึกษาท่านทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องเนื้อหาเรียนในเนื้อหาของท่าน ถึงผมจะติดFวิชาท่านมา3ปีจนทำให้ผมจบช้า ผมก็ยังศรัทธาความรู้จากท่านที่ท่านให้ ผมเคยคิดจะย้ายคณะด้วยซ้ำหลังจากที่ได้เข้าพบอาจารย์ว่าจะติดFเทอมล่าสุด แต่ผมรักและมีความตั้งใจจะเรียนและอยากจะพัฒนาวงการระบบการแพทย์ให้ก้าวไกลจะเรียนเพื่อตนเองและเป็นความหวังครอบครัวที่รอคอยความสำเร็จ...
เมื่อวานผมไปทำงานที่คณะ ท่านเดินผ่านมาท่านก็เรียกผมเข้าพบแบบปกติทักทายปีใหม่เหมือนอาจารย์เอนดูเด็ก ไม่กี่นาทีอาจารย์ก็เปิดประเด็นข้อความยกมือถือขึ้นมาพร้อมคำประเมินอาจารย์ในระบบที่ให้นิสิตประเมิน อาจารย์ก็ถามผมเหมือนคนใช้อารมณ์จนผมยอมรับผิดทุกอย่าง แล้วว่าจะไม่ทำอีก อาจารย์ก็ให้เหตุผลทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ทำไมอธิบายแต่ละหัวข้อ ผมก็อธิบายประโยคที่ได้คอมเม้นการประเมิน อาจารย์ก็ว่าต่อไปนี้อาจารย์จะไม่มีอาจารย์กับลูกศิษย์และจะไม่มีลูกศิษย์แบบเธออีกต่อไป อาจารย์ท่านอโหสิกรรมท่านยกมือไหว้ให้ผม ผมก็ได้แต่ร้องไห้ยกมือไหว้ตอบท่านว่าอย่าทำแบบนี้มันดูไม่เหมาะสม อาจารย์ก็อวยพรเหมือนทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี แต่ทิ้งทายด้วยคำพูดที่ว่าโชคดีเห็นอาจารย์ที่ไหนทำเป็นไม่รู้จักกันเราถือว่าไม่มีอะไรต่อกัน และจะเรียนรายวิชาที่ผมติดFมาตลอด3ปี ต้องเรียนกับอาจารย์ท่านอื่น แล้วแต่ท่านอื่นจะสอน ณ เวลานั้นผมได้ไปปรึกษากับกองทะเบียนฝ่ายดูแลระบบและกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัย ในเวลานั้นผมได้แต่กลัวและต้องการความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัย ตอนนี้สุขภาพจิตนิสิตคนหนึ่งที่ต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ เรื่องการติดFวิชาเดียว3ตัวซึ่งเกรดตอนนี้ผมก็อยู่ที่2.++ซึ่งยังไม่เคยต่ำกว่า2.00 ผมต้องเคลียร์ปัญหาการเรียนกับครอบครัวและต้องมีค่าใช้จ่ายการเรียนเพื่อให้จบ ซึ่งผมจะต้องเรียนหลักสูตร6ปีขยายเป็น9ปี ไม่รู้ว่าผมจะได้เรียนต่ออีกไหม ครอบครัวผมก็มีน้องที่กำลังเรียน ม.4 ค่าใช้จ่ายต่างๆอยู่ที่แม่ผมคนเดียว เพราะพ่อผมเป็นโรคประจำตัวไม่ต่างไรกับอัมพฤต ผมจะไม่ขออะไรกับอาจารย์ท่านนี้ ผมอยากให้หน่วยงานหรือทางมหาวิทยาลัย ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมนิสิตกับอาจารย์ ตามระบบมาตรฐานการศึกษา ผมจะไม่ขอเรียกร้องทั้งสิ้นอยากให้อาจารย์ท่านนี้ได้เมตตาและรู้สึกว่าเป็นนิสิตอาจารย์ และอาจารย์ในคณะรวมทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ได้เข้าใจว่าผมมีเจตนาและอคติที่ดีต่ออาจารย์ท่านนี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าการประเมินReg มหาวิทยาลัย จะเป็นแแบบนี้เสียทั้งสุขภาพจิตเสียทั้งมิตรภาพ ผมขอโทษมหาลัยครับที่ผมต้องมาขอพื้นที่ในโชลเชียว..... ผมไม่รู้จะทำไง ทั้งเรื่องการเรียนจะจบช้าไม่ตรงหลักสูตร เรื่องคนในครอบครัวที่จะส่งผมเรียนก็เคยมีปัญหาเพราะผมติดFวิชาตัวนี้ตลอด3ปีเรื่องอาจารย์ที่สอนและอาจารย์ท่านอื่นๆในคณะที่ได้ข่าว เพราะผมต้องเรียนและฝึกงานและใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย ผมอยากให้เรื่องนี้เป็อุธาหรณ์สอนนิสิตทุกคน ผมอาจจะเจอหรือคนอื่นอาจจะเคยเจอแบบผมก็ดี ...ผมอาจจะไม่ใช่เด็กที่เก่งทำข้อสอบแต่ผมสามารถที่จะเรียนรู้และทำงานรับใช้สังคมอย่างสุดความสามารถครับ ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจผมว่าปัญหามีทางแก้แต่ตอนนี้ปัญหาผมต้องการความช่วยเหลือชี้ทางให้ผมยังเป็นนิสิตผมก็อยากให้ตัวเองได้รับสิทธิ์การดูแลจากทางมหาวิทยาลัยช่วยเหลือปัญหานิสิตเพื่อให้สอดคล้องกับผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน ไม่ใช่ต้องใช้อารมณ์และคิดว่าคนอื่นโดยที่ผมไม่ได้ไปยืนชี้หน้าทำร้ายและก้าวก่ายสิทธิมนุษยชน ผมก็ประเมินอาจารย์ผู้สอนตามนโยบายมหาลัยที่ต้องประเมินทุกปี ผลตามมามันเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องการสู้หน้าอาจารย์ และการจะเรียนต่อในรายวิชาที่ผมจะลงปีหน้า ผมก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกนิสิตที่ต้องใช้เงินจากครอบครัวมาเรียนเพื่อหวังความรู้และอนาคต ผมเจอเหตุการณ์นี้ผมรู้สึกท้อกับการที่จะเรียนต่อมากครับ....
#บทความนี้นำมาจากฝ่ายนิสิตมหาวิทยาลัยแห่งนึง