ลองดีที่ศาลเจ้าพ่อเสือ

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา เรื่องเริ่มจากว่า...

ช่วงนั้นพี่ชายเรากำลังจะจับใบดำ ใบแดง เป็นทหาร ครอบครัวเราไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้เท่าไหร่ เป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ เพราะรู้สึกว่าที่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฏเกณฑ์ปกติ เราว่าที่แม่เราไม่ซีเรียสว่าพี่จะได้เป็นทหารหรือไม่ อาจเพราะตอนนั้นพี่เราก็เกเร ไม่ยอมทำมาหากิน ดื้อมาก พูดอะไรก็ไม่ฟัง เลยคิดว่าให้ไปเป็นทหารฝึกระเบียบวินัย โดนดัดนิสัยบ้างคงดี

จนถึงวันที่พี่ชายไปจับใบดำ ใบแดง พี่ชายเราจับได้ใบแดง ที่บ้านรับรู้หมดทั้งครอบครัว ก็เตรียมตัวไปรายงานตัวตามนัด แต่พอค้นหารายชื่อ หาเท่าไหร่ก็หาชื่อพี่ชายเราไม่เจอ คือหาไม่เจอจริงๆ จนสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นทหาร เพราะไม่มีรายชื่อในระบบ

เหตุการณ์หลังจากวันนั้นผ่านไปไม่นาน พี่ชายกับแม่เราก็ทะเลาะกัน เรียกได้ว่าทะเลาะกันทุกวัน จนพี่ชายเราออกจากบ้านไป คือหายไปเลย คงไปอยู่กับเพื่อน พี่ชายเรากลับบ้านมาอีกที คือมาเก็บเสื้อผ้าและมากราบแม่ บอกว่าไปสมัครทหารมาแล้ว ซึ่งเราและที่บ้านก็งงมากว่าอยู่ดีๆไปสมัครทำไม หรือจะประชดแม่ พี่ชายก็ไปเข้ากรมเป็นทหาร วันนั้นเค้าออกจากบ้านไป และก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านมาอีกเลย

หลังจากวันที่พี่ชายออกจากบ้านไป ที่บ้านเริ่มมีปัญหาหลายๆอย่าง เราก็ไม่รู้ว่าแม่เครียดหรือเปล่าเกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่พี่สาวเราหายออกจากบ้านไป แต่แม่เริ่มมีอาการผิดปกติ  แม่เดินวนไปวนมาในบ้าน กลางคืนไม่ค่อยนอน  เราเข้าใจว่าแม่เครียดเรื่องพี่สาวเลยนอนไม่หลับ

จนถึงวันหนึ่ง ซึ่งวันนั้นเราจำได้ดี เราอยู่กับแม่สองคนในเย็นวันนั้น แม่เริ่มพูดว่า "มีคนจะมาฆ่าแม่ เค้าจะมาเอาชีวิตแม่แล้ว" เราก็ได้แต่บอกให้แม่นอนหลับเถอะ อย่าคิดมาก ไม่มีใครทำอะไรแม่หรอก ใจเย็นๆ ช่วงเวลาที่เค้าพูดนั้น เค้าก็เดินไปเดินมาตรงประตูบ้าน บ้านเราเป็นประตูกระจกดึงเข้าออก เป็นตึกแถว 3 ชั้น ประตูบ้านเรามองออกไปก็เป็นถนนเลย ทุกครั้งเราก็จะมองตามแม่ออกไปนอกถนน ว่าแม่พูดถึงใคร แต่ก็ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น แม่ตาขวางๆ หน้าตาคล้ำๆเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน เราเป็นห่วงแม่มาก แต่คิดว่าเดี๋ยวอาการแกก็คงปกติ เราก็เฝ้าจนแม่หลับที่เตียง

...ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากที่แม่เรานอนหลับ...

แม่ตื่นขึ้นมา แม่ตาลอย พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดวนไปวนมาแค่ว่า โลกผู้หญิง โลกผู้ชาย ผู้แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ตามองที่เพดาน ไม่กลอกตามองอะไรทั้งสิ้น เราพยายามเขย่าตัวแม่เพื่อที่จะถามว่าแม่เป็นอะไร แม่ยังมีสติอยู่ใช่มั้ย แต่แม่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกับเราเลย เราถามแม่ว่า "นี่โบลูกแม่ไง แม่จำได้มั้ย" แม่เราไม่ตอบ พูดวนแต่คำเดิมๆ ตาก็มองแต่เพดานบ้าน ไม่ลุก ไม่ตอบ หรืออะไรทั้งสิ้น

เราเริ่มใจไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราวิ่งไปบนชั้น 3 ห้องของพี่สาว ร้องไห้ออกมา บอกพี่สาวว่าแม่เป็นอะไรไม่รู้ลงมาดูเร็ว แม่จำอะไรไม่ได้เลย ทำไงดี พี่สาวเรางงมาก ก็พูดกับเราว่าใจเย็นก่อนดิเห้ย อะไร มันเกิดอะไรขึ้น? พี่สาวเราวิ่งตามเราลงมาเจอแม่นอนที่เตียง ก็พยายามคุยกับแม่ ซึ่งแม่ก็ไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับตอนแรก หลังจากนั้นพ่อก็กลับจากที่ทำงาน ก็เล่าให้พ่อฟังทั้งหมดช่วงที่แม่เริ่มไม่ได้สติ พ่อก็เลยพาแม่ไปหาหมอจิตเวท ทั้งศรีธัญญา โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา แม่ก็อาการไม่ดีขึ้น

ตอนนั้นสภาพจิตใจคนในครอบครัวแย่มาก เราไปเรียนหนังสือก็ร้องไห้ ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรกับครอบครัวเรา เพราะเราก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หลังจากกลับมาจากโรงเรียน กลับมาเจอแม่ จากที่แม่เป็นคนพูดมาก ขี้บ่น แม่กลายเป็นคนเงียบซึม เอาแต่สวดอะไรไม่รู้ตลอดเวลา แล้วชุดปกติแม่ก็ไม่ใส่ แม่ต้องใส่แค่ชุดขาวเท่านั้น อาหารที่กินปกติ คือกินไปแล้วอ้วกออกมาหมด สิ่งที่ทำให้แม่มีชีวิตอยู่ได้คือ ข้าวที่พระบิณฑบาต ซึ่งพ่อต้องไปที่วัดตอนเช้าๆ ไปขอข้าวทางวัดมาให้แม่กินทุกวัน เราคิดว่าพ่อน่าจะเล่าให้พระแถวบ้านฟัง นมที่แม่กินได้จริงๆ มีแค่นมถั่วเหลือเท่านั้น ซึ่งเพื่อนบ้านที่เห็นแม่ต่างก็สงสาร จะซื้อมาให้แม่กิน แต่แม่จะไม่รับจากทุกคนนะ บางคนแม่ก็ชี้หน้าบอกว่าเป็นผี เป็นศพอะไรประมาณนี้

เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ขอเดินทางกลับบ้านก่อนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่